สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 13)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 13)
อาจารย์อัมภัสชา ดิษฐอำนาจ
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568
**********

1. ค่าสินไหมทดแทนแก่ร่างกายหรืออนามัย 5 ประเภท
-ม.444 "ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย
  ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดี เป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความเสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะกล่าวในคำพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีก็ได้"
1.1) ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป เช่น ค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาแบบแผนโบราณหรือแผนปัจจุบบัน ทั้งโรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาล จะเสียค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนที่แพงมากหรือน้อยก็เรียกได้
-ผู้มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาล ได้แก่ ผู้ถูกทำละเมิด , ผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล (เช่น บิดามารดา) , ผู้มีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลแทนผู้ถูกทำละเมิด (เช่น บริษัทประกันภัย)
-กฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ การได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นตามกฎหมายนี้แล้ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าสินไหมทดแทน สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ขาดจากผู้ทำละเมิดได้
-ลูกจ้างมีสิทธิได้เงินทดแทนตามพ.ร.บ.เงินทดแทน ก็ยังมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดอีกได้
1.2) ค่าเสียความสามารถประกอบการงานในปัจจุบัน ผู้ถูกทำละเมิดได้รับบาดเจ็บ ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล นอกจากค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว ยังฟ้องเรียกค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานในปัจจุบันที่ผ่านมาในช่วงรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 
-แม้ผู้ถูกทำละเมิดว่างงาน ไม่มีงานทำ ก็เรียกได้
-ฎ.2416/2534 โจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างรักษาตัว เนื่องจากเจ็บป่วยเพราะจำเลยกระทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดเต็มจำนวนของเงินเดือนที่โจทก์ไม่ได้รับนั้น จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์นำค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารการกินมาหักจากเงินเดือนก่อนหาได้ไม่
1.3) ค่าเสียความสามารถประกอบการงานในอนาคต การรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นค่าเสียความสามารถประกอบการงานในปัจจุบัน หากร่างกายขาขาดขับรถแท็กซี่ไม่ได้ ก็ยังสามารถเรียกค่าเสียความสามารถประกอบการงานในอนาคตได้
-ฎ.450/2516 โจทก์ต้องพิการ ไม่สามารถเดินได้อย่างคนธรรมดา เสียสมรรถภาพในการรับราชการทหาร ไม่สามารถทำงานหนักได้ ถือได้ว่าโจทก์สูญเสียความสามารถประกอบการงานในภายหน้า
-ฎ.1812/2535 ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะและค่าสินไหมทดแทนการขาดงาน เป็นหนี้เงินที่จะต้องชำระทันที จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันกระทำละเมิดซึ่งเป็นวันผิดนัด
-ม.444 วรรคสอง สงวนสิทธิแก้ไขคำพิพากษาภายใน 2 ปี 
1.4) ค่าขาดแรงงานของบุคคลภายนอก
-ม.445 "ในกรณีทำให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย"
-เป็นหลักเดียวกับเรื่องเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เขาถึงตาย ทำให้บุคคลภายนอกขาดแรงงานจากผู้กระทำละเมิด ค่าขาดแรงงานของบุคคลภายนอกมีอยู่ 2 กรณี คือ ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน (คู่สมรสหรือบุตรต้องช่วยงานบ้าน ทำให้คู่สมรสอีกคนหนึ่งหรือบิดามารดาฟ้องเรียกจากผู้ทำละเมิดได้) และค่าขาดแรงงานในอุตสาหกรรมของบุคคลภายนอก (นายจ้างจ่ายเงินเดือนระหว่างที่ลูกจ้างรักษาตัว ก็เรียกจากจำเลยได้)
-ฎ.3983/2528 ลูกจ้างมีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่นายจ้าง เมื่อลูกจ้างถูกทำละเมิดจนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานให้นายจ้างได้ นายจ้างย่อมขาดแรงงานและมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิด (หรือนายจ้างของผู้ทำละเมิด) โดยคำนวณให้เท่ากับจำนวนเงินที่นายจ้างชำระให้แก่ลูกจ้างนั้น
-ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่เสรีภาพ ไม่ค่อยมีฎีกา 
1.5) ค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน 
-ม.446 "ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
  อนึ่ง หญิงที่ต้องเสียหายเพราะผู้ใดทำผิดอาญาเป็นทุรศีลธรรมแก่ตน ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้"
-ม.446 เช่น ทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วย , ค่าเสียสมรรถภาพในการมองเห็น เป็นความเสียหายที่มิอาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ (กรณีคำนวณเป็นเงินได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล , ค่าหมอ , ค่าแขนเทียม)
-เป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่อาจโอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท
-ฎ.3379/2560 นิติบุคคลเรียกไม่ได้ 
-ฎ.1794/2517 เมื่อการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายถึงทุพพลภาพ โจทก์ย่อมเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบอาชีพได้ตามม.444 และความทุพพลภาพที่เกิดขึ้นยังเข้ากรณีเป็นความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ตามม.446 ด้วย โจทก์จึงเรียกได้ทั้ง 2 ประการ คือ ถ้าต้องทุพพลภาพ นอกจากเรียกค่าทุพพลภาพเพราะเสียหายแก่ร่างกายแล้ว ยังฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เสียความสามารถประกอบการงานได้อีก ไม่ถือว่าเป็นการซ้ำซ้อน 
-ฎ.2416/2534 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง โจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างรักษาตัวเนื่องจากเจ็บป่วยเพราะจำเลยกระทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดเต็มจำนวนของเงินเดือนที่โจทก์ไม่ได้รับนั้น ค่าทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วยกับค่าสูญเสียบุคลิกภาพ ต่างก็เป็นค่าเสียหายซึ่งไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ ศาลย่อมกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้โดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าค่าทนทุกข์ทรมานเท่าใดค่าสูญเสียบุคลิกภาพเท่าใด ค่าเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียบุคลิกภาพกับค่าเสียหายที่เกิดจากการที่ไม่สามารถประกอบการงานในอนาคตเป็นค่าเสียหายที่ไม่ซ้ำกัน เพราะการเสียบุคลิกภาพนั้นเป็นการเสียความมีลักษณะสง่าผ่าเผยในสังคม ซึ่งต่างหากจากการเสียความสามารถในการประกอบการงาน

2. ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ชื่อเสียง
-ม.447 "บุคคลใดทำให้เขาต้องเสียหายแก่ชื่อเสียง เมื่อผู้ต้องเสียหายร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นจัดการตามควรเพื่อทำให้ชื่อเสียงของผู้นั้นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหาย หรือทั้งให้ใช้ค่าเสียหายด้วยก็ได้"
-ฎ.197/2522 เมื่อปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรม ไม่เคยประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหา เป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร

3. อายุความ
-ม.448 "สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
  แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ"
-ถ้ารู้ถึงการทำละเมิด แต่ยังไม่รู้ตัวผู้ต้องรับผิด ยังไม่เริ่มนับอายุความ , การนับอายุความนับเป็นรายคน
-ค่าเสียหายจะมีเพียงใด ผู้ทำละเมิดแต่ละคนต้องรับผิดเท่าไหร่ ไม่เป็นเหตุที่จะไม่เริ่มนับอายุความ
-อายุความตามป.อาญา ม.95 โดยไม่จำเป็นต้องมีการฟ้องคดีอาญา ม.448 วรรคสอง บัญญัติเพียง มูลความผิดอาญา ไม่จำต้องมีการฟ้องคดีอาญา 
-ม.448 ใช้บังคับแก่การละเมิดตามม.420-437
-การนับอายุความ เป็นไปตามหลักเรื่องการนับระยะเวลา คือ มิให้เริ่มนับวันแรกรวมเข้าไปด้วย ต้องเริ่มนับวันรุ่งขึ้นตามม.193/3 (ส่วนดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด)
-การละเมิดต่อเนื่อง ส่วนที่เกิน 1 ปี ขาดอายุความ
-การรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียหายตกถึงผู้สืบสิทธิ ผู้ใช้สิทธิ หรือผู้รับช่วงสิทธิของผู้เสียหายด้วย จะต้องฟ้องภายในกำหนดระยะเวลาเดียวกับผู้เสียหาย มิฉะนั้นจะขาดอายุความ
-หากผู้เสียหายไม่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนจนพ้น 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด คดีขาดอายุความ แม้ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือแม้แต่ผู้เสียหายเพิ่งจ่ายเงินเพราะความเสียหายนั้น แต่เมื่อพ้น 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด ย่อมขาดอายุความ

4. ค่าเสียหายที่ไม่ใช่มูลละเมิด
4.1) อายุความการคืนทรัพย์สินที่ต้องเสียไป ไม่ตกอยู่ในอายุความตามม.448 ม.1336 ไม่มีอายุความ
4.2) อายุความการใช้ราคาทรัพย์สิน กรณีการเอาทรัพย์สินเขาไปโดยละเมิด มีลักษณะแย่งการครอบครอง แล้วไม่อาจคืนทรัพย์สินนั้น หรือทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือถูกทำลายลงโดยอุบัติเหตุ ตามม.439 ผู้กระทำละเมิดจึงต้องใช้ราคาแทน อายุความทั่วไปม.193/30 
4.3) อายุความการใช้ค่าเสียหาย ค่าเสียหายในมูลละเมิดตามม.438 ตกอยู่ในบังคับอายุความตามม.448 

5. ตัวอย่างค่าเสียหายที่ไม่ใช่มูลละเมิด
-การใช้สิทธิไล่เบี้ยตามม.426 , 427 , 431 , 433 , 434 , 76 
-บุคคลหลายคนทำละเมิด ไม่ว่าร่วมกันทำตามม.432 หรือต่างทำละเมิดแล้วศาลให้ร่วมรับผิด เมื่อคนหนึ่งใช้ค่าเสียหายแล้ว มาฟ้องให้อีกคนหนึ่งแบ่งความรับผิดตามม.296 , 432 เป็นเรื่องใช้สิทธิไล่เบี้ยในระหว่างลูกหนี้ร่วมด้วยกัน เพราะฉะนั้นจึงมีอายุความ 10 ปี ไม่ใช่อายุความตามม.448
-การขอให้ศาลเรียกผู้รับประกันภัยค้ำจุนมาร่วมรับผิดกับผู้ทำละเมิด อายุความ 2 ปี ตามม.882 วรรคหนึ่ง
-การฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญา แม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นละเมิดด้วย ก็ต้องใช้อายุความตามสัญญาที่ยาวกว่า
-การฟ้องให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งแปลงหนี้ละเมิด ทำให้หนี้ละเมิดระงับ 

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)