ปลูกสร้างบ้านบนที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่า ยึดบ้านบังคับคดีได้ (ฎ.367/2568)

โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน ภ.บ.ท. 5 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักอาศัยตึก 1 ชั้น ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา 

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ยึดเฉพาะสิ่งปลูกสร้างบ้านพักอาศัยออกขายทอดตลาด โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีในส่วนของที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ว่า เป็นที่ดินของรัฐประเภทที่ดินรกร้างว่างปล่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (1) จำเลยไม่ใช่เจ้าของ และเป็นทรัพย์สินอย่างใดที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 301 (5) โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับคดี

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธินำยึดบ้านพักอาศัยตามคำร้องออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (1) ซึ่งราษฎรที่เข้ายึดถือครอบครองหรืออยู่อาศัยไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามมาตรา 1305 และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 301 (5) 
และจำเลยปลูกสร้างบ้านพิพาทอยู่บนที่ดินอันเป็นทรัพย์ที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีก็ตาม 

แต่จำเลยเบิกความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไว้ เท่ากับจำเลยยอมรับว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาท จำเลยจึงย่อมมีสิทธิยึดถือและใช้สอยบ้านพิพาท สามารถยกการครอบครองใช้ยันราษฎรด้วยกันได้ กับมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับบ้านพิพาทโดยมิชอบ รวมทั้งมีสิทธิจำหน่ายบ้านพิพาทในสถานะเดียวกับเจ้าของ เพียงแต่ไม่สามารถยกการครอบครองดังกล่าวขึ้นอ้างต่อสู้รัฐเท่านั้น ดังนั้น บ้านพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ไม่มีเหตุที่จะถอนการยึดบ้านพิพาทตามคำร้องได้ 

กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือไม่ ตามที่จำเลยอ้างมาในฎีกาเพราะรัฐซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมิได้เข้ามาโต้แย้งสิทธิของตนกับโจทก์จำเลยในคดีด้วย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนางอัมพร มิใช่เป็นของจำเลยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา ไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 252 จึงไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

ที่มา ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)