สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 3)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 3)
อาจารย์ดาราพร ถิระวัฒน์
วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568
**********
หลักความรับผิดของลูกหนี้
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระหนี้แล้ว และ ลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ (ทำไม่สำเร็จในการชำระหนี้)
การบังคับชำระหนี้
-การบังคับชำระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง ม.213
-การบังคับชำระหนี้ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ม.222-223
1. เมื่อมูลหนี้เกิดขึ้น ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ จะทวงถามให้ชำระหนี้ไม่ได้ แต่ถ้าหนี้นั้นถึงกำหนดชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกชำระหนี้ ม.194
*ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้หรือยัง ที่เจ้าหนี้จะเริ่มใช้สิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ ซึ่งหลักของกำหนดเวลาชำระหนี้เป็นไปตาม ม.203
2. ความสำคัญของกำหนดเวลาชำระหนี้ กำหนดเวลาชำระหนี้มีความสำคัญที่กฎหมายบัญญัติไว้หลาย ๆ มาตรา
1) เงื่อนเวลาเริ่มต้น ม.191 วรรคหนึ่ง , 192 , 193
เงื่อนเวลาเริ่มต้น กฎหมายไม่ให้ทวงถามการชำระหนี้ก่อนที่จะถึงกำหนดเวลานั้น ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องที่เจ้าหนี้จะเริ่มใช้สิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้เมื่อใด
2) การผิดนัด ม.204
หลักทั่วไปก็คือ เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ และมีการเตือนให้ชำระหนี้ หากไม่ชำระก็ผิดนัด เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นการเตือนก่อนถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ ก็จะไม่ได้ผลการผิดนัด (การเตือนก่อนหรือหลังหนี้ถึงกำหนดชำระ ผลทางกฎหมายไม่เหมือนกัน)
3) อายุความ ม.193/12 , 193/10 , 193/14 , 193/35
กฎหมายบัญญัติไว้เป็นเรื่องกำหนดระยะเวลาของการใช้สิทธิเรียกร้องทางหนี้ กฎหมายจะบัญญัติระยะเวลาใช้สิทธิเรียกร้องหนี้แต่ละรายไม่เท่ากัน มีระยะเวลาจำกัด ซึ่งเรื่องกำหนดเวลาชำระหนี้ถือเป็นหลักสำคัญที่จะช่วยให้เริ่มนับอายุความได้ถูก
4) การผ่อนเวลาชำระหนี้ (ผ่อนเวลาก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระ)
กรณีค้ำประกัน ม.700 ก่อนถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาชำระให้ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น
(แต่ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว ลูกหนี้ไม่ชำระ จึงเกิดการผิดนัด ภายหลังมีการขยายเวลาชำระหนี้ออกไป ผู้ค้ำประกันก็ไม่พ้นความรับผิด)
5) สัญญาต่างตอบแทน ม.369 คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้ เว้นแต่หนี้ของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ถึงกำหนด
3. หลักของกำหนดเวลาชำระหนี้ ม.203 (มูลหนี้ที่เกิดขึ้น ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้)
กำหนดเวลาชำระหนี้ แยกได้ดังนี้
1) มีกำหนดเวลาชำระหนี้ (ชัดเจนแน่นอนตามวันปฏิทิน)
2) มีกำหนดเวลาชำระหนี้ที่อนุมานจากพฤติการณ์ได้ เป็นกำหนดเวลาที่ไม่ได้ชัดเจนตามวันปฏิทิน ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ในการชำระหนี้ ต้องอาศัยการตีความว่าข้อเท็จจริงที่กำหนดในมูลหนี้นั้นเกิดขึ้นหรือยัง
ฎ.599/2535 ยืมปุ๋ย ยืมยาฆ่าแมลง ไม่ได้กำหนดวันชำระหนี้ เป็นการยืมเอาไปใช้ทำไร่ใบยาสูบ ยืมใช้สิ้นเปลือง ศาลจึงดูพฤติการณ์ว่าในท้องที่นั้นทำไร่ใบยาสูบเสร็จสิ้นเมื่อใด ก็ควรจะต้องคืนของที่ยืมไป เป็นการอนุมานจากพฤติการณ์ วัตถุประสงค์ของมูลหนี้ที่เกิดขึ้น
3) เมื่อไม่มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ หนี้ถึงกำหนดแล้วตั้งแต่วันที่มูลหนี้เกิดขึ้น กฎหมายจึงให้สิทธิเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกชำระหนี้ได้โดยพลัน เรียกให้ชำระหนี้ได้ทันที จะเรียกเมื่อไรก็ได้เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ (บางตำราคำอธิบายคลาดเคลื่อน ต้องระวังอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเรียกให้ชำระหนี้เมื่อใด หนี้ถึงกำหนดเมื่อนั้น กรณีนี้หนี้ไม่ได้ถึงกำหนดเมื่อเรียก หนี้ถึงกำหนดตั้งแต่หนี้เกิด และคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวกับอายุความก็วินิจฉัยว่าอายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่หนี้เกิด)
-คดีที่เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหนี้เรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน ลูกหนี้ก็จะอ้างว่าเจ้าหนี้ใช้สิทธิไม่สุจริต ไม่ให้เวลาเพื่อเตรียมการชำระหนี้ ศาลก็จะดูข้อเท็จจริงต่าง ๆ หรือสถานะการเงินของลูกหนี้ที่ทำให้เจ้าหนี้ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ จึงต้องเรียกให้ชำระหนี้ ก็เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ม.203
4) มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แต่กรณีเป็นที่สังสัย (ม.203 วรรคสอง) จะใช้กับข้อเท็จจริงที่มีกำหนดช่วงเวลา แต่ไม่มีการกำหนดเวลาเริ่มนับ ว่าจะเริ่มนับเมื่อใด เช่น ให้คืนทรัพย์สินภายใน 7 วัน แต่ไม่กำหนดว่าเริ่มนับตั้งแต่เมื่อใด
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา : ฎ.1962/2525 , 2103/2535 , 7399/2547 , 5583/2562 , 982/2566
4. เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว "ลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้" หมายถึงทำไม่สำเร็จในการชำระหนี้ อาจารย์อยากให้นักศึกษาอ่านหมายเหตุฎีกา อ.จิตติ 2843/2525
1) ไม่มีการชำระหนี้เลย
2) มีการชำระหนี้ไม่ถูกต้อง
3) มีการชำระหนี้ล่าช้า (ผิดนัด)
4) การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น