สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 11-12)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 11-12)
อาจารย์ฉันทวัธน์ วรทัต
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม 2568
**********

1. บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ ม.497
-ใช้สิทธิไถ่วันสุดท้ายได้ถึง 24.00 น. ส่วนการจดทะเบียนทำวันหลังได้
-การใช้สิทธิไถ่ไม่มีแบบ ถ้าชำระสินไถ่แล้ว นำบุคคลเข้าสืบได้
-ม.497 " สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะพึงใช้ได้แต่บุคคลเหล่านี้ คือ
  (1) ผู้ขายเดิม หรือทายาทของผู้ขายเดิม(ผู้ขายฝากตายก่อนไถ่) หรือ
  (2) ผู้รับโอนสิทธินั้น หรือ
  (3) บุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้"
-ขายสิทธิไถ่ ให้บุคคลอื่นได้

2. บุคคลผู้มีหน้าที่รับไถ่ ม.498
-ม.498 "สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะพึงใช้ได้เฉพาะต่อบุคคลเหล่านี้ คือ
  (1) ผู้ซื้อเดิม หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ
  (2) ผู้รับโอนทรัพย์สิน หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แต่ในข้อนี้ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอน ว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน"
-ม.498(2) ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ ไถ่ได้เสมอ เพราะผู้ซื้อ ผู้รับโอน ทราบทะเบียนว่ามีการขายฝาก

3. ข้กตกลงมิให้จำหน่ายทรัพย์สินที่ขายฝาก ม.493
-ม.493 "ในการขายฝาก คู่สัญญาจะตกลงกันไม่ให้ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งขายฝากก็ได้ ถ้าและผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินนั้นฝ่าฝืนสัญญาไซร้ ก็ต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น"

4. เรื่องซื้อขายไม่ค่อยมีฎีกาใหม่ ส่วนเรื่องเช่าทรัพย์จะมีฎีกาใหม่เรื่อย ๆ 

5. ม.537 "อันว่าเช่าทรัพย์สินนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น"
5.1) เป็นสัญญา 2 ฝ่าย
5.2) มีทรัพย์สินเป็นวัตถุแห่งสัญญา 
-สิทธิต่าง ๆ ก็นำมาให้เช่าได้ สิทธิเก็บค่ารักษาความสะอาดจากผู้ทำการค้าในที่ดิน 
5.3) ตกลงให้ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สิน 
-ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้เช่าจึงไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า ผู้ให้เช่าแม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ก็ฟ้องเรียกค่าเช่า ฟ้องขับไล่ (บรรยายฟ้องถึงสิทธิให้เช่า หากบรรยายว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำเลยต่อสู้ได้ เมื่อไม่ได้เป็นเจ้าของแต่บรรยายว่าเป็นเจ้าของ ก็แพ้คดีไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่) ไล่แล้วไม่ไปก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ หลักกฎหมายปิดปากผู้เช่า 
-ผู้ให้เช่าไม่ต้องเป็นเจ้าของ แต่ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจที่จะมอบสิทธิครอบครองให้ผู้เช่าได้ เช่น ผู้ใช้อำนาจปกครอง ตัวแทน ผู้ทรงสิทธิเก็บกิน 
-แม้สัญญาเช่ากำหนดห้ามให้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าให้เช่าช่วงต่อไปได้ ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญา
-ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่จะนำออกให้เช่า สัญญาเช่าจะไม่ผูกพันเจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่า ไม่ต้องคำนึงว่าผู้เช่าจะสุจริตหรือจดทะเบียนหรือไม่ ถือว่าผู้เช่าอยู่โดยละเมิด เจ้าของที่แท้จริงซึ่งไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ 
5.4) เป็นสัญญาชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด
-หมายถึง สัญญาเช่าต้องสิ้นสุดลงได้
-ม.540 "อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าสามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้น ท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี
  อนึ่ง กำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา"
-สังหาริมทรัพย์ กฎหมายไม่ได้กำหนดเวลาไว้ กี่ปีก็ได้
-ม.541 "สัญญาเช่านั้นจะทำกันเป็นกำหนดว่าตลอดอายุของผู้ให้เช่าหรือของผู้เช่าก็ให้ทำได้" ใช้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์
-ม.564 + 566 + 570
-ม.564 อันสัญญาเช่านั้น ท่านว่าย่อมระงับไปเมื่อสิ้นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ มิพักต้องบอกกล่าวก่อน เช่นที่ดิน 3 ปี ครบ 3 ปี สัญญาก็ระงับ , เมื่อสัญญาระงับแล้ว ผู้เช่าก็ต้องออก ถ้าไม่ออก ผู้ให้เช่าก็ฟ้องขับไล่ได้ ถ้าผู้ให้เช่าไม่ได้ฟ้อง ไม่ทักท้วง ยังเก็บค่าเช่าต่อไป ให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา ตามม.570  ซึ่งสัญญาใหม่นี้จะสิ้นสุดลงได้ด้วยการบอกกล่าวตามม.566 "ถ้ากำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน"
-สัญญาเช่ามีข้อความว่า "จะให้เช่าตลอดไป ไม่บอกเลิกสัญญา" ถือว่าให้เช่าเกินกว่า 3 ปี ไม่จดทะเบียนก็ฟ้องได้ 3 ปี ม.538 การเช่าที่เกิน 3 ปี ก็เป็นการเช่าไม่มีกำหนดเวลาตามม.570 ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าตามม.566 (ข้อสอบเนติ50)
5.5) ผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่า
-ค่าเช่าต้องแน่นอน , ถ้าเดือนไหนจะให้ค่าเช่าก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ ไม่ใช่สัญญาเช่า 
-ผู้อาศัยมีชื่อในทะเบียนบ้านว่า "ผู้อาศัย" จ่ายเงินค่าเช่าทุกเดือน เป็นสัญญาเช่า ถือว่าเป็นผู้เช่า
5.6) เป็นสัญญาต่างตอบแทน
5.7) ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิ
-ม.1298 ทรัพยสิทธิทั้งหลายนั้น ท่านว่าจะก่อตั้งขึ้นได้แต่ด้วยอาศัยอำนาจในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น , กฎหมายเช่าทรัพย์ไม่มีบัญญัติให้เป็นทรัพยสิทธิ จึงเป็นบุคคลสิทธิเท่านั้น
-ผลของการเป็นบุคคลสิทธิ ถ้าผู้ให้เช่าจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ให้บุคคลภายนอก บุคคลภายนอกก็ไม่ผูกพันตามสัญญาเช่านั้น ผู้เช่าจะอ้างสัญญาเช่ากับผู้รับโอนทรัพย์ไม่ได้
-แต่ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ ผลจะต่างออกไป โดยมีข้อยกเว้นของหลักนี้ในม.569
-ม.569 "อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า
  ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย"
-กรณีผู้ให้เช่ายังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ผู้เช่า ยังมีบุคคลอื่นครอบครองทรัพย์สินที่ให้เช่าอยู่ ผู้เช่าไม่มีสิทธิฟ้องบุคคลภายนอกนั้น เพราะผู้เช่ากับบุคคลภายนอกไม่มีนิติสัมพันธ์กัน หากบุคคลภายนอกอยู่โดยไม่มีสิทธิ ก็เป็นการละเมิดต่อเจ้าของ ไม่ใช่ละเมิดต่อผู้เช่า ฎ.1610/2512 , ผู้เช่าฟ้องผู้ให้เช่าเพื่อให้ส่งมอบทรัพย์สินได้ , หรือหากสัญญาเช่ากำหนดผู้ให้เช่าให้อำนาจหรือมอบหมายให้ผู้เช่าฟ้องขับไล่บุคคลภายนอก (ผู้เช่าคนก่อน) ได้ ผู้เช่าก็ฟ้องบุคคลภายนอกได้ ฎ.523/2562 
5.8) ถือคุณสมบัติของผู้เช่าเป็นสำคัญ สิทธิการเช่าจึงเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า
-คำพิพากษาศาลฎีกาวางหลักไว้ เมื่อผู้เช่าตาย สัญญาเช่าระงับ ไม่ตกทอดไปยังทายาท
-สิทธิการเช่าไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี 
-ม.544 วรรคหนึ่ง "ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิของตนอันมีในทรัพย์สินนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอก ท่านว่าหาอาจทำได้ไม่ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเช่า"
-ข้อยกเว้น หากทำข้อตกลงกัน ให้นำทรัพย์สินที่เช่าออกเช่าช่วงหรือโอนสิทธิการเช่าให้บุคคลภายนอกได้ ผู้เช่าก็ทำได้ ทำให้สิทธิการเช่าไม่เป็นสิทธิเฉพาะตัวแล้ว และหากโอนสิทธิการเช่าให้บุคคลภายนอกได้แล้ว สิทธิการเช่านั้นก็จะตกอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เจ้าหนี้ก็มีสิทธิยึดสิทธิการเช่าออกขายทอดตลาด เอาเงินมาชำระหนี้ได้ ฎ.7334/2540 , ผู้เช่าตาย สัญญาเช่าไม่ระงับ ตกทอดแก่ทายาท ฎ.11058/2559 (ป)

6. ม.538 "เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี"
6.1) เช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิน 3 ปี ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด ก็จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
-หลักฐานไม่จำเป็นต้องมีขณะทำสัญญา แต่ต้องมีก่อนฟ้อง 
-จะฟ้องร้องบังคับคดีให้มีการปฏิบัติตามสัญญาเช่าไม่ได้ เช่น ให้ชำระค่าเช่า , เรียกค่าเสียแทนค่าเช่า , ให้ส่งมอบทรัพย์ที่เช่า
-ฟ้องร้องที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาเช่า ฟ้องได้ เช่น ฟ้องขับไล่ (มูลละเมิด อาศัยหลักกรรมสิทธิ์) ฟ้องขับไล่ได้ทันทีไม่ต้องบอกกล่าว ไม่ต้องบอกเลิกสัญญา , ผู้ให้เช่าฟ้องเรียนค่าเสียหายที่ไม่ใช่ค่าเช่า ค่าเสียหายที่ทำให้ทรัพย์สินที่เช่าเสียหาย ผนังห้องเช่าชำรุด , กรณีบอกกล่าวให้ออก แต่ไม่ออก ผู้ให้เช่าก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลละเมิดได้ 
-ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ ผู้เช่าต่อสู้ว่าไม่ใช่ผู้อาศัย แต่เป็นผู้เช่า ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่มีหลักฐานจึงต่อสู้คดีว่าเป็นผู้เช่าไม่ได้ ฎ.540/2517 (ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ รวมถึงต่อสู้คดีไม่ได้ด้วย)
6.2) เช่าอสังหาริมทรัพย์กว่า 3 ปีขึ้นไป หรือตลอดอายุผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า ถ้าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียง 3 ปี
-ถ้าเช่าอสังหาริมทรัพย์ 10 ปี แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้เพียง 3 ปี แต่จะฟ้องได้ก็จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดด้วย ตามม.538 ตอนต้น ถ้าไม่มีหลักฐานเลย ก็ฟ้องไม่ได้ (ฟ้องมูลสัญญาเช่าไม่ได้ แต่ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ได้)
-เช่าอสังหาริมทรัพย์ตลอดอายุของผู้เช่า ทำเป็นหนังสือแต่ไม่จดทะเบียน ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้ 3 ปี ผู้ให้เช่าจะฟ้องขับไล่ก่อน 3 ปี ไม่ได้ (เมื่อครบ 3 ปี แล้ว ผู้ให้เช่าก็ฟ้องขับไล่ได้) ฎ.152/2525
-การทำเป็นหนังสือวันใด ก็ต้องจดทะเบียนในวันนั้น แต่ถ้าทำหนังสือตกลงกันว่าจะไปจดทะเบียนภายหลัง ก็ฟ้องบังคับตามข้อตกลงให้จดทะเบียนได้ แม้ข้อตกลงจะไปจดทะเบียนภายใน 6 เดือน แต่ก็ฟ้องบังคับให้จดทะเบียนได้ภายใน 3 ปี , แต่ถ้าทำแต่เพียงหนังสือ จะฟ้องร้องบังคับไปจดทะเบียนวันหลังไม่ได้ 
-ทำสัญญาเช่า 5 ปี และไปยื่นคำขอจดทะเบียนแล้ว แต่ปรากฏว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจดทะเบียนให้ได้ ถือว่าสัญญาเช่าดังกล่าวมีผลบังคับได้ 3 ปี นับแต่วันทำสัญญา ไม่เป็นโมฆะ ฎ.498/2536 
6.3) คำมั่นว่าจะให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีบัญญัติในป.พ.พ. แต่ศาลฎีกาอธิบายไว้ว่า เป็นนิติกรรมที่ผู้ให้เช่าแสดงเจตนาผูกพันตนไว้ฝ่ายเดียวต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่าจะให้บุคคลนั้นเช่าทรัพย์สินหากบุคคลนั้นต้องการ

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)