สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 8-9)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 8-9)
อาจารย์ฉันทวัธน์ วรทัต
วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568
**********

1. ทบทวน โดยหลัก กรรมสิทธิ์โอนทันทีเมื่อซื้อขายตามม.458 แต่ส่วนใหญ่ใช้กับสังหาริมทรัพย์ ยังไม่ต้องส่งมอบ ยังไม่ต้องชำระราคา กรรมสิทธิ์ก็โอนทันที , แต่การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์จะโอนต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ , ครั้งที่แล้วจบที่ม.459 , 460 นักศึกษาดูให้ดีว่ารู้ตัวทรัพย์ รู้ราคาหรือยัง (ม.458 รู้ตัวทรัพย์รู้ราคา , ม.460 วรรคหนึ่ง รู้ราคาแต่ไม่รู้ตัวทรัพย์ , ม.460 วรรคสอง รู้ตัวทรัพย์แต่ไม่รู้ราคา)

2. ซื้อขายแบบเหมา และ ซื้อขายเงินเชื่อเงินผ่อน เฉพาะสังหาริมทรัพย์ รู้ทั้งตัวทรัพย์และรู้ราคาแล้ว เช่น ซื้อทุเรียนทั้งสวน 5 แสน ขณะทำสัญญาซื้อขายกรรมสิทธิ์ทันทีตามม.458

3. สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ กรรมสิทธิ์ยังไม่โอน เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น ผู้จะขายก็รับไป ผู้จะซื้อไม่ต้องชำระราคา ม.372

4. หน้าที่และความรับผิดของผู้ขาย
-ต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้ซื้อม.461 , 462 
-ม.466 วรรคหนึ่ง ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หากระบุจำนวนเนื้อที่ทั้งหมดไว้ และผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินน้อยหรือมากไปกว่าที่ได้สัญญา ผู้ซื้อจะปัดเสีย หรือจะรับเอาไว้และใช้ราคาตามส่วนก็ได้ ตามแต่จะเลือก (ต้องส่งมอบน้อยหรือมากกว่าสัญญาร้อยละ 5)
-ม.466 วรรคสอง หากขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวน ไม่เกินกว่าร้อยละห้า ผู้ซื้อจำต้องรับเอาและใช้ราคาตามส่วน (แต่ผู้ซื้ออาจจะเลิกสัญญาได้ เมื่อขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวนถึงขนาดซึ่งหากผู้ซื้อได้ทราบก่อนแล้วคงจะมิได้เข้าทำสัญญานั้น)

5. ความรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง
-ม.472 "ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใด อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด
  ความที่กล่าวมาในมาตรานี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่"
-ผู้ขายต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง ใน 3 กรณี ไม่ว่าผู้ขายจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม (นักศึกษาประมาณ 30% ลืมวรรคสอง ตอบว่าผู้ขายไม่รู้ถึงความชำรุดบกพร่อง ไม่ต้องรับผิด)*** ได้แก่ 
5.1) เสื่อมราคา เช่น แหวนเพชรต้องส่องดูถึงจะเห็นว่ามีตำหนิเล็กน้อย ก็เสื่อมราคา แต่ไม่ถึงกับเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้ปกติ (ยังใช้สวมใส่ได้)
5.2) เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้ปกติ เช่น ของเน่าเสีย ใช้กินไม่ได้ ใช้งานไม่ได้ ซื้อทีวีมาแต่ไม่มีภาพ 
5.3) เสื่อมประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญา เช่น ซื้อขายทรัพย์สินของสะสมเก่า เพื่อนำไปประกวด ต่อมาพบว่าไม่ใช่ของเก่าทั้งหมด ใช้ของใหม่ซ่อมแซมปนกัน นำไปประกวดก็แพ้
-ฎ.6976/2542 ซื้ออาหารไก่ มีสิ่งปลอมปนเข้ามา เมื่อสิ่งปลอมปนเล็กน้อย ไม่ส่งผลให้ไก่โตช้ากว่าปกติ ไม่ถึงกับเสื่อมฯ ตามม.472 ผู้ซื้อต้องชำระราคา (เสื่อมเล็กน้อย ไม่เข้าม.472)
-ความชำรุดบกพร่องต้องมีก่อนหรือขณะซื้อขาย ถ้าเกิดขึ้นภายหลัง ไม่เข้าม.472 เช่น ซื้อแอร์ ภายหลัง 3 เดือน ชำรุด ความชำรุดบกพร่องไม่ได้มีก่อนหรือขณะซื้อขาย แต่ความชำรุดเกิดจากการใช้งานของผู้ซื้อ ผู้ซื้อต้องชำระราคา
-ม.473 ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้ (1)-(3)
-ม.473(1) ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่อง หรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน
-ฎ.783/2562 ซื้อรถยนต์มือสองโดยรู้ว่ามีรอยบุบ เมื่อซื้อแล้ว จะให้ผู้ขายเป็นผู้ซ่อมไม่ได้ 
-การรู้ตามม.473(1) ต้องรู้ทั้งหมดในความชำรุดบกพร่องนั้น ถ้าตอนซื้อรู้ถึงความชำรุดบางส่วน ก็รับสภาพนั้น แต่ต่อมามีความชำรุดมากกว่าที่รู้ ผู้ขายต้องรับผิด
-ม.473(2) ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน
-ถ้าเห็นประจักษ์ว่าทรัพย์สินนั้นชำรุดบกพร่องแต่ก็รับไว้โดยไม่ได้อิดเอื้อน แล้วต่อมาจะอ้างว่าทรัพย์สินเสื่อมราคาตาม.472 ไม่ได้ เพราะเข้าม.473(2) (ไม่ได้อิดเอื้อนไว้)
-ม.473(3) ถ้าทรัพย์สินนั้นได้ขายทอดตลาด
-ฎ.17093/2555 ความรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง เป็นบุคคลสิทธิ บังคับได้ระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น ผู้รับการให้ไม่ใช่คู่สัญญา ไม่มีนิติสัมพันธ์ ไม่มีอำนาจฟ้อง

6. ความรับผิดในการรอนสิทธิ ม.475 , 479
6.1) ม.475 "หากว่าบุคคลผู้ใดมาก่อการรบกวนขัดสิทธิของผู้ซื้อในอันจะครองทรัพย์สินโดยปกติสุข เพราะบุคคลผู้นั้นมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายกันนั้นอยู่ในเวลาซื้อขายก็ดี เพราะความผิดของผู้ขายก็ดี ท่านว่าผู้ขายจะต้องรับผิดในผลอันนั้น"
-เพราะบุคคลนั้นมีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายในเวลาซื้อขาย เช่น เป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาขาย ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน เจ้าของจึงติดตามเอาทรัพย์คืน ผู้ซื้อจึงถูกรอนสิทธิ ผู้ขายต้องรับผิดตามม.475 
-แต่ถ้าผู้ซื้อรู้อยู่แล้ว ผู้ขายจึงไม่ต้องรับผิดตามม.476 "ถ้าสิทธิของผู้ก่อการรบกวนนั้น ผู้ซื้อรู้อยู่แล้วในเวลาซื้อขาย ท่านว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด"
-สัญญาซื้อขายเป็นบุคคลสิทธิ เมื่อมีความรับผิดในการรอนสิทธิ เฉพาะคู่สัญญาเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้อง (ภรรยาของผู้ซื้อ ไม่ใช่คู่สัญญา ไม่มีอำนาจฟ้อง)
-ฎ.395/2538 ทำสัญญาซื้อขายที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นโมฆะ ไม่มีสัญญาเกิดขึ้น ผู้ซื้อจะฟ้องให้ผู้ขายรับผิดในการรอนสิทธิไม่ได้ เพราะการฟ้องรอนสิทธิ เป็นการฟ้องตามสัญญา เมื่อกรณีนี้ถือว่าไม่มีสัญญา จึงฟ้องไม่ได้
6.2) ม.479 "ถ้าทรัพย์สินซึ่งซื้อขายกันหลุดไปจากผู้ซื้อ*ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เพราะเหตุการรอนสิทธิก็ดี หรือว่าทรัพย์สินนั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือเสื่อมความเหมาะสมแก่การที่จะใช้ หรือเสื่อมความสะดวกในการใช้สอย หรือเสื่อมประโยชน์อันจะพึงได้แต่ทรัพย์สินนั้น และซึ่งผู้ซื้อหาได้รู้ในเวลาซื้อขายไม่ก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด"
-ถ้าข้อสอบเกี่ยวข้องทั้งม.475 + 479 ต้องตอบทั้งสองมาตรา คะแนนจึงจะดี

7. ข้อสัญญาว่าไม่ต้องรับผิด ม.483-485
-ม.483 "คู่สัญญาซื้อขายจะตกลงกันว่าผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิก็ได้"
-ม.484 "ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น ย่อมไม่คุ้มผู้ขายให้พ้นจากการต้องส่งเงินคืนตามราคา เว้นแต่จะได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น" ไม่ต้องรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องหรือรอนสิทธิ แต่ต้องส่งเงินคืน (เว้นแต่ตกลงเป็นอย่างอื่น)
-ม.485 "ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น ไม่อาจคุ้มความรับผิดของผู้ขายในผลของการอันผู้ขายได้กระทำไปเอง หรือผลแห่งข้อความจริงอันผู้ขายได้รู้อยู่แล้วและปกปิดเสีย"

8. สัญญาขายฝาก ถ้าข้อสอบออก ก็จะออกขายฝากตามป.พ.พ. (ไม่ออกข้อสอบสัญญาขายฝากตามพ.ร.บ.คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ.2562)
-การขายฝาก กรรมสิทธิ์ตกไปยังผู้ซื้อทันที แต่มีข้อตกลงว่าผู้ขายอาจไถ่ทรัพย์คืนได้ , ถ้าไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ศาลฎีกาใช้คำว่า กรรมสิทธิ์ก็ตกแก่ผู้ซื้อโดยเด็ดขาด 
-ระหว่างที่ขายฝาก ผู้ซื้อมีสิทธิขายทรัพย์สินนั้นต่อไปได้ เพราะมีกรรมสิทธิ์ แต่ถ้าผู้ซื้อจะมาไถ่ทรัพย์คืน เป็นไปตามม.498(2)
-ม.498 "สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะพึงใช้ได้เฉพาะต่อบุคคลเหล่านี้ คือ
  (1) ผู้ซื้อเดิม หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ
  (2) ผู้รับโอนทรัพย์สินหรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แต่ในข้อนี้ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอน ว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน"
-ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ ผู้ขายฝากไถ่คืนได้ เพราะมีการจดทะเบียน ผู้รับโอนย่อมรู้อยู่แล้ว , แต่ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ จะไถ่คืนได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ว่าทรัพย์นั้นอาจไถ่คืนได้ ถ้าผู้รับโอนไม่รู้ ก็ไถ่คืนไม่ได้
-หากไม่ต้องการให้ขายต่อไป ต้องระบุเงื่อนไขตามม.493 "ในการขายฝาก คู่สัญญาจะตกลงกันไม่ให้ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งขายฝากก็ได้ ถ้าและผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินนั้นฝ่าฝืนสัญญาไซร้ ก็ต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น"

ครั้งหน้าต่อเรื่องขายฝาก และขึ้นเรื่องเช่าทรัพย์

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 (ชุดที่ 1)