สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 3-4)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 3-4)
อาจารย์วัชระ เนติวาณิชย์
วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568
**********

1. การกระทำที่ถือได้ว่าเป็นการงดเว้นหรือละเว้นการกระทำ จะต้องมีหน้าที่ให้กระทำ 
1.1) หน้าที่ตามกฎหมาย 
-กฎหมายกำหนดให้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูก , สามีภรรยาต้องดูแลซึ่งกันและกัน แล้วไม่ทำหน้าที่ ก็เป็นละเมิดได้
1.2) หน้าที่ตามสัญญา เมื่อมีสัญญาต่อกัน ผู้มีหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามสัญญา และระมัดระวังการทำหน้าที่ของตนเองไม่ก่อให้เกิดปัญหาแก่บุคคลอื่นด้วย หากละเว้นต่อหน้าที่ตามสัญญาเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเสียหาย ก็ต้องรับผิด 
-คนกวาดถนน4-5คนกำลังกวาดถนนอยู่ทั้งซ้ายและขวาในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว70-80กิโลเมตร ควรมีป้ายเตือน เครื่องหมายเตือนว่ากำลังทำหน้าที่ เพื่อให้รถชะลอความเร็วหรือเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ 
-พี่เลี้ยงหรือสถานรับเลี้ยงดูแลเด็กตามสัญญา ปล่อยให้เด็กได้รับอันตราย 
-พยาบาลหรือผู้รับจ้างเฝ้าคนไข้หรือคนชรา ปล่อยให้คนไข้หรือคนชราได้รับอันตราย
-ลูกจ้างมีหน้าที่ต่อนายจ้าง หากไม่ทำตามหน้าที่จนเกิดความเสียหายแก่นายจ้าง ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่เกิดจากสัญญา
-ลูกจ้างการรถไฟมีหน้าที่เปิดสัญญาณถนนก่อนรถไฟผ่าน ไม่เปิดปิดสัญญาณเวลามีรถไฟผ่านไปมา ทำให้รถยนต์เข้าไปชนกับรถไฟ ถือว่าเป็นการละเว้น นอกจากต้องรับผิดต่อการรถไฟคู่สัญญาแล้ว ยังต้องรับผิดต่อฝ่ายรถยนต์ซึ่งเป็นบุคคลนอกสัญญาด้วย
-ฎ.1640/2506 (ลูกจ้างการรถไฟหลับ ไม่ปิดแผงกั้นรถไฟ เป็นการงดเว้น) 
-ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือซ่อมถนน ไม่ติดเครื่องหมายเตือนว่ามีการก่อสร้างหรือซ่อมถนน ถือว่าเป็นการละเว้นหน้าที่ที่จะต้องกระทำตามสัญญา
-ฎ.1506/2516 (ไม่ติดป้ายสัญญาณเตือนว่ามีการก่อสร้าง เป็นการงดเว้น) บริษัทจำเลยที่ 3 ก่อสร้างถนนโดยไม่ติดตั้งป้ายหรือเครื่องหมายเตือนผู้ขับขี่รถให้ทราบว่ามีการก่อสร้างถนนอยู่ข้างหน้า หรือไม่รดน้ำไหล่ถนนที่ถมด้วยดินลูกรัง เป็นเหตุให้เกิดฝุ่นตลบมองไม่เห็นทาง อันเป็นเหตุส่วนหนึ่งซึ่งทำให้รถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับมาด้วยความประมาทชนรถโจทก์เสียหาย บริษัทจำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
-ฎ.3958/2561 (ทนายรายงานคดีเท็จ ไม่ฟ้องล้มฯให้ ผิดสัญญาและละเมิด) การที่โจทก์มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ฟ้องคดีล้มละลาย บ. แต่จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการ กลับรายงานเท็จต่อโจทก์ ทำให้โจทก์หลงเชื่อว่ามีการฟ้องล้มละลาย บ. แล้ว เป็นการกระทำผิดสัญญาและละเมิดต่อโจทก์ หากจำเลยที่ 1 ดำเนินการฟ้อง บ. ภายในอายุความ แม้ปรากฏว่า บ. ไม่มีทรัพย์สินใดให้บังคับคดีในคดีแพ่งก็ตาม แต่ในคดีล้มละลายมีกระบวนการพิจารณาแตกต่างไปจากการบังคับคดีแพ่งทั่วไป เพราะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจหน้าที่ในการที่จะไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผย ให้ลูกหนี้แสดงรายหารหรือรายละเอียดของทรัพย์สินที่มีอยู่รวมกัน ทั้งสิทธิต่าง ๆ ในการที่จะได้มาซึ่งเงินและทรัพย์สินจากบุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถใช้สิทธิในการตรวจสอบสินทรัพย์ของ บ. ได้ จึงอาจทำให้โจทก์มีโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้ การที่จำเลยที่ 1 ไม่ฟ้องบังคับคดีล้มละลาย บ. จึงเป็นผลโดยตรงที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การที่ทนายจำเลยรายงานเท็จต่อโจทก์ เหตุผล ทำให้โจทก์หลงเชื่อว่ามีการฟ้องคดีล้มละลายแล้วเป็นการทำผิดสัญญาจ้าง และการที่ไม่ได้ไปฟ้องตามที่ตกลงกันเป็นการละเมิดเพราะมีหน้าที่ตามสัญญาแล้วไม่ทำตามหน้าที่ ดังนั้นทนายจึงต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์ที่เป็นผู้ว่าจ้างให้ว่าความ
-โรงเรียน,ครู โรงเรียนและครู มีหน้าที่ดูแลเด็กนักเรียนซึ่งเป็นเด็กเล็กในระหว่างอยู่ในโรงเรียนมิให้เกิดอันตราย อันเป็นหน้าที่ตามสัญญา
-ฎ.1354/2521 เด็กกระโดดขอบหน้าต่างตามเพื่อน ตกลงไปตาย ครูใหญ่ไม่ได้ใช้ให้ทำความสะอาด ไม่เป็นการงดเว้น
-ธนาคาร มีหน้าที่เรียกเก็บเงินตามเช็คแทนลูกค้าตามสัญญาฝากทรัพย์หรือตัวแทน เห็นความผิดปกติ มีการเบิกเงินมาก ไม่ระวังสอบถามเจ้าของบัญชี
-ฎ.11029/2553 เบิกเงินสดมาก ไม่ระวัง เป็นงดเว้น
-ฎ.5396/2561 (ตรวจสอบลายเซ็นไม่ดี เป็นงดเว้นโดยประมาท) ก. กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์เก็บรักษาสมุดเช็คไว้ในตู้เซฟภายในห้องทำงาน บางครั้งจะให้ ศ. พนักงานการเงินและบัญชีกรอกรายละเอียดในเช็คที่จะสั่งจ่าย ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างลักเช็คพิพาททั้ง 17 ฉบับ ไปกรอกข้อความและปลอมลายมือผู้สั่งจ่าย หาก ก. ตรวจสอบก็จะทราบว่าลายมือที่ต้นขั้วเช็คเป็นของ ส. ไม่ใช่ลายมือของ ศ. โจทก์จึงมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วย จำเลยประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ การจ่ายเงินตามเช็คเป็นงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำ พนักงานจำเลยย่อมมีความชำนาญในการตรวจสอบลายมือชื่อในเช็คกับตัวอย่างลายมือชื่อที่จำเลยมีอยู่ว่าเป็นลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายจริงหรือไม่ เมื่อลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมในเช็คแตกต่างกับลายมือชื่อที่โจทก์ให้ไว้แก่จำเลย การที่พนักงานของจำเลยจ่ายเงินตามเช็คถึง 17 ฉบับ จึงเป็นการขาดความระมัดระวังเท่าที่สมควรจะต้องใช้ในกิจการเช่นจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
-ฎ.5095/2562 ไม่ตรวจลายเซ็นปลอมในเช็คให้ดี เงินหายเป็นละเมิด งดเว้นโดยประมาท
1.3) หน้าที่ที่เกิดจากการกระทำครั้งก่อนของตน
-ถ้าไม่มีการกระทำครั้งก่อนของตนแล้ว ตนก็ไม่มีหน้าที่ป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
-สมัครใจเข้าช่วยเหลือบุคคลอื่นที่ประสบภัย เมื่อช่วยแล้วก็มีหน้าที่ทำการตามที่ควรกระทำ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลนั้น หากงดเว้นกลางคันแล้วเกิดความเสียหายขึ้น ก็เป็นละเมิด
-ปล่อยกระแสไฟฟ้าที่รั่ว แต่เดิมไม่เคยทำ เพื่อนมาหยิบของที่ตกที่รั่วได้
-แขกมาเยี่ยมบ้าน มีหน้าที่ต้องระวังไม่ให้สุนัขกัดแขก
-ซ่อมแซมบ้าน ก็ต้องระวัง
-ฎ.743/2561 ห้างไม่ดูแลความปลอดภัยของรถยนต์ลูกค้า เคยแจกบัตร ต่อมายกเลิก ใช้กล้องแทน (เป็นการบันทึกภาพรถยนต์ ไม่ใช่การป้องกัน) เป็นงดเว้นดูแล
-ฎ.915/2561 มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของผู้มาห้างสรรพสินค้า
-ฎ.5508/2560 ลานจอดรถบริเวณตลาดใหญ่ แตกต่างกับบุคคลที่เข้าไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้า
-ฎ.2416/2561 ไม่มี รปภ. มาดูแล งดเว้น
*หน้าที่ที่เกิดจากการกระทำครั้งก่อนของตน การละเว้นต้องเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย การละเว้นที่จะเป็นละเมิด ความเสียหายต้องเกิดจากการละเว้น หากความเสียหายเกิดจากเหตุอื่น แม้จะมีการละเว้นต่อหน้าที่ เมื่อความเสียหายนั้นมิใช่เกิดจากการละเว้น ก็ไม่เป็นละเมิด
-ฎ.1996/2523 ครูไม่มีหน้าที่เฝ้ายาม ไม่มาอยู่เวร ไม่ผิด
-ฎ.400/2534 ตำรวจไม่อยู่ตามกำหนด ไม่มีการจัดเวรแทน ของหาย เป็นละเมิด
-ฎ.1277/2562 นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร รักษาทรัพย์สินส่วนกลาง มีคนร้ายมาลักตู้เซฟที่ไม่ใหญ่เอาออกไปได้ รปภ.ไม่เห็น ไม่ใช่การประมาท
-ฎ.161/2536 ไม่ตระเตรียมพนักงานประจำสระว่ายน้ำไว้คอยช่วยเหลือผู้ใช้บริการสระน้ำ ต้องรับผิด
-ฎ.399/2546 ผู้รับเหมาก่อสร้างสะพาน ละเลยไม่ติดตั้งเครื่องหมาย
-ฎ.3434-3440/2557 หน่วยงานรัฐ หน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งควบคุมความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่ประชาชนผู้มาใช้ท่าเทียบเรือและโป๊ะเทียบเรือซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงตามกฎหมาย
-ฎ.1971/2517 อยู่กินฉันสามีภริยาตามประเพณี และตกว่าจะเรียนจบจะไปจดทะเบียนสมรส การไม่ยอมไปจดทะบเียนสมรส มิใช่การกระทำละเมิด
-ฎ.45/2532 การเรียกค่าทดแทนเนื่องจากผิดสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการสมรส ม.1439 บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เรียกได้เฉพาะกรณีมีการหมั้นเท่านั้น 
1.4) case study 1 เจ้าพนักงานตำรวจพบเห็นหญิงคนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้า โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในสถานการณ์ที่รัฐบาลประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน โดยผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดได้ออกประกาศให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจก็เพิกเฉยไม่ดำเนินการอย่างใด ท่านเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิกเฉยไม่จับกุมหญิงดังกล่าว เป็นการกระทำที่เป็นละเมิดหรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย
1.5) case study 2 มีบุคคลนำปืนเข้าไปกราดยิงผู้ใช้บริการในห้างสรรพสินค้า โดยห้างสรรพสินค้าไม่ได้จัดให้มีเครื่องตรวจอาวุธ และพนักงานรักษาความปลอดภัยที่จะป้องกันมิให้มีคนพกพาอาวุธเข้าไปในห้าง หลักเกิดเหตุ ห้างได้จัดเครื่องตรวจอาวุธและมีพนักงานรักษษความปลอดภัยที่จะสกัดบุคคลที่ผ่านเครื่องตรวจอาวุธ แล้วได้ยินเสียงสัญญาณ ต่อมาห้างได้ยกเลิกเครื่องตรวจอาวุธและพนักงานรักษาความปลอดภัยดังกล่าว และมี นาย ก. นำอาวุธปืนเข้าไปในห้างแล้วยิงคนในร้านแห่งหนึ่งและยิงถูกลูกค้าคนอื่น ให้วินิจฉัยว่าห้างต้องรับผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด

2. กระทำต่อผู้อื่น
-"ทำต่อบุคคลอื่น" หมายถึง บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่ได้หมายถึงทรัพย์ สิ่งของ หรือสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ
-การทำลายทรัพย์ สิ่งของ หรือสัตว์ที่มีเจ้าของ ถือว่าเป็นการกระทำต่อบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
-ฎ.9173/2551 การเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการละเมิด มิใช่เพียงแต่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะเป็นผู้เสียหายได้เท่านั้น ผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินก็เป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิได้ สามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ตามป.วิ.พ. ม.55
-ฎ.3534/2542 โจทก์ผู้ครอบครองที่ดินพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งอยู่ในที่ดินโดยละเมิดสิทธิของโจทก์
-ฎ.988/2562 การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อน
-ฎ.983/2497 จำเลยปล่อยให้อาคารของตน เอนทับอาคารโจทก์เสียหาย ดังนี้เรียกว่าจำเลยทำละเมิด ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
-ฎ.2942/2526 โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท แต่มีสิทธิใช้และมีหน้าที่บำรุงรักษารถที่กรมตำรวจมอบหมาย โจทก์เป็นผู้ครบครองใช้สอย โจทก์มีอำนาจฟ้องผู้มาทำให้รถเสียหาย
-ฎ.746-750/2538 ผู้เช่าซื้อสามารถเป็นผู้เสียหายฐานะละเมิดได้ ถ้ามีการกระทำกับทรัพย์ที่เช่าซื้อ รวมทั้งเมื่อขณะเกิดเหตุสัญญาเช่าซื้อยังอยู่ แต่ต่อมาสัญญาเช่าซื้อเลิกกันต้องคืนทรัพย์สินให้ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อก็ยังสามารถดำเนินคดีละเมิดกับผู้ที่มาชนรถที่เช่าซื้อนั้นต่อไป สิทธิในการดำเนินคดีละเมิดยังไม่ระงับ เพราะค่าเสียหายยังไม่ได้รับการชดเชย
-ฎ.14/2517 บุตรที่บิดารับรองแล้ว บุตรเรียกค่าเสียหายได้
-การใช้เด็กขย่มต้นไม้ หมดแรง ตกต้นไม้ตาย เป็นการละเมิดต่อผู้เยาว์และพ่อแม่
-ทำต่อนิติบุคคล นิติบุคคลก็อาจถูกละเมิดได้ตามสภาพนิติบุคคลนั้นที่อาจมีอาจเป็นได้
-สภาพนิติบุคคลย่อมแตกต่างจากบุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดาอาจถูกทำละเมิดได้กว้างกว่า เช่น ไปล้อมบริษัท จะอ้างว่าทำให้บริษัทเสื่อมเสียเสรีภาพไม่ได้ คนที่อยู่ในบริษัทเท่านั้นที่ถูกล้อมเข้าออกไม่ได้ จึงเป็นผู้ที่ถูกทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ แต่บริษัทอาจจะถูกละเมิดในการประกอบกิจการค้า ทำให้ธุรกิจเสียหาย
-ทำต่อทรัพย์สินของรัฐ เช่น การทำให้ป่าไม้เสียหาย ถือว่าเป็นการทำต่อกรมป่าไม้ หรือการทุบถนนในเขตเทศบาล ถือว่าเป็นการทำต่อเทศบาล
-ผู้เสียหายพิเศษ เช่น เอกชนผู้ใดได้ประโยชน์จากการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินยิ่งกว่าบุคคลทั่วไป บุคคลนั้นย่อมได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อบุคคลนั้น
-กรณีซื้อขายเป็นโมฆะ หากเป็นโมฆะเนื่องจากมีวัตถุแห่งหนี้หรือวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้ครอบครองหรือใช้สอย ไม่มีสิทธิจะอ้างอะไรได้ แม้จะมีคนทำลายทรัพย์ที่ซื้อมานั้น เพราะถือว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่เป็นผู้ถูกทำละเมิด แต่ถ้าผู้ครอบครองใช้สอยทรัพย์สินที่ซื้อมาเป็นวัตถุแห่งหนี้ที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี เหตุที่เป็นโมฆะนั้นเป็นเพียงรูปแบบของสัญญา แล้วทรัพย์นั้นถูกทำลาย กรณีนี้เป็นละเมิดต่อผู้ซื้อ
-กรณีเช่าทรัพย์ (ละเมิดต่อทรัพย์สินที่เช่า ผู้เช่าฟ้องได้) ผู้เช่ามีสิทธิได้ใช้หรือได้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าตามม.537 ผู้เช่าจึงจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตน (ฎ.804/2497) และต้องบำรุงรักษา ทั้งต้องทำการซ่อมแซมเล็กน้อยด้วยตามม.553 หรือแม้จะเป็นการซ่อมแซมใหญ่ หากเป็นความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายผู้เช่าได้ตามม.547 และเมื่อสัญญาเช่าเลิกหรือระงับลง ผู้เช่าก็ต้องส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าในสภาพซ่อมแซมดีตามม.561 ฉะนั้นเมื่อมีผู้ทำละเมิดในระหว่างสัญญาเช่าขณะทรัพย์สินนั้นอยู่ในความครอบครองของผู้เช่า (ฎ.3751/2529) จึงถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เช่า ผู้เช่าฟ้องผู้ทำละเมิดได้
-กรณีไม่มีหนังสือสัญญาเช่า หากมีการเช่าอสังหาริมทรัพย์แล้ว แม้จะไม่มีการทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ผู้เช่าก็ฟ้องผู้บุกรุกและเรียกค่าเสียหายได้ เพราะไม่ได้ฟ้องบังคับคดีเกี่ยวกับสัญญาเช่าแต่อย่างใด
-ฎ.2052/2522 บิดาโจทก์เช่าตึก จำเลยอาศัยอยู่ในตึกกับโจทก์ บิดาโจทก์ตาย โจทก์ทำสัญญาเช่าแทนบิดาโจทก์จากผู้ให้เช่าเดิม จำเลยไม่ออกจากตึก แม้โจทก์อยู่ที่อื่น โจทก์ก็ฟ้องขับไล่จำเลยได้ (ผู้เช่ายังไม่ได้ครอบครอง ก็ฟ้องได้)
-ฎ.523/2562 ผู้เช่าที่ดินจากการรถไฟยังไม่ได้เข้าครอบครอง แต่ถ้าการรถไฟไม่อยากเป็นภาระที่จะต้องมาฟ้องขับไล่เอง จึงมอบอำนาจให้ผู้เช่ารายใหม่เป็นผู้แทนในการฟ้องขับไล่ได้ ดังนั้นแม้ผู้เช่ารายใหม่ยังไม่ได้เข้าครอบครอง สามารถที่จะฟ้องละเมิดได้

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.สถิติ พ.ศ. 2550 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

ป.ป.ช. ไต่สวนการกระทำผิดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังเกิดเหตุ 14 ปี (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2564)