สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 13-14)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 13-14)
อาจารย์วรวุฒิ ทวาทศิน
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568
**********
1. อาจารย์สอนพ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 จบแล้ว ก็จะเหลือเรื่อง Incoterms และ การชำระราคา
-Incoterms คือ ข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย ข้อสอบก็จะให้วิเคราะห์ความเสี่ยงภัย กรรับบาปเคราะห์ ว่าใครต้องรับผิด ผู้ซื้อยังต้องชำระราคาอยู่หรือไม่แม้สินค้าจะเสียหาย นักศึกษาต้องระวังอย่าตอบสับสนกับพ.ร.บ.การรับขนฯ ผู้ส่งของ ผู้ขนส่ง ผู้รับตราส่ง
2. เทอมทางการค้า trade term
-จุดมุ่งหมายหลัก คือ กำหนดว่าจะทำอย่างไร จึงจะให้สินค้าสามารถนำส่งถึงมือผู้ซื้อได้สำเร็จ หน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายมีอะไรบ้าง ใครรับผิดชอบพิธีการศุลกากรขาออก-ขาเข้า ค่าระวางเรือ ความเสี่ยงภัยจะโอนจากผู้ขายไปผู้ซื้อเมื่อใด ประกันภัย นักศึกษาต้องดูเงื่อนไขแต่ละเทอม ตอบข้อสอบก็ต้องระบุเทอมนี้ผู้ซื้อผู้ขายมีหน้าที่อย่างไร ความเสี่ยงภัยโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อเมื่อใด และความเสียหายเกิดขึ้นเกิดก่อนหรือหลังโอนความเสี่ยงภัย และฝ่ายใดต้องรับบาปเคราะห์
-ระบุความรับผิดชอบของคู่สัญญา ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่อง ค่าขนส่งสินค้าจากแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง , ความเสียหายหากไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ให้บรรลุข้อตกลงได้
3. Incoterms : International Commercial Terms
-เป็นหลักปฏิบัติสำหรับตีความข้อตกลงทางการค้า เพื่อเป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก
-กำหนดขึ้นโดยสภาหอการค้านานาชาติ ICC : International Chamber of Commerce, Paris
-กำหนดความหมายของคำเฉพาะทางการค้า เพื่อใช้สำหรับการค้าระหว่างประเทศและในประเทศ
-มีการปรับปรุงหลายครั้ง ปัจจุบันคือ "Incoterms 2020" ใช้บังคับ 1 มกราคม 2021 , Incoterms 2020 ออกข้อสอบมา 2 ครั้งแล้ว
-Incoterms ไม่ใช่กฎหมาย เป็นข้อตกลงในการส่งมอบสินค้าที่ผู้ซื้อและผู้ขายนำมาระบุไว้ในสัญญาซื้อขายด้วยถ้อยคำสั้น ๆ
-ใช้สื่อความหมาย ให้ทราบถึงหน้าที่ขั้นต่ำที่แต่ละฝ่ายจะต้องปฏิบัติ
-กำหนดภาระค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงของแต่ละฝ่าย
-ใช้สำหรับการขนส่งที่มีตัวตนเท่านั้น จากต้นทางไปปลายทาง
-ข้อสอบจะระบุไว้ชัดเจนว่าคู่สัญญาใช้ Incoterms 2020 ในเทอมไหน เช่น FOB, Bangkok Port (INCOTERMS 2020) หรือ CFR, New York (INCOTERMS 2020)
4. Incoterms 2020 มี 11 เทอม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 เทอมสำหรับการขนส่งใด ๆ หรือใช้หลายวิธีในการขนส่งสินค้านั้น และอาจมีการขนส่งทางเรือเป็นส่วนหนึ่ง ประกอบด้วย EXW , FCA , CPT , CIP , DAP , DPU , DDP
กลุ่มที่ 2 เทอมสำหรับการขนส่งทางทะเลและทางลำน้ำ (ทางเรืออย่างเดียว) ประกอบด้วย FAS , FOB , CFR , CIF
4.1) EXW หรือ Ex Works
-จะระบุชื่อสถานที่ส่งมอบต่อท้าย (อาจเป็นเมือง จังหวัด อำเภอ ตำบล สถานที่ตั้งโรงงาน ชื่อโรงงาน หรือคลังสินค้า)
-ผู้ขายมีหน้าที่จัดเตรียมสินค้าให้พร้อมหีบห่อให้เรียบร้อย เพื่อผู้ซื้อมารับสินค้า ณ ที่ตกลงกัน (มักจะเป็นสถานที่ของผู้ขาย)
-ความเสี่ยงภัยโอนไปยังผู้ซื้อตรงจุดเดียวกันนั้น รวมทั้งความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้านับแต่จุดนั้นเป็นต้นไปก็โอนไปยังผู้ซื้อ ทำให้ผู้ขายหมดภาระค่าใช้จ่าย ณ จุดนั้น (เมื่อส่งมอบสินค้าแล้ว เกิดความเสียหายแก่สินค้า ผู้ซื้อยังมีหน้าที่ต้องชำระราคา แต่ถ้าผู้ขายยังไม่ได้ส่งมอบแล้วเกิดความเสียหาย ความเสี่ยงภัยยังไม่โอน ผู้ขายก็รับบาปเคราะห์ไป ผู้ซื้อไม่มีหน้าที่ต้องชำระราคา)
-ปกติผู้ซื้อจะจัดหารถบรรทุกหรือผู้ขนส่งมารับสินค้าที่จุดส่งมอบตามที่ตกลงกัน แล้วไปดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรเอง จัดหาผู้ขนส่งหลัก ผู้ประกอบการไทยมักเรียกการซื้อขายเทอมนี้ว่าซื้อขายราคาโรงงาน เพราะจะเป็นราคาการผลิตบวกกำไรเท่านั้น (ผู้ขายมีหน้าที่เพียงจัดเตรียมสินค้าให้เรียบร้อย ผู้ซื้อเข้ารับสินค้า และดำเนินการขั้นตอนหลังจากนั้นเอง)
4.2) FCA หรือ Free Carrier
-จะระบุสถานที่เช่นเดียวกับ EXW
-ผู้ขายมีหน้าที่เพิ่มมากขึ้นจาก EXW คือ ต้องนำสินค้าที่หีบห่อเรียบร้อยแล้ว ไปดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรขาออก แล้วส่งมอบสินค้านั้นแก่ผู้ขนส่ง
-ผู้ขายอาจส่งมอบแก่บุคคลอื่นที่ผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดนอกจากผู้ขนส่งก็ได้ (เนื่องจากในทางปฏิบัติผู้ซื้ออาจว่าจ้างผู้รับจัดการขนส่งสินค้า freight forwarder ให้ทำหน้าที่รับสินค้าจากผู้ขาย แล้วนำไปส่งมอบแก่ผู้ขนส่งอีกทอดหนึ่ง) ผู้รับจัดการขนส่งสินค้านี้ จึงถือเป็นบุคคลที่ผู้ซื้อกำหนด
-ความเสี่ยงภัยโอน ณ จุดที่มีการส่งมอบนั้น รวมทั้งภาระความรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าก็ตกแก่ผู้ซื้อ ณ จุดเดียวกัน (ถ้าส่งมอบให้ผู้ขนส่งแล้ว อยู่ในความดูแลของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งมีความรับผิดตามพ.ร.บ.การรับขนฯ ส่วนหนึ่ง และข้อสอบจะถามผู้ซื้อผู้ขายมีความรับผิดอย่างไร นักศึกษาต้องแยกแต่ละประเด็น)
-จุดที่ถือว่าส่งมอบแล้ว อาจแยก 2 กรณี
--กรณีที่หนึ่ง หากจุดที่ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่ง เป็นบริเวณสถานที่ของผู้ขาย ถือว่าการส่งมอบสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อนำสินค้าบรรทุกบนยานพาหนะขนส่งที่ผู้ซื้อเป็นผู้จัดหามา หรือ
--กรณีที่สอง หากสถานที่ส่งมอบเป็นสถานที่อื่น ถือว่าการส่งมอบสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อนำสินค้าไปวางตามประสงค์ของผู้ขนส่งหรือของบุคคลที่ผู้ซื้อแต่งตั้ง บนยานพาหนะขนส่งของผู้ขายซึ่งพร้อมจะให้ขนถ่ายได้ ที่กำหนดไว้เช่นนี้เพราะในทางปฏิบัติผู้รับมอบสินค้าอาจไม่ใช่ตัวผู้ขนส่งเอง อาจเป็นผู้แทน เช่น ผู้รับจัดการส่งสินค้า หรือบุคคลอื่นดังกล่าวแล้วก็ได้
4.3) FAS หรือ Free Alongside Ship
-ใช้กับการซื้อขายสินค้าที่มีการขนส่งหลักเป็นการขนส่งทางทะเล
-ผู้ขายมีหน้าที่นำสินค้าไปดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรในการส่งออก แล้วนำสินค้าไปวางไว้เทียบข้างลำเรือ
-ถือเป็นจุดส่งมอบ และจุดโอนความเสี่ยงภัย รวมทั้งเป็นที่ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าจะตกแก่ผู้ซื้อ
-ไม่ได้ส่งมอบให้แก่ผู้ขนส่ง แต่ส่งมอบโดยเทียบข้างเรือที่ผู้ซื้อเป็นผู้จัดหามา (อาจเป็นหน้าท่าเรือในเรือลำเลียง)
-เมื่อมีการทำสัญญาซื้อขายกันทอดต่อ ๆ ไป ก็ถือว่ามีการส่งมอบแล้ว เพราะสินค้ามักจะบรรทุกลงในเรือเรียบร้อยแล้ว (มักเกิดขึ้นกับการซื้อขายสินค้าเทกอง bulk goods เป็นสินค้าที่มีปริมาณมาก อาจไม่ได้มีผู้ซื้อรายเดียว อาจแบ่งขายแก่ผู้ซื้อหลายราย สินค้าเทกองยังรวมกันอยู่
4.4) FOB หรือ Free On Board
-ระบุท่าเรือต้นทางต่อท้าย
-ใช้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่ต้องมีการขนส่งทางทะเล
-ผู้ขายต้องนำสินค้ามาส่งที่ท่าเรือผ่านพิธีการศุลกากรในการส่งออก แล้วนำสินค้าบรรทุกลงเรือให้เรียบร้อย จึงถือว่าได้ส่งมอบอย่างสมบูรณ์
-ความเสี่ยงภัยก็โอน ณ จุดส่งมอบ
-แม้จะมีการซื้อขายต่อเป็นทอด ๆ ต่อไป ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน
-ในทางปฏิบัตินิยมใช้เทอม FOB มาก โดยเฉพาะฝ่ายผู้ขาย เพราะผู้ขายย่อมไม่ต้องการรับผิดชอบในเรื่องค่าระวางการขนส่งและค่าเบี้ยประกันภัย ดังนั้น หากค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ผู้ซื้อจะต้องรับเอาความเสี่ยงนี้ไว้เอง
4.5) CFR หรือ Cost and Freight
-จะระบุท่าเรือปลายทางต่อท้าย
-เป็นสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่ตกลงให้ผู้ขายมีหน้าที่เตรียมสินค้า พร้อมนำสินค้ามาที่ท่าเรือ แล้วผ่านพิธีการศุลกากร และนำขึ้นบรรทุกบนเรือให้เรียบร้อยที่ท่าเรือต้นทาง (ความเสี่ยงภัยโอนเมื่อบรรทุกสินค้าบนเรือ) โดยผู้ขายเป็นผู้จัดหาเรือมารับสินค้า เข้าทำสัญญากับสายการเดินเรือผู้ขนส่ง และรับผิดชอบในค่าระวางการขนส่งจนถึงท่าเรือปลายทาง และยังระบุเกี่ยวกับสัญญาที่ทำกับสายการเดินเรือผู้ขนส่ง ว่าต้องมีเงื่อนไขสำหรับการขนส่งโดยเส้นทางปกติในการเดินเรือประเภทที่ใช้กันอยู่เป็นปกติสำหรับการขนส่งสินค้าประเภทที่ซื้อขายด้วย
4.6) CIF หรือ Cost, Insurance and Freight
-มีเงื่อนไขคล้าย CFR มาก
-แต่เพิ่มหน้าที่ของผู้ขายในการเอาประกันภัยสินค้าในระหว่างการขนส่ง
-ผู้ขายเป็นผู้เข้าทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย
-สัญญาประกันภัยต้องให้ความคุ้มครองขั้นต่ำเท่ากับ Institute cargo clauses (C) เช่นเดียวกับ Incoterms 2010
4.7) CPT หรือ Carriage Paid To
-จะระบุสถานที่ปลายทางต่อท้าย
-เป็นการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่อาจมีการขนส่งสินค้าโดยไม่จำกัดรูปแบบ และอาจใช้ในกรณีที่มีการขนส่งมากกว่า 1 รูปแบบ
-ผู้ขายมีหน้าที่จัดเตรียมสินค้าบรรจุหีบห่อให้เรียบร้อย ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรขาออก นำสินค้าส่งมอบแก่ผู้ขนส่ง โดยผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญากับผู้ขนส่งและชำระค่าระวางการขนส่งไปจนถึงปลายทาง โดยยังไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้าประเทศผู้ซื้อ ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าที่ซื้อขายเมื่อมีการส่งมอบแก่ผู้ขนส่ง***
-ผู้ขายอาจจัดหาสินค้าที่ได้ส่งมอบแล้วเช่นนั้น เป็นการรองรับการขายต่อเป็นทอด ๆ ซึ่งเป็นปกติในการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแล้ว ด้วยวิธีการดังกล่าวภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน และความเสี่ยงภัยโอนไปยังผู้ซื้อ ณ จุดส่งมอบนั้น นอกจากกำหนดให้ส่งแก่ผู้ขนส่งแล้ว ยังอาจส่งมอบแก่บุคคลอื่นที่ผู้ขายกำหนด
4.8) CIP หรือ Carriage and Insurance Paid To
-เงื่อนไขคล้าย CPT มาก
-ผู้ขายมีหน้าที่เอาประกันภัยสินค้าที่ซื้อขายในระหว่างการขนส่ง อย่างน้อยจากจุดส่งมอบไปจนถึงสถานที่ปลายทาง โดยผู้ขายเป็นผู้ชำระค่าเบี้ยประกันภัย
-การประกันภัยต้องมีความคุ้มครองขั้นต่ำตามเงื่อนไขใน Institute cargo clauses (A) แตกต่างกับ Incoterms 2010 ที่กำหนดความคุ้มครองขั้นต่ำตามเงื่อนไขใน Institute cargo clauses (C) และต้องเอาประกันภัยกับบริษัทที่มีชื่อเสียงดี
4.9) DAP หรือ Delivered at Place
-อาจนำไปใช้กับการซื้อขายสินค้าที่ไม่คำนึงถึงรูปแบบของการขนส่ง และสามารนำไปใช้ในกรณีที่มีการขนส่งมากกว่าหนึ่งรูปแบบ
-ผู้ขายมีหน้าที่จัดการให้มีการขนส่งไปถึงสถานที่ปลายทางที่ระบุ โดยส่งมอบขณะที่สินค้ายังอยู่บนยานพาหนะขนส่งพร้อมที่จะขนถ่าย
-ผู้ขายมีหน้าที่ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรเพื่อการส่งออก และรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการนำสินค้าไปจนถึงจุดส่งมอบ แต่ไม่มีหน้าที่ผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้า
4.10) DPU หรือ Delivered at Place Unloaded
-เป็นเทอมที่กำหนดขึ้นใหม่ใน Incoterms 2020 โดยเปลี่ยนตัวอักษรย่อมาจาก DAT ตาม Incoterms 2010
-สามารถนำไปใช้กับการซื้อขานสินค้าที่ไม่คำนึงถึงรูปแบบการขนส่ง
-สถานที่ปลายทางอาจเป็นสถานที่ใด ๆ ก็ได้ (ไม่จำกัดเฉพาะท่าเทียบยานพาหนะอย่าง DAT)
-ผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญาสำหรับการขนส่งหรือจัดให้มีการขนส่งสินค้าไปถึงสถานที่ปลายทางที่ระบุ หรือ ณ จุดที่ได้ตกลงกันไว้ โดยมีการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะที่ขนส่งมาถึง วางไว้ให้ผู้ซื้อมารับไปได้เอง
4.11) DDP หรือ Delivered Duty Paid
-เป็นเทอมที่นิยมใช้กันเพิ่มมากขึ้น
-ให้บริการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางหน้าโรงงานของผู้ขาย ไปจนถึงปลายทางที่หน้าโรงงานของผู้ซื้อ
-ผู้ขายมีหน้าที่ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรในการส่งออกจากประเทศผู้ขาย ขนส่งไปจนถึงประเทศผู้ซื้อผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้า และจัดการขนส่งต่อไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อที่หน้าโรงงานหรือสถานที่ของผู้ซื้อตามที่ตกลงกัน
-ผู้ขายรับภาระค่าใช้จ่ายตลอดเส้นทาง ทั้งค่าระวางการขนส่ง และค่าอากรขาออก ขาเข้า และเป็นผู้เข้าทำสัญญากับผู้ขนส่ง
-ความเสี่ยงภัยจะโอนไปยังผู้ซื้อก็ต่อเมื่อสินค้าไปถึงจุดส่งมอบที่หน้าโรงงานหรือสถานที่ของผู้ซื้อในวันที่หรือภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน บนยานพาหนะที่ขนส่ง พร้อมที่จะขนถ่ายสินค้าออก ผู้ซื้อเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าออกจากยานพาหนะ เว้นแต่จะตกลงให้เป็นภาระของผู้ขาย
5. วิธีการชำระเงินการค้าระหว่างประเทศ
-การชำระโดยการเปิดบัญชีขายเชื่อ (ผู้ซื้อได้เปรียบ)
-การชำระโดยการเรียกเก็บผ่านธนาคาร
-การชำระโดยเลตเตอร์ออฟเครดิต (ผู้ซื้อผู้ขายไม่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ)
-การชำระด้วยเงินสดหรือชำระล่วงหน้า (ผู้ขายได้เปรียบ)
ครั้งหน้าเป็นเรื่องการชำระโดยเลตเตอร์ออฟเครดิต
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น