สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 9-10)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 9-10)
อาจารย์อัมภัสชา ดิษฐอำนาจ
วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2568
**********
1. หลักสำคัญของละเมิด
-ละเมิดหรือไม่ ใครต้องรับผิดบ้าง ม.420-437 (ปีที่แล้วออกม.422)
-รับผิดเพียงใด ม.438-446
-ตอบข้อสอบใส่เลขมาตรา จะช่วยในการตรวจข้อสอบ
2. ความรับผิดของบิดา มารดา และผู้อนุบาล
-ม.429 "บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น"
-ทางแพ่ง ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตทำละเมิดต้องรับผิดม.420 และบิดามารดาหรือผู้อนุบาลรับผิดตามม.429
-บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น รวมถึงผู้รับบุตรบุญธรรมด้วยม.1598/28
-ข้อยกเว้น บิดามารดาหรืผู้อนุบาลต้องพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
-ฎ.612/2488 ตามปกติย่อมเป็นการเหลือวิสัยบิดามารดาจะดูแลไม่ให้บุตรไปฉุดคร่าหญิง บิดามารดาจึงไม่ต้องร่วมรับผิด
-ฎ.8138/2555 ผู้เยาว์อายุ 19 ปีเศษ ใกล้บรรลุนิติภาวะ แม้จะอยู่กับบิดามารดา แต่ก็ทำมาหาเลี้ยงชีพไม่เป็นภาระแก่บิดามารดา การที่บิดามารดาอนุญาตให้ขับรถจักรยานยนต์ ก็เนื่องจากต้องใช้เป็นพาหนะเดินทางไปทำงานทั้งได้รับใบอนุญาตขับรถ ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีวุฒิภาวะพอสมควรที่บิดามารดาจะไว้วางใจให้ดำรงชีวิตในสังคมที่จะไม่ก่อความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น และไม่ปรากฏว่าผู้เยาว์เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาก่อน ถือว่าบิดามารดาใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลแล้ว จึงไม่ต้องร่วมรับผิด
-ฎ.6967/2541 บิดานำรถจักรยานยนต์เก็บไว้ในบ้าน พร้อมล็อคคอรถ และนำกุญแจติดตัวไปด้วย การที่บุตรนักเรียนชั้นม.4 นำกุญแจรถกระบะไปไขรถจักรยานยนต์ได้โดยบังเอิญ และนำไปให้เพื่อนรุ่นพี่ต่อสายไฟ ทั้งไม่ปรากฏว่าบุตรมีนิสัยความประพฤติไม่ดีมาก่อน เห็นได้ว่าบิดาได้ใช้ความระมัดระวังแล้ว
3. ความรับผิดของผู้ดูแล
-ม.430 "ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร"
-ถ้าเด็กกระทำละเมิดในโรงเรียน ให้นึกไว้ก่อนว่า เด็กม.420 บิดามารดาม.429 ครูม.430
-ม.430 ผู้เสียหายเป็นผู้พิสูจน์ว่าครูฯ ต้องรับผิด
-ผู้ดูแล การเป็นผู้รับดูแลบุคคลไร้ความสามารถ ไม่ว่าจะรับดูแลอยู่เป็นประจำหรือชั่วครั้งชั่วคราว โดยไม่คำนึงว่าจะมีสินจ้างหรือไม่
-การรับดูแลมี 3 ลักษณะ คือ รับดูแลโดยกฎหมายบังคับ (เช่น สถานพินิจ) รับดูแลโดยสัญญา (เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ผู้รับดูแลโดยสัญญาจ้าง) และรับดูแลโดยข้อเท็จจริง (เช่น ญาติที่บิดามารดาฝากดูแล)
-ฎ.12979/2558 เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวผู้เยาว์ส่งสถานพินิจ เป็นหน้าที่ตามป.วิ.อาญา กำหนดไว้ ไม่มีเจตนารับดูแลผู้เยาว์ เมื่อผู้เยาว์หลบหนีไปทำละเมิด เจ้าพนักงานตำรวจไม่ต้องรับผิดเพราะไม่อยู่ในบังคับตามม.430 (ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ต้องรับผิด เพราะเป็นเพียงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่ได้ทำละเมิดโดยตรงที่หน่วยงานของรัฐจะต้องรับผิดตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ม.5 วรรคหนึ่ง)
-ฎ.1026/2535 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงเจ้าของหาพักที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์เช่าอยู่ และเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปเพื่อกิจธุระของตนเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลผู้รับดูแลจำเลยที่ 1 ไว้ และจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในการละเมิดตามม.430 เพราะเจ้าของหาพักมีหน้าที่เพียงดำเนินกิจการหอพักและควบคุมการเข้าพักในหอพักเท่านั้น (ข้อเท็จจริงมีการใช้ อาจปรับเรื่องตัวการตัวแทนม.427)
3.1) ครูบาอาจารย์
-บุคคลที่ให้การศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีสินจ้างหรือไม่ก็ได้
-ต้องมีหน้าที่ควบคุมดูแลด้วย และเหตุละเมิดเกิดในระหว่างการรับดูแล
-หากมีนักเรียนทำละเมิด คนที่จะรับผิดเฉพาะในขณะทำละเมิด ต้องมีหน้าที่รับดูแลด้วย
-ความรับผิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอำนาจหน้าที่ดูแลขณะเกิดเหตุว่ามากน้อยเพียงใด
-เหตุละเมิดไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นระหว่างสอนหรือในห้องเรียน
-อาจารย์ในมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ในบังคับมาตรานี้ มีแต่หน้าที่ให้การศึกษษ
-เพียงแต่สืบได้ว่าไม่บกพร่องในการควบคุมดูแล ก็พ้นความรับผิด แม้จะอบรมสั่งสอนไม่ดี ก็ไม่ต้องรับผิด
3.2) นายจ้าง
-ผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ไร้ความสามารถตามสัญญาจ้างแรงงาน เช่น จ้างผู้เยาว์ทำงาน
-นายจ้างมีหน้าที่อบรมสั่งสอนฝึกฝนลูกจ้างให้ฝึกวิชาชีพประเภทที่เรียกว่าลูกมือฝึกหัด
-นายจ้างต้องรับผิดในเหตุละเมิดที่ผู้ไร้ความสามารถทำระหว่างที่อยู่ในความควบคุมดูแลของนายจ้าง
-ถ้าละเมิดได้กระทำในทางการที่จ้างด้วย และนายจ้างไม่ดูแลให้ดี นายจ้างต้องร่วมรับผิดตามม.425 หรือ 428 ที่ลูกจ้างได้ทำละเมิดในทางการที่จ้าง กับร่วมรับผิดตามม.430 ในฐานะที่ไม่ดูแลให้ดี
3.3) ผู้รับดูแล
-บุคคลอื่นซึ่งรับดูแลผู้ไร้ความสามารถ
-อาจเป็นผู้ปกครองตามม.1585 สถานรับเลี้ยงเด็ก
-ผู้ดูแลคนบ้า
-บิดานอกกฎหมายรับเลี้ยงบุตร
-ญาตพี่น้องรับเลี้ยงดูหลาน
3.4) เหตุยกเว้น
-หน้าที่นำสืบความรับผิดชอบของผู้ดูแลตามม.430 ตกอยู่แก่ผู้เสียหาย
-ผู้เส้ยหายต้องนำสืบว่าเหตุเกิดจากผู้เยาว์หรือคนวิกลจริต และผู้รับดูแลขาดความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
4. ความรับผิดในการทำละเมิดของผู้แทนนิติบุคคล
-ปัจจุบันมีการแยกนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชนออกจาก ป.พ.พ.
-ผู้แทนนิติบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ให้รับผิดตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
-ม.70 "นิติบุคคลต้องมีผู้แทนคนหนึ่งหรือหลายคน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งจะได้กำหนดไว้
ความประสงค์ของนิติบุคคลย่อมแสดงออกโดยผู้แทนของนิติบุคคล"
ความประสงค์ของนิติบุคคลย่อมแสดงออกโดยผู้แทนของนิติบุคคล"
-นิติบุคคลจะต้องรับผิดจากการกระทำละเมิดของผู้แทนนิติบุคคล ก็ต่อเมื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการกระทำภายในขอบวัตถุประสงค์หรือของแห่งอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล ทำนองเดียวกับลูกจ้างต้องทำในทางการที่จ้าง หรือตัวแทนทำในกิจการที่ได้รับมอบหมาย
-เมื่อนิติบุคคลต้องรับผิดตามม.76 ก็ต้องรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วมตามม.291
-แต่ถ้าผู้แทนนิติบุคคลทำนองขอบวัตถุประสงค์ นิติบุคคลก็ไม่ต้องรับผิด
5. ความรับผิดเพื่อละเมิดของผู้ร่วมกระทำ
-ม.432 "ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ท่านก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น"
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ท่านก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น"
-มีฐานะเดียวกับลูกหนี้ร่วมม.291
-ถ้าไม่ได้ร่วมทำละเมิด เข้าม.438
6. ความรับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดจากสัตว์
-ม.433 "ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆ ก็ได้"
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้นโดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆ ก็ได้"
-สัตว์ทุกชนิด โดยต้องเป็นสัตว์มีเจ้าของ
-เจ้าของขี่ม้าไปชนคนอื่นบาดเจ็บ นอกจากเจ้าของจะต้องรับผิดตามม.433 ยังต้องรับผิดฐานละเมิดม.420 ด้วย เพราะจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เว้นแต่เหตุที่ชนเพราะบังคับม้าไม่อยู่ ก็รับผิดตามม.433 อย่างเดียว (แต่ม.420 มีภาระการพิสูจน์ยากกว่าม.433 , ม.433 เพียงสัตว์ก่อให้เกิดความเสียหายก็ฟ้องได้)
-การรับเลี้ยงรับรักษา จะต้องเป็นการกระทำแทนเจ้าของ (ขาดจากเจ้าของ) และจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ได้
-ม.433 ใช้คำว่า เจ้าของสัตว์ หรือ ผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ ต้องรับผิดเพียงผู้เดียว จะฟ้องทั้งสองคนไม่ได้ (หากมีผู้รับเลี้ยงรับรักษาแล้ว เจ้าของไม่ต้องรับผิด , หากไม่มีผู้รับเลี้ยงรับรักษา เจ้าของต้องรับผิด) , (ม.437 มีคำว่า "หรือ" แต่รับผิดทั้งสองคน)
-กรณีเป็นการทำแทนเจ้าของ เมื่อพิสูจน์ได้ เจ้าของต้องรับผิดตามม.427 , 433
-ข้อยกเว้นความรับผิด พิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
-ฎ.2488/2523 สุนับหลบหนีออกไปได้ขณะจำเลยเปิดประตู จึงออกไปกัดโจทก์ได้ แสดงว่าจำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรในการเลี้ยงดูสุนัข ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ รวมทั้งทดแทนความตกใจและทุกข์ทรมานด้วย
-หากเป็นสัตว์เลี้ยง อาจเลี้ยงแบบปล่อยให้อิสระได้ , หากเป็นสัตว์ป่า ประเภทดุร้าย แม้จะเลี้ยงให้เชื่องแล้ว แต่โดยธรรมชาิตยังดุร้ายอยู่ ต้องระวังกว่าเลี้ยงสัตว์บ้าน
-"ตามพฤติการณ์อื่น" จากเหตุภายนอก เช่น ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว บุคคลอื่นทำเสียงดังให้สัตว์แตกตื่น
7. ความเสียหายเกิดจากโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้
-ม.434 "ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำรุดบกพร่องก็ดี หรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอก็ดี ท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อปัดป้องมิให้เกิดเสียหายฉะนั้นแล้ว ท่านว่าผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนั้นให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูกหรือค้ำจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
ในกรณีที่กล่าวมาในสองวรรคข้างต้นนั้น ถ้ายังมีผู้อื่นอีกที่ต้องรับผิดชอบในการก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วยไซร้ ท่านว่าผู้ครองหรือเจ้าของจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้นั้นก็ได้"
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนั้นให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูกหรือค้ำจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
ในกรณีที่กล่าวมาในสองวรรคข้างต้นนั้น ถ้ายังมีผู้อื่นอีกที่ต้องรับผิดชอบในการก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วยไซร้ ท่านว่าผู้ครองหรือเจ้าของจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้นั้นก็ได้"
-ม.434 หมายถึง สิ่งปลูกสร้างนั้นได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างครอบครองของผู้ครองหรือเจ้าของ แล้วเกิดความเสียหายขึ้น โดยความเสียหายเกิดจากสิ่งปลูกสร้างพังลงมา ไม่ใช่กรณีอุปกรณ์ตกหล่น
-หากเกิดระหว่างก่อสร้าง (อาจเข้าม.428) ไม่เข้าม.434
-ฎ.1438/2526 ความเสียหายเกิดจากท่อระบายน้ำจากดาดฟ้าโรงแรม ชำรุดบกพร่องหรือบำรุงรักษาไม่เพียงพอ จำเลยซึ่งเป็นทั้งผู้ครองและเจ้าของดาดฟ้าโรงแรมและท่อระบายน้ำดังกล่าว จึงต้องรับผิด
-ฎ.3593/2528 ตราบใดที่จำเลยยังคงปล่อยให้ต้นไม้ของจำเลยเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่ยอมค้ำจุนหรือตัดออกเพื่อระงับความเสียหาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ติดต่อกันมาอยู่ตราบนั้น โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนที่ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี ย้อนหลังไปนับแต่วันฟ้อง
8. ความเสียหายอันเกิดจากของตกหล่นจากโรงเรือน
-ม.436 "บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร"
-ของหล่นเองหรือมีผู้ทำให้ตกหล่นก็ได้
-ฎ.1689/2514 จำเลยสร้างแฟลตให้คนเช่า ซึ่งอาจทิ้งของหรือน้ำลงบนที่ดินของโจทก์ถัดไป แม้จำเลยจะครอบครองและอยู่อาศัยในแฟลต แต่ได้มีผู้เช่าแยกเป็นส่วนสัดซึ่งเป็นผู้ทำละเมิด จำเลยไม่ต้องรับผิดตามม.436 ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์
-บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือน หมายถึง เจ้าของบ้านหรือหัวหน้าครอบครัวเจ้าของสถานที่ ไม่ได้หมายถึงบริวารหรือแขกที่มาพักอาศัย เพราะไม่มีอำนาจควบคุมดูแลในบ้าน ฉะนั้นบริวารหรือแขกผู้มาอาศัยจึงไม่ใช่ผู้อยู่ในโรงเรือน
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น