สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 1-2)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 1-2)
อาจารย์วัชระ เนติวาณิชย์
วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568
**********

1. ละเมิด
-เป็นบ่อเกิดแห่งหนี้
-เป็นการกระทำที่ล่วงสิทธิผิดหน้าที่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น อันเป็นความรับผิดทางแพ่งประเภทหนึ่ง
-เป็นกฎหมายเอกชน ป้องกันสิทธิของเอกชน 
-มุ่งเยียวยาให้ผู้เสียหายกลับคืนสภาพเดิม
-ละเมิด มีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
-การกระทำครั้งเดียว อาจเป็นความผิดทั้งทางอาญาและละเมิดได้

2. หลักความยินยอมไม่เป็นละเมิด
-ฎ.9042/2560 (แพทย์ร่วมกันตรวจและไม่พบความผิดปกติ) จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันตรวจวินิจฉัยการตั้งครรภ์ ไม่พบความพิการของโจทก์ที่ 2 และไม่ได้แจ้งโจทก์ที่ 1 ทราบ การไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 แต่อย่างไรก็ดี เมื่อแพทย์ทำการตรวจและไม่พบความพิการนั้น ถือว่าเด็กมีความสมบูรณ์และไม่ได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 และการที่เด็กพิการนั้น ไม่ใช่ความผิดของแพทย์ เพราะเด็กอยู่ในครรภ์มารดา ศาลวินิจฉัยว่าแพทย์ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 1 ทำให้ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
-ฎ.5009/2562 (แพทย์แจ้งข้อมูลการรักษาครบถ้วน คนไข้ยินยอม ไม่เป็นละเมิด) จำเลยที่ 2 แจ้งข้อมูลและทางเลือกในการรักษาภาวะเนื้องอกที่มดลูกตามมาตรฐานของการรักษาให้แก่โจทก์โดยถูกต้อง ก่อนที่โจทก์จะตัดสินใจให้ความยินยอมในการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ถือว่าการที่จำเลยที่ 2 ตัดมดลูกของโจทก์ออกตามความยินยอมให้การรักษาของโจทก์นั้นไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
-กรณีแพทย์ไม่ได้รับความยินยอม แพทย์จะต้องรักษาคนไข้บนพื้นฐานของมาตรฐานของวิชาชีพ กระบวนการรักษาเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าขั้นตอนการรักษาไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ ก็ถือว่าวิธีการรักษาต่ำกว่าปกติ ถ้าเกิดความเสียหาย แพทย์อาจต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าการไม่รักษาตามขั้นตอนของวิชาชีพของหมอในการรักษาโรคนั้นคือความประมาทเลินเล่อของแพทย์
-ฎ.6092/2552 ความยินยอมของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ 3 ทำการรักษา แม้เป็นการแสดงออกให้จำเลยที่ 3 กระทำต่อร่างกายของโจทก์ก็ตาม แต่หากการรักษาไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานแห่งวิชาชีพแพทย์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายของโจทก์ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 3 อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
-ฎ.9797/2560 (เด็กยินยอมให้กระทำชำเรา ขัดต่อกฎหมายอาญา เป็นละเมิด) จำเลยฎีกาในคดีส่วนแพ่งว่า เมื่อผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเรา จึงไม่เป็นละเมิด จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายนั้น ตาม ป.อ. ม.277 วรรคหนึ่ง ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษ.. แสดงว่ากฎหมายคุ้มครองเด็กอายุน้อยเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ให้ความสำคัญแก่ความยินยอมของเด็ก ดังนั้น แม้ผู้เสียหายยินยอม การกระทำของจำเลยก็ยังเป็นละเมิด ตาม ม.420 (เทียบ ฎ.3554/2561)

3. ละเมิดต่างกับสัญญา
-ละเมิดเกิดหนี้โดยกฎหมายบังคับ
-ผู้กระทำละเมิดเป็นลูกหนี้
-ละเมิดเป็นบ่อเกิดแห่งหนี้
-ผู้ทำละเมิดไม่ถูกจำกัดอายุและความสามารถ
-คดีละเมิดผู้เสียหายต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำละเมิดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
-ฟ้องละเมิดจำกัดความรับผิดไม่ได้
-ฎ.3958/2561 (การกระทำผิดสัญญาจ้าง) โจทก์ฟ้องว่าได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ฟ้องคดีล้มละลาย แต่จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการ กลับรายงานเท็จต่อโจทก์ ทำให้โจทก์หลงเชื่อว่ามีการฟ้องคดี เป็นการกระทำผิดสัญญาจ้างและละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีล้มละลาย มีกระบวนการพิจารณาที่แตกต่างกันไปจากการบังคับคดีแพ่งทั่วไป เพราะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจหน้าที่ไต่สวนลูกหนี้ จึงอาจทำให้โจทก์มีโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้ ดังนั้น จึงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นการละเมิดต่อโจทก์
-ฎ.3814/2525 (ยกของผิดไปให้คนอื่น เป็นละเมิด) โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งคนโดยสาร ได้ยกสิ่งของของโจทก์ให้แก่ผู้อื่นโดยไม่ระมัดระวัง จึงเป็นละเมิดแม้ทั้งสองฝ่ายจะเข้าผูกพันกันโดยสัญญารับขน แต่การผิดสัญญานั้นเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับละเมิดอยู่ด้วย จึงอาจต้องรับผิดทั้งสัญญาและละเมิดพร้อม ๆ กัน ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิด จึงไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย 
(ฎีกาเรื่องนี้โจทก์ได้กล่าวในคำฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเรื่องรับขนและเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้ความเสียหายที่โจทก์ได้รับจะเกินกว่าความรับผิดของจำเลยที่มีต่อโจทก์ตามสัญญารับขน แต่จำเลยก็ต้องรับผิดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อโจทก์ในฐานละเมิด)
-ฎ.9291/2550 (ครบกำหนดเวลาเช่า ไม่คืนห้อง เป็นละเมิด เพราะผิดสัญญา) สัญญาเช่าครบกำหนดเวลาเช่าตามที่ได้ตกลงไว้ สัญญาเช่าย่อมระงับลง โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อน การที่จำเลยไม่ยอมส่งคืนอาคารที่เช่า เป็นการผิดสัญญาเช่าและละเมิด โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทั้งฐานผิดสัญญาและฐานละเมิด เพียงแต่เมื่อใช้สิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับฐานผิดสัญญาแล้ว โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดได้ เพราะเป็นค่าเสียหายมูลกรณีเดียวกัน

4. ม.420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
-ไม่จำเป็นต้องท่องได้เป๊ะ แต่ต้องจำหลักกฎหมาย จำ keyword ให้ได้

5. คำว่า "ผู้ใด" คือผู้ทำละเมิด จะเป็นบุคคลธรรมดา ผู้เยาว์ คนวิกลจริต คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ บุคคลล้มละลาย หรือนิติบุคคลก็ได้
-ใช้คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณืแห่งการกระทำความผิด ถือว่าผู้ใช้เป็นผู้กระทำละเมิดโดยตรง
-สัตว์ไม่เป็นผู้ทำละเมิด ต้องเป็นเจ้าของสัตว์
-คนยุสัตว์เป็นคนทำละเมิด

6. คำว่า "ทำ" มีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สึกตัว โดยจิตบังคับ
-ไม่เป็นการกระทำ เช่น การละเมอ คนเพ้อไข้ คนเป็นลมบ้าหมู คนบ้าจี้หรือกระตุก ทารกเคลื่อนไหว
-ฎ.8743/2544 (ปัญญาอ่อน ไม่รู้ว่าการตัดต้นไม้ผิดกฎหมาย ขาดเจตนา) จำเลยปฏิเสธตลอดมาว่า จำเลยมีความพิการทางสมอง ไม่อาจรู้ได้ว่าการกระทำของตนเป็นความผิด ดังนั้น ปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดในขณะสามารถรู้ผิดชอบหรือไม่ สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่องหรือไม่นั้น ศาลต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา ซึ่งได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องรับผิดในทางอาญา ตาม ป.อ. ม.59 หรือไม่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นบุคคลปัญญาอ่อนถึงขนาดไม่อาจรู้ได้ว่าการตัดต้นไม้เป็นผิดกฎหมาย กรณีจึงมิใช่จำเลยกระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบเพราะมีจิตบกพร่องตาม ป.อ.ม.65 วรรคหนึ่งเท่านั้น แต่ถึงขั้นถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมิได้รู้สำนึกในการที่กระทำ ทั้งมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนาตาม ป.อ. ม.59

7. การกระทำรวมถึงการละเว้นหรืองดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย (ผู้ละเว้น ต้องมีหน้าที่ป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่เขาด้วย)
-ฎ.4493/2543 พ.ร.บ.อาคารชุดฯ ต้องการให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุดอันเป็นเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ทรัพย์ส่วนกลางถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างเจ้าของห้องชุด ซึ่งมีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งกฎหมายและข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดล้วนกำหนดให้เป็นหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุด จำเลยที่ 1 ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด เมื่อสาเหตุที่น้ำท่วมห้องชุดของโจทก์เพราะน้ำฝนเอ่อล้นจากท่อน้ำภายในอาคารชุดเนื่องจากท่อรวมรับน้ำอุดตัน ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลให้ท่อระบายน้ำดังกล่าวระบายน้ำได้ตลอดเวลา แม้โจทก์มิได้นำสืบว่าเหตุใดท่อน้ำจึงอุดตัน และจำเลยที่ 1 ได้กระทำอย่างไรกับสิ่งอุดตันนั้นหรือบริเวณที่อุดตันนั้นไม่อาจตรวจพบได้โดยง่าย ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 แล้ว เพราะจำเลยที่ 1 ได้เก็บเงินค่าดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลาง แล้วว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีอาชีพในการบริหารอาคารชุดมาทำหน้าที่แทน เมื่อบริษัทดังกล่าวละเว้นหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อปล่อยให้ท่อระบายน้ำอุดตันจนน้ำท่วมห้องชุดของโจทก์เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
-ฎ.3220/2543 (นิติบุคคลอาคารชุดไม่มีหน้าที่รักษาทรัพย์ส่วนบุคคล)
-ฎ.12017/2557 (เจ้าของโครงการคอนโดไม่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินผู้เช่า รถหาย ไม่ต้องรับผิด) จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการที่รถซึ่งโจทก์รับประกันภัยสูญหาย จะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 4 ทำต่อบุคคลอื่น อันเป็นการกระทำละเมิดตาม ม.420 ที่ว่าทำต่อบุคคลอื่น ซึ่งรวมถึงการงดเว้นไม่กระทำกรณีมีหน้าที่ต้องกระทำด้วย เจ้าของโครงการไม่ได้มีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้เช่าในโครงการ ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหาย สูญหายแก่ทรัพย์สินของผู้เช่า สำหรับหน้าที่ตามกฎหมายเช่าทรัพย์สิน ม.546-551 ก็ไม่ได้บัญญัติให้ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายอันเกิดแก่ทรัพย์สินของผู้เช่า ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 4 ไม่มีหน้าที่ดังกล่าว ย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 4 ผู้ให้เช่าประมาทเลินเล่อทำต่อผู้เช่าห้องในโครงการ จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เช่ารวมทั้งโจทก์ผู้รับประกันภัย โจทก์ไม่อาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องจำเลยที่ 4 ได้
-ฎ.5384/2560 (ฟ้องละเมิดหน่วยงานของรัฐ) 
-ฎ.769/2513 (ราวสะพานผุพัง ไม่ดูแล งดเว้น)
-ฎ.561-2/2516 (ตำรวจปล่อยให้รถยนต์ของกลางตากแดด ฝน รถเสียหาย งดเว้น)
-ฎ.11332/2555 (สถานพยาบาลปฏิเสธการรักษา) 
-ฎ.15171/2556 (ผู้อำนวยการไม่ดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ งดเว้น)

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 1-3)