สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 7-8)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายละเมิด (ครั้งที่ 7-8)
อาจารย์วัชระ เนติวาณิชย์
วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568
**********

1. ม.423 "ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้
  ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่"
1.1) ผู้ใด รวมถึงนิติบุคคลด้วย ม.70 , 76 
1.2) กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย โดยวิธีพูด เขียน โทรศัพท์ โทรสาร อินเตอร์เน็ต แสดงละคร งิ้ว ภาพยนตร์ กิริยาท่าทาง หรือทำอย่างไรก็ได้ที่สื่อให้บุคคลที่สามเข้าใจความหมาย
1.3) ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง คือ ข้อความเท็จ 
-ถ้าพูดความจริงในส่วนกฎหมายละเมิดไม่เป็นความผิด (กฎหมายอาญา ไม่ว่าจริงหรือเท็จก็อาจเป็นความผิดได้)
-ฝ่าฝืนต่อความจริงบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้
-แม้พูดความจริง แต่ทำกิริยาท่าทางให้คนอื่นเข้าใจว่าไม่จริง ก็เป็นหมิ่นประมาทได้ เช่น พูดว่าเด็กคนนี้ลูกของนาย ก. จริง แต่ทำกิริยาให้เข้าใจว่านาย ก. ไม่สามารถมีบุตรได้ 
-ฎ.826/2564 เรื่องที่คู่ความหรือทนายความ แสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนการพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่ตนตามป.อาญา ม.331 ย่อมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท (การแสดงความคิดเห็นในการฟ้องคดี ถ้ากระทำสุจริต ไม่ผิดหมิ่นประมาท , ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ใช้สิทธิมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นการกระทำโดยละเมิด)
-ฎ.1752/2514 ข้อความที่ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ มีเจตนาล้อเลียนผู้เสียหายซึ่งมีฐานะและความสำคัญเท่านั้น ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ถ้าข้อความนั้นเป็นความจริงก็ไม่เป็นละเมิดตามม.423 
-ฎ.723/2525 นำเรื่องราวมาเล่นละคร โดยบิดเบือนให้เห็นว่าโจทก์เป็นภรรยาน้อย นิสัยไม่ดี ชอบอิจฉา ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง อาจถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เป็นหมิ่นประมาท
1.4) กล่าวหรือไขข่าวต่อบุคคลที่สาม
-พูดคนเดียว ไม่มีคนได้ยิน ก็ไม่ใช่การกล่าวให้แพร่หลาย
-พูดคนเดียว มีคนแอบฟัง โดยคนพูดไม่รู้ ถือว่าไม่จงใจ ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาท , แต่ถ้าคาดหมายได้ว่าอาจจะมีคนแอบฟังหรือข้างบ้านอาจได้ยิน ถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่อ
-ฎ.6681/2562 แชตกลุ่ม 3 คน  เป็นระบบแบบปิด บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปดูหรืออ่านข้อความสนทนาได้ ทั้ง 3 คน กล่าวถึงโจทก์ มิใช่การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ส่วนการที่โจทก์แอบดูและอ่านข้อความสนทนาและนำไปเผยแพร่ให้บุคคลอื่นรับทราบเอง ย่อมไม่ทำให้การสนทนาระหว่างกลุ่มบุคคลทั้ง 3 คน เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายให้บุคคลอื่นรับทราบได้ จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ (ทั้ง 3 คนกล่าวถึงผู้เสียหาย ทั้ง 3 คน เป็นผู้กระทำ ไม่มีบุคคลที่สาม , แต่ถ้า 3 คนกล่าวถึงผู้เสียหาย และมีคนที่ 4 อ่านอย่างเดียว ถือว่าทั้ง 3 คน ได้กล่าวต่อบุคคลที่สามแล้ว) 
-บุคคลที่สาม ต้องรับรู้หรือเข้าใจการกล่าวหรือไขข่าวด้วย จึงจะทำให้เสียหาย
-การกล่าวต่อผู้เสียหาย ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวต่อบุคคลที่สาม ไม่อาจทำให้เสียหาย
-ฎ.3316/2560 ผู้กระทำต้องรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายไม่เป็นความจริง 
1.5) เป็นที่เสียหาย
-ทำให้ผู้อื่นที่ได้ยิน ได้รู้ข้อความนั้น คลายความนิยมนับถือ รู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือเกิดความกลัวต่อคนที่ถูกกล่าวหรือไขข่าว
-ความเสียหายอันเกิดจากการไขข่าวมี 2 กรณี คือ 
  --เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่น (หมิ่นประมาทชื่อเสียง ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทำนองเดียวกับหมิ่นประมาทในทางอาญา) 
  --เป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่น (หมิ่นประมาทในทางทรัพย์สิน เป็นความเสียหายที่เป็นเงินเป็นทอง จึงโอนและตกทอดแก่ทายาทผู้เสียหายได้ ทายาทนำสืบ และศาลกำหนดค่าเสียหายตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามม.438) 
-ฎ.4893/258 นำข่าวการมีเพศสัมพันธ์มาตีพิมพ์ซ้ำ เป็นข่าวเก่า เป็นความจริง เป็นการกระทำที่ก้าวล่วงหรือกระทบกระเทือนต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวของโจทก์ เป็นละเมิดตามม.420 ไม่ใช่ม.423 กล่าวข้อความจริงไม่ผิดม.423 จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ ม.420 โจทก์จึงไม่อาจเรียกให้รับผิดในความเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และความเสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของตนโดยประการอื่นอันเป็นค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดตามม.423 ได้
1.6) ควรจะรู้ว่าไม่จริง
-"แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้" คือ ผู้กระทำมิได้จงใจหมิ่นประมาท เป็นการหมิ่นประมาทโดยประมาทเลินเล่อ 
1.7) การใช้ค่าสินไหมทดแทน
-ค่าเสียหายฐานหมิ่นประมาท เป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขา เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น
  --กรณีหมิ่นประมาทชื่อเสียง ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงิน วิธีชดใช้ค่าเสียหายตามม.438 + 447 โดยกะประมาณจำนวนค่าเสียหายเอา โดยวินิจฉัยตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
  --กรณีหมิ่นประมาทในทางทรัพย์สิน โจทก์ต้องนำสืบว่าโจทก์เสียหายคิดเป็นเงินเท่าไร
  --ทั้งสองกรณีศาลจะสั้งให้ผู้ทำละเมิดจัดการตามควร เพื่อทำให้ชื่อเสียงของผู้นั้นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหาย หรือทั้งให้ใช้ค่าเสียหายด้วยก็ได้ ผู้เสียหายจะขอบังคับในกรณีอื่นไม่ได้
1.8) ข้อยกเว้นความรับผิด 
-มีทางได้เสียในการส่งข่าวสาร ม.423 วรรคสอง 
-เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ สมาชิกรัฐสภากล่าวถ้อยคำ แถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือการประชุมรัฐสภา ไม่ว่าข้อความนั้นจะจริงหรือเท็จ หรือหมิ่นประมาทผู้ใด ย่อมได้รับความคุ้มครอง ผู้ใดจะฟ้องร้องสมาชิกผู้นั้นไม่ได้ไม่ว่าในทางใด และเอกสิทธิ์นี้คุ้มครองไปถึงผู้พิมพ์และผู้โฆษณาการรายงานประชุม รวมถึงบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้แถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม และผู้ถ่ายทอดการประชุมที่ได้รับอนุญาต , แต่เอกสิทธิ์นี้ไม่คุ้มครองการกล่าวถ้อยคำในการประชุมที่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์
-เอกสิทธิ์ตามป.อาญา ม.329 ผู้ที่แสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม , ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ , ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ , แจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
-ความยินยอมไม่เป็นละเมิด ผู้เสียหายยินยอมให้กระทำ หรือทั้งสองฝ่ายสมัครใจทะเลาะวิวาท ด่าว่ากัน แม้ถ้อยคำที่กล่าวเป็นการหมิ่นประมาทและกล่าวต่อหน้าบุคคลอื่น 

2. ม.424 "ในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิดและกำหนดค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าศาลไม่จำต้องดำเนินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายลักษณะอาญาอันว่าด้วยการที่จะต้องรับโทษ และไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงการที่ผู้กระทำผิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่"

3. ความรับผิดของนายจ้าง 
-ม.425 "นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น"
-ฎ.5444/2537 ฟ้องนายจ้างหรือลูกจ้างก็ได้
3.1) ม.575 "อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้"
-กรณีลูกจ้างให้คนอื่นทำแทน โดยหลักอำนาจการบังคับบัญชาของนายจ้างและการจ่ายสินจ้างแล้ว จะเห็นได้ว่าคนอื่นที่มาทำแทนนั้นไม่ใช่ลูกจ้าง เพราะไม่มีการจ่ายสินจ้างให้บุคคลนั้น นายจ้างปฏิเสธได้ว่าไม่ใช่ลูกจ้าง แต่นายจ้างก็ต้องรับผิดในผลละเมิดที่เกิดขึ้นโดยคนทำแทนลูกจ้าง เพราะถือว่าลูกจ้างไปวานให้คนอื่นมาทำแทน
3.2) นายจ้าง คือ ผู้มีอำนาจบังคับบัญชาให้ลูกจ้างทำงานให้ตน ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่จ่ายสินจ้างตลอดเวลาที่จ้างทำงาน
-ฎ.17440/2555 ลูกจ้าง จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกเฉี่ยวชนรถโดยสารของโจทก์จนได้รับความเสียหาย แม้ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 20.00 น. แต่ยังคงสวมชุดทำงาน การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง นายจ้าง จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการยินยอมเสนอเงินชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 เป็นเพียงลูกจ้างรายวัน และขณะเกิดเหตุได้ล่วงเลยเวลาทำงานตามปกติของจำเลยที่ 1 แล้วก็ตาม แต่ยังถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและเมื่อทำงานที่เป็นกิจการของนายจ้าง จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง ดังนั้น จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยไม่จำกัดความรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ห้างก่อให้เกิดขึ้นด้วย
-ฎ.4781/2560 รถยนต์คันเกิดเหตุเป็นของ บ. แต่มีชื่อบริษัทจำเลยปรากฏอยู่ข้างรถ การที่จำเลยสั่งให้ บ. เข้าไปรับสินค้าโดยใช้รถยนต์ดังกล่าว จำเลยจึงเป็นนายจ้างของ บ. ต้องรับผิดกับ บ. ในเหตุละเมิดม.425
-กรณีนิติบุคคลเป็นนายจ้าง แม้ว่าคนสั่งการคือผู้แทนนิติบุคคล แต่ก็เป็นการสั่งในนามของนิติบุคคล ไม่ใช่สั่งในนามส่วนตัว ผู้แทนนิติบุคคลจึงไม่ใช่นายจ้าง
-กรณีนายงาน (เช่น หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าโกดัง) กับคนงาน ต่างก็เป็นลูกจ้างเหมือนกันเพียงแต่ได้รับมอบหมายงานให้ทำ นายงานบังคับบัญชาคนงานแทนนายจ้าง นายงานมิได้จ่ายสินจ้าง จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะนายจ้าง
-กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการไม่ใช่ลูกจ้างหรือตัวแทนของหน่วยงานราชการ บังคับตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
3.3) สินจ้าง สินจ้างหรือค่าจ้าง จะจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปีก็ได้
-ฎ.3834/2524 มีหน้าที่ขับรถบรรทุก จ่ายเงินเป็นรายเที่ยว แต่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชา เป็นลูกจ้าง
3.4) ทางการที่จ้าง
-เหตุที่เกิดละเมิดขึ้น เป็นผลจากการปฏิบัติงานของลูกจ้าง
-จะเกิดในเวลาที่ปฏิบัติงานหรือไม่ก็ตาม ถ้าเป็นเหตุจากผลการปฏิบัติงานแล้ว ก็เป็นการกระทำละเมิดในทางการที่จ้าง
-ต้องเป็นการปฏิบัติตามที่นายจ้างมอบหมายตามหน้าที่ , ถ้านายจ้างมอบหมายงานนอกหน้าที่ ลูกจ้างยอมทำ ก็ถือว่าเป็นการทำในทางการที่จ้าง , ลูกจ้างทำเกินหน้าที่หรือแอบทำ แต่นายจ้างไม่ว่าหรือยินยอมให้ทำ จะยินยอมโดยตรงหรือปริยายก็ได้ ถือว่าเป็นการทำในทางการที่จ้าง
-ฎ.5112/2560 เช่าซื้อรถ นำไปประกอบการขนส่ง ผู้ประกอบกิจการเป็นนายจ้าง นายจ้างต้องร่วมรับผิด
-ฎ.1484/2499 ให้เอามะพร้าวไปส่ง ไปด่าคนอื่น ไม่ใช่ทางการที่จ้าง นายจ้างไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับลูกจ้าง
-ฏ.1942/2520 ทำร้ายคนโดยสาร ไม่ใช่ทางการที่จ้าง
-ฎ.801/2521 ลูกจ้างปั้มน้ำมันมีหน้าที่เติมน้ำมัน ล้างรถยนต์ คุมรถยนต์เข้าออก ไม่มีหน้าที่ซ่อมเครื่องยนต์ ไม่ใช่ทางการที่จ้าง 
3.5) หนี้ละเมิดระงับ นายจ้างก็หลุดพ้น
-เมื่อเป็นละเมิดในทางการที่จ้างแล้ว นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างได้ทำไปในทางการที่จ้างนั้นตามม.425 โดยรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม 
-ผู้เสียหายจะฟ้องเรียกจากนายจ้างคนเดือน หรือฟ้องทั้งนายจ้างและลูกจ้างก็ได้
-นายจ้างต้องร่วมรับผิดไม่เกินกว่าที่ลูกจ้างต้องรับผิด
3.6) ม.426 "นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น"
-ฎ.648/2522 ค่าฤชาธรรมเนียม นายจ้างไล่เบี้ยไม่ได้

4. ม.427 "บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วย โดยอนุโลม"
-ตัวการต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนในผลแห่งละเมิด ซึ่งตัวแทนได้กระทำไปในกิจการที่มอบหมายให้ทำแทนนั้น , และเมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทน
-ม.797 "อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น
  อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ย่อมได้"
-ตัวการตัวแทนแต่งตั้งโดยวาจาก็ได้ เว้นแต่การที่ต้องทำเป็นหนังสือ ต้องแต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือด้วย
-ฎ.5751/2544 รถไฟตกราง การรถไฟแห่งประเทศไทยมีหน้าที่จัดหาพาหนะ จัดพาคนไปถึงที่หมาย ให้รถบัสขนคนแทน เกิดอุบัติเหตุ การรถไฟฯ ต้องรับผิด
-ตัวการ คือ บุคคลซึ่งมอบอำนาจหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นอีกคนหนึ่งทำกิจการแทนตน
-ฎ.3399/2558 นำเรือไปบรรทุกสินค้าแทนคนอื่น เป็นตัวแทน ตัวการต้องรับผิด
-ฎ.7200/2558 ห้างจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัย ดูแลรถเข้าออก พนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นตัวแทนของห้าง
-ฎ.4622/2558 ผู้จัดงานเลี้ยงฉลองเทศกาลปีใหม่ ใช้ให้จุดพลุ จึงเป็นตัวการ
-ตัวแทน คือ บุคคลซึ่งมีอำนาจทำการแทนตัวการ ตามสัญญาหรือตามที่มอบหมาย , การแต่งตั้งตัวแทนอาจแต่งตั้งโดยการแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ได้ เป็นตัวแทนเชิดหรือตัวแทนที่ตัวการให้สัตยาบันแล้วก็ได้ , อาจเป็นตัวแทนเฉพาะการหรือตัวแทนทั่วไปก็ได้
-ฎ.4861/2555 รถแท็กซี่มีชื่อของสหกรณ์ข้างรถ เป็นตัวแทนของสหกรณ์
-กิจการที่มอบหมาย ต้องดูกิจการที่มอบหมายให้ทำแทน ว่าเป็นกิจการที่มีเจตนาหรือวัตถุประสงค์ที่มุ่งให้ไปทำกับบุคคลที่สามหรือไม่ ไม่เฉพาะแต่การทำนิติกรรมสัญญาเท่านั้น เช่น มอบอำนาจให้ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีอาญา
  --มุ่งให้ทำกับบุคคลที่สาม เป็นตัวการตัวแทน
  --ไม่มุ่งให้ทำกับบุคคลที่สาม เป็นการใช้หรือวานกัน
-ม.820 ขอบอำนาจของตัวแทน
-การร่วมรับผิดในการทำละเมิดนี้ ให้ตัวการร่วมรับผิดในการทำละเมิดของตัวแทนตามม.427 เท่านั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวการหรือลูกจ้างของตัวการด้วย
-สิทธิไล่เบี้ย เมื่อตัวแทนทำละเมิด และตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ย่อมมีสิทธิได้รับชดใช้คืนจากตัวแทน อันเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกับกรณีนายจ้างไล่เบี้ยลูกจ้างตามม.427 , 426
-ฎ.4466/2554 ประกันรถไม่ได้ระบุชื่อผู้ขับ ใครขับก็ได้ ถือว่าคนขับเป็นตัวแทนของผู้เอาประกัน
-ฎ.562/2553 การรับจ้างช่วง ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ว่าจ้าง

5. การรับผิดในการกระทำของผู้รับจ้าง
-ม.428 "ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง"
-ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิด เพราะผู้ว่าจ้างไม่มีอำนาจบังคับบัญชา
5.1) ข้อยกเว้นให้ผู้ว่าจ้างทำของต้องรับผิด
-รับผิดเพราะการงานที่สั่งให้ทำ เช่น สั่งให้ขุดดินของคนอื่นมาถมในที่ดินของตน หรือจ้างสร้างบ้านรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น
-ฎ.457/2514 สั่งให้ก่อสร้างตามสัญญาเท่านั้น ไม่ได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับการก่อสร้าง ไม่ต้องรับผิดกรณีตอกเสาเข็มแล้วทำให้เสียหาย
-รับผิดเพราะคำสั่งที่ตนให้ไว้ เช่น สั่งให้คนขับรถแท็กซี่ขับด้วยความเร็วสูงเพื่อให้ทันเครื่องบิน ทำให้รถแท็กซี่เสียหลักชนบุคคลอื่น
-รับผิดเพราะการเลือกหาผู้รับจ้าง เช่น การจ้างคนไม่ดี หรือไม่มีความสามารถ จ้างก่อสร้างอาคารสูง ทั้งที่ผู้รับจ้างก่อสร้างได้เฉพาะห้องแถวธรรมดา 2 ชั้น
5.2) สิทธิไล่เบี้ย 
-ความรับผิดของผู้ว่าจ้างตามมาตรานี้ ไม่ใช่ความรับผิดเพื่อการละเมิดดังเช่นลูกจ้างกับตัวแทน แต่เป็นเรื่องที่ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดเพราะเป็นผู้ละเมิดเสียเอง จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
-ฎ.390/2550 จำเลยว่าจ้างให้ตัดต้นไม้ และให้คนควบคุมดูแลการตัดต้นไม้ตลอดเวลา ในวันที่มีการตัดต้นไม้ทำให้ไม้ล้มพาดสายไฟฟ้าแรงสูงในที่ดินของโจทก์ขาด ก่อให้เกิดความเสียหายกลับไม่มีผู้ใดควบคุม การที่ผู้รับจ้างไม่มีความรู้ความชำนาญในการตัดต้นไม้ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างข้างเคียง หรือไม่ยอมทำตามวิธีการที่ถูกต้อง ถือได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างทำของเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง ต้องรับผิดตามม.428

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)