สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 13-14)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (ครั้งที่ 13-14)
อาจารย์ฉันทวัธน์ วรทัต
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568
**********
1. ผู้ให้คำมั่นจะให้เช่าตายหรือเป็นคนไร้ความสามารถ
-ม.169 วรรคสอง "การแสดงเจตนาที่ได้ส่งออกไปแล้วย่อมไม่เสื่อมเสียไป แม้ภายหลังการแสดงเจตนานั้นผู้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย หรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ"
-ม.360 "บทบัญญัติแห่งมาตรา 169 วรรคสอง นั้น ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าหากว่าขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง หรือหากว่าก่อนจะสนองรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ"
-ผู้ให้เช่าโอนทรัพย์สินให้คนบุคคลภายนอก คำมั่นจะให้เช่าที่ระบุไว้ในสัญญาเช่านั้น ไม่โอนไปยังผู้รับโอน เพราะผู้ให้เช่ามีสิทธิและหน้าที่ตามป.พ.พ. ส่วนเรื่องคำมั่นจะให้เช่าไม่มีบัญญัติในป.พ.พ. ผู้รับโอนไม่ต้องผูกพันคำมั่นนั้น
-ฎ.4655/2566 ทำสัญญาเช่า 30 ปี และมีคำมั่นจะให้เช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี ซึ่งได้มีการชำระค่าเช่า 30 ปี และค่าเช่าตามคำมั่นครบแล้ว แสดงให้เห็นเจตนาหลีกเลี่ยงม.540 สัญญาที่ต่อสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 30 ปี จึงตกเป็นโมฆะ วัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
-ม.540 "อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าสามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้น ท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี
อนึ่ง กำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา"
อนึ่ง กำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา"
2. สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา (ไม่มีในตัวบท)
-สัญญาเช่าปกติ คือ ผู้เช่าชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่า
-สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา นอกจากต้องชำระค่าเช่าแล้ว ผู้เช่ายังต้องทำบางอย่างเพิ่มขึ้นเพื่อตอบแทนพิเศษที่ได้เช่าทรัพย์สินนั้น อาจจะได้เช่าเป็นเวลานาน จึงใช้บทบัญญัติเรื่องเช่าทรัพย์ กับเรื่องสัญญาต่างตอบแทนมาปรับใช้
-มีได้ทั้งสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ และอสังหาริมทรัพย์ แต่คดีส่วนใหญ่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์
2.1) มีการตกลงผู้เช่าปลูกสร้างทรัพย์สินในที่ดินที่เช่า และยกกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ให้เช่าเป็นการตอบแทน เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-เช่น ตึกแถวบ้านเรือน ลานจอดรถ อาคารจอดรถ ไม้ยืนต้น
-ถมดินในหนองเพื่อปลูกสร้างบ้านและจะให้เช่าตลอดชีวิต เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ฎ.2239/2521 , ถมดินเพื่อปลูกสร้างห้องแถว เพื่อประโยชน์ทางการค้าของผู้เช่า ไม่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ฎ.1051/2514
2.2) มีการตกลงกันว่าผู้เช่าจะต่อเติม ทำเพิ่ม ซ่อมแซมใหญ่ ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่ เพื่อจะได้เช่าทรัพย์สินต่อไปอีก เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-ถ้าตกลงว่า ผู้เช่าปรับปรุง บำรุงรักษา ซ่อมแซมเล็กน้อย เป็นหน้าที่ของผู้เช่าอยู่แล้วตามม.553 "ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่านั้นเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และต้องบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซมเล็กน้อยด้วย" ไม่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-การต่อเติม ทำเพิ่ม ซ่อมแซมใหญ่ เพื่อประกอบการค้า และเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจ ไม่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-ผู้เช่าต่อเติม ทำเพิ่ม ซ่อมแซมใหญ่โดยพลการ เพื่อความสะดวกสบายเพื่อธุรกิจการค้าของผู้เช่าเอง ไม่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
2.3) มีข้อตกลงผู้เช่าช่วยออกเงินค่าก่อสร้างจะได้เช่า เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-ถ้ามีสิ่งก่อสร้างอยู่แล้ว แต่ผู้เช่าจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินกินเปล่า ถือเป็นค่าเช่าล่วงหน้า เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า เป็นสัญญาเช่าทั่วไป ไม่ใช่เงินช่วยค่าก่อสร้าง ไม่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
3. ข้อแตกต่างของสัญญาเช่าธรรมดา กับสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
3.1) ไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับม.538
-สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่อยู่ในบังคับของม.538
3.2) คู่สัญญาต่างฝ่ายต่างฟ้องร้องให้มีการจดทะเบียนการเช่าได้ตลอดเวลา
-สัญญาเช่าปกติ ต้องจดทะเบียนวันทำสัญญา
3.3) ผู้เช่าตาย สัญญาเช่าไม่ระงับ
-สัญญาเช่าปกติ ผู้เช่าตาย สัญญาเช่าระงับ
4. ข้อเหมือนกันของสัญญาเช่าธรรมดา กับสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
-ผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ตามม.560
-โอนทรัพย์สินที่เป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้รับโอนผูกพันอย่างสัญญาเช่าธรรมดา เหมือนการโอนตามสัญญาเช่าทั่วไปตามม.569 เพราะสิทธิหน้าที่เป็นไปตามที่บัญญัติในป.พ.พ. (สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่มีบัญญัติไว้)
-ผู้ให้เช่าตามสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาถึงแก่ความตาย สิทธิหน้าที่ตกแก่ทายาท ทายาทไม่ถือเป็นบุคคลภายนอก ถือว่าเป็นผู้เข้ามาแทนที่เลย ทายาทนั้นจึงต้องผูกพันตามสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ฎ.1236/2501 , 2526/2531
5. สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ระงับเมื่อสิ้นเมื่อ
5.1) กำหนดเวลาเช่า
5.2) คู่สัญญาบอกเลิกสัญญา
6. สัญญาเช่าระงับโดยไม่ต้องมีการบอกเลิกสัญญา (เลิกออโต้) มี 4 กรณี
6.1) สิ้นกำหนดเวลาเช่า
-ม.564 "อันสัญญาเช่านั้น ท่านว่าย่อมระงับไปเมื่อสิ้นกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ มิพักต้องบอกกล่าวก่อน"
-สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ 5 ปี แต่ไม่จดทะเบียน กฎหมายให้บังคับกันได้ 3 ปี ม.538 , เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 40 ปี ไม่ได้ทำสัญญา ลดเหลือ 30 ปี ม.540 กำหนดเวลาเช่าจริง ๆ ดูตามที่บังคับกันได้
-แม้กำหนดเวลาเช่าไว้ คู่สัญญาตกลงยกเลิกสัญญาได้
-ผู้ให้เช่าเป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกิน ตายระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดเวลาเช่า สิทธิเก็บกินก็สิ้นไป แต่สัญญาเช่าไม่ระงับ ยังผูกพันเจ้าของที่ดินอยู่ ฎ.2297/2541
-เมื่อสิ้นกำหนดเวลา สัญญาเช่าระงับ ผู้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินคืน , ถ้าอยู่ต่อไปก็เป็นละเมิด ผู้ให้เช่าก็ฟ้องขับไล่ เรียกค่าสินไหมที่อยู่โดยละเมิด
-เมื่อสิ้นกำหนดเวลา สัญญาเช่าระงับ ผู้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินคืน ถ้าไม่คืน ผู้เช่าอยู่ต่อ ก็อาจเกิดสัญญาเช่าขึ้นใหม่ไม่มีกำหนดเวลา ตามม.570 และถ้าจะบอกเลิกก็ใช้วิธีการตามม.566 (ม.564+570+566)
-ม.570 ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้าผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่ และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้ ท่านให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา
-ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ 5 ปี แต่ไม่จดทะเบียน จึงบังคับกันได้ 3 ปี เมื่อครบ 3 ปี อยู่ต่อ ผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ก็เป็นสัญญาเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลา มีข้อตกลงเช่นเดียวกับสัญญาเช่าเดิมทุกประการ
-ผู้ให้เช่าทักท้วง แล้วค่อยรับค่าเช่า ถือว่าทักท้วง , แต่ถ้าก่อนจะรับค่าเช่าไม่เคยทักท้วง เมื่อรับค่าเช่าแล้วจึงทักท้วง ถือว่าไม่ได้ทักท้วง เกิดสัญญาเช่าใหม่ ฎ.5142/2549
-สัญญาเช่าเดิมมีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อเป็นสัญญาใหม่ตามม.570 ก็เป็นสัญญาเช่าที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
-ม.566 ถ้ากำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกันหรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสองเดือน
-บอกเลิกด้วยวาจาก็ได้ ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ
-บอกเลิกในวันที่กำหนดให้ชำระค่าเช่า เช่น กำหนดชำระค่าเช่าทุกวันที่ 5 ก็บอกกล่าวเลิกสัญญาไปถึงวันที่ 5 ก.ย. ให้ออกไปวันที่ 5 ต.ค. ถ้าไม่ออก วันที่ 6 ก็ฟ้องขับไล่ได้ (ถ้าชำระค่าเช่าทุกวันที่ 5 ในคำฟ้องจะต้องมีเลขวันที่ 5 จำนวน 2 เดือน บอกกล่าวชอบแล้ว) หรือถ้าบอกกล่าวตั้งแต่ 14 ส.ค. ก็ยิ่งดี ซึ่งครบระยะเวลาที่กฎหมายต้องการ ก็คือ 5 ก.ย. และ 5 ต.ค.
-บอกกล่าว 5 ก.ย. ให้ออกไปภายใน 7 วัน ก็เป็นการบอกกล่าวไม่ชอบ แต่ผู้ให้เช่าไปฟ้องขับไล่ 15 ต.ค. ถือว่ามีระยะเวลาที่กฎหมายต้องการแล้ว คือ 5 ก.ย. และ 5 ต.ค. ถือว่าบอกกล่าวชอบแล้ว
-ถ้าไม่กำหนดเวลาชำระค่าเช่ารายเดือน ก็ต้องชำระทุกสิ้นเดือน ตามม.559 ถ้าไม่มีกำหนดโดยสัญญาหรือโดยจารีตประเพณีว่าจะพึงชำระค่าเช่า ณ เวลาใด ท่านให้ชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาอันได้ตกลงกำหนดกันไว้ทุกคราวไป กล่าวคือว่าถ้าเช่ากันเป็นรายปีก็พึงชำระค่าเช่าเมื่อสิ้นปี ถ้าเช่ากันเป็นรายเดือนก็พึงชำระค่าเช่าเมื่อสิ้นเดือน (ก่อนฟ้อง ก็ต้องมีวันสิ้นเดือน 2 ครั้ง)
-ไม่ได้กำหนดวันชำระค่าเช่า บอกเลิก 9 ก.ย. ฟ้อง 26 ต.ค. มีสิ้นเดือน ก.ย. เดือนเดียว จึงบอกเลิกไม่ชอบ
-ม.566 ตอนท้าย ไม่ต้องรอกำหนดวันชำระค่าเช่า บอกเลิก 14 ส.ค. ให้ออก 14 ต.ค. ถ้าไม่ออก 15 ต.ค. ก็ฟ้องขับไล่ได้
-ถ้าสัญญาเช่าทำไม่ถูกต้อง เช่น ไม่เป็นไปตามม.538 ก็เป็นการอยู่โดยละเมิด ฟ้องขับไล่ได้ทันที ไม่ต้องบอกกล่าวม.566
-คำถาม ทำสัญญาเช่าที่ดิน 5 ปี แต่ไม่จดทะเบียน หลังจากครบ 3 ปี จะต้องบอกเลิกสัญญากันอย่างไร ? สัญญาเช่าฟ้องร้องบังคับกันได้ 3 ปี หลังจาก 3 ปี ก็เป็นการอยู่โดยสิ้นกำหนดเวลาเช่าไปแล้ว ถ้าผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ก็เกิดสัญญาเช่าใหม่ไม่มีกำหนดเวลาตามม.570 ก็ต้องบอกเลิกตามม.566
-กรณีนี้ ถ้าปรากฏว่าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่าก็บอกเลิกไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามม.560 ซึ่งใช้ระยะเวลาสั้นกว่า ม.566 (ม.544 เอาทรัพย์สินออกให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอม ก็บอกเลิกได้)
6.2) ทรัพย์ที่เช่าสูญหายไปทั้งหมด
-ม.567 "ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดไซร้ ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย"
-ใช้ได้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ และไม่ต้องดูว่าเป็นความผิดของใคร
-ถ้าสูญหายทั้งหมด สัญญาเช่าก็ระงับ แม้ผู้เช่าจะซ่อม ก็ไม่ทำให้สัญญากลับมาใช้บังคับได้
-เช่าที่ดินและปลูกสร้างบ้านลงบนที่ดิน ต่อมาสิ่งปลูกสร้างถูกไฟไหม้ สัญญาเช่าที่ดินไม่ระงับ เพราะที่ดินที่เป็นทรัพย์ที่เช่าไม่ได้สูญหายไป ฎ.281-286/2502 , 1366/2505
6.3) ผู้เช่าตาย
-ม.17613/2555
-ถ้าผู้เช่าเป็นนิติบุคคล เมื่อนิติบุคคลสิ้นสภาพ สัญญาเช่าก็ระงับ ฎ.3323/2561
-ผู้เช่าหลายคน คนหนึ่งตาย การเช่าระงับเฉพาะตัวผู้เช่าที่ตาย , สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่าที่ยังไม่ตายกับผู้ให้เช่าก็บังคับได้อยู่ ฎ.5859/2530
-สัญญาเช่าระงับ ไม่ตกทอดไปยังทายาทของผู้เช่า ผู้ให้เช่าจึงฟ้องขับไล่ทายาทของผู้เช่าได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าว
-ไม่ใช้กับสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
6.4) โอนสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่า สัญญาเช่าระงับ
-โอนอสังหาริมทรัพย์ สัญญาเช่าไม่ระงับ ตามม.569 บัญญัติยกเว้นไว้ รวมถึงที่ดิน น.ส.3 ที่มีเพียงสิทธิครอบครองด้วย สัญญาเช่าก็ไม่ระงับ ฎ.3368/2525
-ม.569 "อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า
ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย"
ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย"
-ม.569 ต้องมีสัญญาเช่าก่อน แล้วจึงมีการโอนกรรมสิทธิ์ภายหลัง
-ม.569 วรรคสอง เป็นสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเช่าทรัพย์ ถ้าเป็นสิทธิหน้าที่ในเรื่องอื่นที่กฎหมายเช่าทรัพย์ไม่ได้บัญญัติไว้ ก็ไม่โอนไปยังผู้รับโอน
--หน้าที่ผู้ให้เช่าไปเก็บเงินค่าเช่า ไม่โอน ไม่มีบัญญัติในกฎหมายเช่าทรัพย์ ฎ.3577/2532
--หน้าที่ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันค่าเช่า ไม่โอน ฎ.6190/2538
--คำมั่นว่าจะให้เช่า ไม่โอน
--ข้อตกลงว่าถ้าผู้ให้เช่าไม่ให้เช่า จะต้องคืนเงินค่าก่อสร้างให้ผู้เช่า หรือต้องรับซื้อโรงเรือนจากผู้เช่า ไม่โอน
--ข้อตกลงว่าถ้าผู้ให้เช่าจะขายทรัพย์สินที่ให้เช่า ต้องบอกผู้เช่าก่อน ไม่โอน
-กรณีเรื่องขายฝาก ตามม.502
-ม.502 "ทรัพย์สินซึ่งไถ่นั้น ท่านว่าบุคคลผู้ไถ่ย่อมได้รับคืนไปโดยปลอดจากสิทธิใด ๆ ซึ่งผู้ซื้อเดิม หรือทายาท หรือผู้รับโอนจากผู้ซื้อเดิมก่อให้เกิดขึ้นก่อนเวลาไถ่
ถ้าว่าเช่าทรัพย์สินที่อยู่ในระหว่างขายฝากอันได้จดทะเบียนเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วไซร้ ท่านว่าการเช่านั้นหากมิได้ทำขึ้นเพื่อจะให้เสียหายแก่ผู้ขาย กำหนดเวลาเช่ายังคงมีเหลืออยู่อีกเพียงใด ก็ให้คงเป็นอันสมบูรณ์อยู่เพียงนั้น แต่มิให้เกินกว่าปีหนึ่ง"
ถ้าว่าเช่าทรัพย์สินที่อยู่ในระหว่างขายฝากอันได้จดทะเบียนเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วไซร้ ท่านว่าการเช่านั้นหากมิได้ทำขึ้นเพื่อจะให้เสียหายแก่ผู้ขาย กำหนดเวลาเช่ายังคงมีเหลืออยู่อีกเพียงใด ก็ให้คงเป็นอันสมบูรณ์อยู่เพียงนั้น แต่มิให้เกินกว่าปีหนึ่ง"
-ผู้ซื้อฝาก ไปทำสัญญาให้เช่าไม่เกิน 3 ปี ต่อมาผู้ขายฝากก็ไถ่คืน ผู้ไถ่คืนก็ได้รับไปโดยปลอดจากสิทธิใด ๆ สัญญาเช่าดังกล่าว ไม่ผูกพันผู้ไถ่ ตามม.502 วรรคหนึ่ง (ปกติ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ระงับเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์)
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น