สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 3-4)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 3-4)
อาจารย์ฉันทวัธน์ วรทัต
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568
**********

1. ม.455 คำว่า "สัญญาซื้อขายสำเร็จบริบูรณ์" ไม่เป็นที่นิยม ที่นิยมใช้ก็คือ "สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด" และตั้งแต่ ม.455 เป็นต้นไป ถ้ากฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ชัดเจนว่าเป็นนิติกรรมประเภทไหน ก็ต้องถือว่าเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เช่น ม.456 วรรคหนึ่ง "การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์.." เช่นนี้ก็หมายถึง สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอสังหาริมทรัพย์ , ม.458 กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้น ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน คือ เมื่อขณะทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดนั่นเอง
-สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด คือสัญญาที่คู่สัญญาตกลงกันเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีแบบตามกฎหมายที่จะต้องทำกันต่อไป 
-แบบตามกฎหมายซื้อขายมีแบบเดียว คือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ตาม ม.456 วรรคหนึ่ง 
-สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ (สังหาริมทรัพย์ธรรมดา) เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดเสมอ

2. ม.456 วรรคสอง สัญญาจะซื้อจะขาย คือสัญญาซื้อขายที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ในวันทำสัญญาหรือขณะทำสัญญาชั้นหนึ่งก่อน โดยเจตนาหรือตกลงกันว่าจะไปทำให้ถูกต้องตามแบบในวันข้างหน้า 
-สัญญาจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ยังไม่โอน
-สัญญาจะซื้อจะขายไม่มีแบบ ตกลงกันด้วยวาจาก็ได้
-สัญญาจะซื้อจะขาย จะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือมีการวางมัดจำ หรือได้ชำระหนี้บางส่วน
-วิธีดูข้อสอบ ว่าเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดหรือสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ ให้ใช้แนวของศาลฎีกา ศาลฎีกาจะดูก่อนว่าเป็นสัญญาจะซื้อจะขายหรือไม่ ถ้าเป็นสัญญาจะซื้อจะขายก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้าไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขาย ก็จะเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด (เว้นแต่เรื่องคำมั่น ก็จะมีวิธีดูแตกต่างออกไป)
-ข้อตกลงในสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ต้องใช้คำเต็มว่าจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใช้คำว่า "จะไปโอนทะเบียน" , "จะไปจดทะเบียน" , "จะจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน" ก็ได้ 
-ถ้าเป็นสัญญาซื้อขายที่กรรมสิทธิ์โอนแล้วมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ต้องปรับบท ม.370 , ถ้าเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนแล้วเกิดภัยพิบัติ ต้องใช้ ม.372
-ผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
-ถ้ายากขึ้นหน่อย ไม่มีคำว่าจะโอน แต่ศาลฎีกาดูจากพฤติการณ์ ดูจากข้อความอื่นในสัญญา เช่น ฎ.601/2535 (ข้อสอบเนติ 2540) ซื้อขายที่ดิน และไปสำนักงานที่ดินเพื่อจะโอนที่ดิน แต่ไม่มีเงินค่าธรรมเนียมโอน และตกลงกันว่าจะไปโอนกันใหม่ เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย , ฎ.805/2539 สัญญาซื้อขายไม่มีคำว่าจะไปจดทะเบียนโอน แต่มีข้อความอื่นว่า เงินค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย เงินค่าภาษีเงินได้ของสรรพากร ผู้จะซื้อออกแทนผู้จะขาย เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย , ฎ.4587/2548 ข้อความในสัญญาว่าจะไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินกัน ถือว่ามีเจตนาจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนฯ เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย
-ข้อสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา มีประเด็นอยู่เรื่อย ๆ ว่า การไปซื้อที่ดินมีการทำใบสั่งจองหรือการวางมัดจำ เป็นสัญญาจะซื้อจะขายไหม 
  --ถ้าใบสั่งจองมีข้อความว่าตกลงจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันต่อไป ใบสั่งจองก็ไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขาย (ฎ.3942/2545 , 5335/2550 , 2693/2540) 
  --มีฎีกาอีกกลุ่มที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ใบสั่งจองเป็นสัญญาจะซื้อจะขายในตัว มีการระบุค่าโอน หรือจะแบ่งแยกโฉนด (ฎ.781/2541 , 2569/2556) 
  --สำหรับกรณีมัดจำ ฎ.1541/2509 (ข้อสอบเนติ 2540) , 2252/2539 , 2224/2553 (ข้อสอบผู้ช่วยฯ 2559) วางมัดจำไว้ โดยมีข้อความว่าคู่สัญญาตกลงจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันต่อไป ก็ไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขาย ถือว่าสัญญาจะซื้อจะขายยังไม่เกิด เมื่อไม่มีการทำสัญญากัน ก็ต้องคืนมัดจำฐานลาภมิควรได้ 
  --ฎ.6536/2554 สัญญาวางมัดจำเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เพราะสัญญาวางมัดจำไม่มีข้อความว่าจะไปจดทะเบียน

3. ถ้าผู้ขายผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาได้ ม.387 และกลับคืนสู่ฐานะเดิม ม.391 ชดใช้ดอกเบี้ยและค่าเสียหาย ม.391 วรรคสองและวรรคสี่ ไม่ต้องเขียนไว้ในสัญญาก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย (ข้อสอบเนติ)
-ถ้าผู้จะซื้อผิดสัญญา ผู้จะขายบอกเลิกสัญญา ม.387 และกลับคืนสู่ฐานะเดิม ม.391 ผู้จะซื้อขอเงินดาว์นคืนได้ไหม เงินที่ผู้จะขายรับไว้ ก็ต้องคืนให้ผู้จะซื้อ (ไม่ใช่เงินมัดจำ)
 
4. ข้อสังเกตเกี่ยวกับสัญญาจะซื้อจะขาย
1) ผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
2) สัญญาจะซื้อจะขายสังหาริมทรัพย์ธรรมดามีไม่ได้ เพราะสัญญาจะซื้อจะขายมีข้อตกลงว่าจะไปทำให้ถูกต้องตามแบบกฎหมาย
3) การครอบครองที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขาย ถือเป็นการครอบครองแทนผู้จะขาย ไม่ว่าจะครอบครองช้านานเพียงใด ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ (ฎ.1176/2532 ข้อสอบเนติ 2535)
4) ผู้จะซื้อที่ได้ครอบครองที่ดินแล้ว ถือเป็นผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง ตาม ม.241 + ม.193/27 เกิน 10 ปี ก็ฟ้องบังคับได้
5) สัญญาจะซื้อจะขายที่ผู้จะซื้อชำระราคาครบ กลายเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ตาม ม.1300 ถ้าผู้จะขายขายที่ดินให้บุคคลที่สามโดยบุคคลที่สามไม่สุจริต ผู้จะซื้อฟ้องเพิกถอนได้ นอกจากนี้เจ้าหนี้ของผู้จะขาย จะยึดทรัพย์ที่ผู้จะซื้อชำระราคาครบแล้วไม่ได้ เว้นแต่เจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ 
(แต่ถ้าผู้จะซื้อยังชำระราคาไม่ครบ ก็อาจฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉล ม.237)

5. ฎีกาน่าสนใจ 2194/2529 ขายช้าง มอบช้างและตั๋วรูปพรรณให้ ไม่มีข้อความว่าจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ไม่ใช่สัญญาจะซื้อจะขาย เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ เป็นโมฆะ ม.456 วรรคหนึ่ง ต่อมามีช้างพลายตกมัน ทำร้ายช้างของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ทำละเมิดได้ไหม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้สัญญาซื้อขายช้างเป็นโมฆะ แต่ผู้ซื้อมีสิทธิครอบครอง ฟ้องผู้ทำละเมิดได้ (สัญญาเป็นโมฆะเพราะขัดกฎหมาย ขัดความสงบฯ ผู้ใดจะกล่าวอ้างสัญญานั้นไม่ได้เลย แต่สัญญาที่เป็นโมฆะเพราะผิดแบบ หากมีผู้กระทำละเมิดต่อผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาเพราะผิดแบบ ถือว่าผู้ครอบครองเป็นผู้ถูกทำละเมิดด้วย)

6. คำมั่นในการซื้อขาย ตามคำพิพากษาศาลฎีกา คำมั่นในการซื้อขายคือนิติกรรมที่บุคคลฝ่ายหนึ่งได้แสดงเจตนาผูกมัดตนเองไว้ฝ่ายเดียว ให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าจะซื้อหรือจะขายทรัพย์สินให้ โดยบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งนั้นยังไม่ได้รับคำหรือสนองรับ 
-วิธีดูข้อสอบ ดูว่าคำเสนอใช้คำว่าอะไร (เช่น ขอซื้อรถ 200,000 บาท , บอกขายรถ 200,000 บาท) , คำมั่นใช้คำว่าอะไร (เช่น ถ้ามาซื้อก็จะขายให้ ฎ.5649/2557ข้อสอบเนติ2564 , ถ้ามาขอซื้อคืนก็ยินดีขายให้ , ยอมให้ซื้อคืน , ให้ผู้ขายมีสิทธิซื้อที่ดินคืนได้ อาจารย์เคยออกสอบใช้คำว่าถ้ามาซื้อก็ยินดีจะขายให้ นักศึกษา60-70%ตอบไม่ถูกว่าเป็นคำมั่น)
-คำมั่นกับคำเสนอเหมือนกัน ถ้าอีกฝ่ายตอบรับก็เกิดสัญญา และปรับบทตามสัญญา
-คำมั่นต่างจากคำเสนอตรงที่คำมั่นจะผูกมัดรัดตัวแน่นแฟ้นกว่าคำเสนอ นอกจากนี้มีความต่างอีกเยอะ เช่น โดยหลักแล้วคำมั่นจะคงอยู่ตลอดไป
-คำมั่นที่ไม่มีกำหนดเวลา บอกเลิกตาม ม.454 วรรคสอง  

คราวหน้ามาดูเรื่องคำมั่นต่อ

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.สถิติ พ.ศ. 2550 (ฉบับเตรียมสอบ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (44 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ.2562