สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 11-12)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 11-12)
อาจารย์วรวุฒิ ทวาทศิน
วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568
**********
1. กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ อาจารย์จะพยายามออกข้อสอบตามข้อเท็จจริงในฎีกา แต่ช่วงหลังไม่ค่อยมีฎีกา จึงออกข้อสอบยาก (เกณฑ์ของเนติฯ ข้อสอบใดเคยออกสอบแล้ว จะไม่นำมาออกอีกอย่างน้อย 10-15 ปี) วิชานี้จึงไปดูธงคำตอบว่าฎีกาใดเคยออกสอบแล้ว
-นักศึกษาต้องตอบข้อสอบให้เชื่อมโยงมาตรา
-หน้าที่ของผู้ขนส่ง ม.8 , 9 , 10 เตรียมเรือ เตรียมคน เตรียมพื้นที่ให้เหมาะกับการขนส่ง เป็นหน้าที่ของผู้มีมาตรฐานวิชาชีพที่ต้องทำ (ไม่ใช่หน้าที่เคร่งครัดเด็ดขาด) ผู้ขนส่งที่ถือว่าทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว ได้รับยกเว้นความรับผิดตามม.51
-ถ้าสูญหาย เสียหาย ส่งมอบช้า ต้องรับผิดตามม.39 (โดยไม่ต้องดูว่าผู้ขนส่งประมาทเลินเล่อหรือไม่) ซึ่งผู้ขนส่งต้องรับผิดอย่างจำกัดตามม.58 ถ้าผู้ขนส่งจะต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดก็ใช้ม.51-56, แต่ถ้าปรากฏว่าผู้ขนส่งกระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือเจตนาให้เกิดความเสียหาย ต้องรับผิดเต็มจำนวนตามม.60
2. ม.11 "ผู้ขนส่งมีสิทธิบรรทุกของบนปากระวางเฉพาะในกรณีที่ได้ตกลงกับผู้ส่งของ หรือเป็นการกระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ หรือเป็นการปฏิบัติตามประเพณีทางการค้าเกี่ยวกับการบรรทุกของเช่นนั้น
ถ้าผู้ขนส่งและผู้ส่งของตกลงกันให้บรรทุกหรืออาจบรรทุกของบนปากระวางได้ ผู้ขนส่งต้องจดแจ้งข้อตกลงดังกล่าวไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลในกรณีที่ไม่มีการออกใบตราส่ง
ถ้าไม่มีการจดแจ้งข้อความในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสอง หากผู้ขนส่งอ้างว่ามีข้อตกลงกัน ให้ผู้ขนส่งมีหน้าที่พิสูจน์ถึงข้อตกลงนั้น แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้ใบตราส่งหรือเอกสารอื่นมาโดยไม่รู้ถึงข้อตกลงนั้นมิได้
ถ้ามีการบรรทุกของบนปากระวางโดยขัดต่อบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง หรือในกรณีที่ไม่ได้จดแจ้งข้อตกลงไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสาม มิให้นำบทบัญญัติในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 หรือมาตรา 56 มาใช้บังคับ
ในกรณีที่มีความตกลงโดยชัดแจ้งระหว่างผู้ขนส่งกับผู้ส่งของให้บรรทุกของใดในระวาง ถ้าผู้ขนส่งบรรทุกของนั้นบนปากระวาง ให้ถือว่าผู้ขนส่งกระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามมาตรา 60 (1)"
ถ้าผู้ขนส่งและผู้ส่งของตกลงกันให้บรรทุกหรืออาจบรรทุกของบนปากระวางได้ ผู้ขนส่งต้องจดแจ้งข้อตกลงดังกล่าวไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลในกรณีที่ไม่มีการออกใบตราส่ง
ถ้าไม่มีการจดแจ้งข้อความในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสอง หากผู้ขนส่งอ้างว่ามีข้อตกลงกัน ให้ผู้ขนส่งมีหน้าที่พิสูจน์ถึงข้อตกลงนั้น แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้ใบตราส่งหรือเอกสารอื่นมาโดยไม่รู้ถึงข้อตกลงนั้นมิได้
ถ้ามีการบรรทุกของบนปากระวางโดยขัดต่อบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง หรือในกรณีที่ไม่ได้จดแจ้งข้อตกลงไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสาม มิให้นำบทบัญญัติในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 หรือมาตรา 56 มาใช้บังคับ
ในกรณีที่มีความตกลงโดยชัดแจ้งระหว่างผู้ขนส่งกับผู้ส่งของให้บรรทุกของใดในระวาง ถ้าผู้ขนส่งบรรทุกของนั้นบนปากระวาง ให้ถือว่าผู้ขนส่งกระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามมาตรา 60 (1)"
-ม.11 เคยออกข้อสอบ
2.1) โดยทั่วไป การขนส่งจะขนส่งในระวางเรือ ท้องเรือ
-ปากระวางบนดาดฟ้าจะมีความเสี่ยงภัยเพราะเรือเดินสมุทร ซึ่งม.11 อาจมีการวางของบนปากระวางได้โดยขนผู้ส่งและผู้ส่งของต้องตกลงกันให้วางได้ตามม.11 วรรคสอง (เช่น ตู้คอนเทนเนอร์)
-ม.11 วรรคสี่ ถ้าไม่มีข้อตกลงกันให้วางบนปากระวาง ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิอ้างม.51-56 , แต่ถ้ามีข้อตกลงให้วางบนปากระวางได้ ผู้ขนส่งก็สามารถพิสูจน์ยกเว้นความรับผิดตามม.51-56 ได้
-ม.11 วรรคท้าย มีข้อตกลงห้ามวางบนปากระวาง ให้ถือว่าเจตนากระทำหรืองดเว้น ต้องรับผิดเต็มจำนวนตามม.60(1)
-ฎ.7178/2554 แม้จำเลยที่ 1 มีข้อตกลงระบุในใบตราส่งว่ามีสิทธิที่จะบรรทุกสินค้าไว้บนปากระวางเรือได้ ถือได้ว่าการขนส่งสินค้าพิพาทได้จดแจ้งแล้วว่าผู้ขนส่งและผู้ส่งตกลงกันให้บรรทุกหรืออาจบรรทุกสินค้าพิพาทบนปากระวางได้ตามม.11 วรรคสอง จึงไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดข้อตกลงโดยชัดแจ้งในการขนส่งตามม.11 วรรคห้า ซึ่งจะทำให้ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามม.60(1) อันจะทำให้ไม่อาจจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามม.59 ได้ , แต่เนื่องจากตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าเป็นแบบ flat rack มีลักษณะเปิด ตัวสินค้ามีเพียงฐานวางสินค้า ซึ่งมีขนาดความสูงและกว้างเกินกว่าปกติ มีแผ่นพลาสติกและลังไม่ห่อหุ้มเท่านั้น ตามวิสัยของผู้ประกอบวิชาชีพย่อมต้องทราบถึงระดับของความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้าที่มีมากขึ้นได้ หรือผู้ขนส่งจึงควรให้ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงและสอบถามผู้ส่งให้ชัดแจ้งว่ายังให้วางตู้สินค้าบนระวางหรือจะให้วางใต้ระวางเรือตำแหน่งใด ซึ่งจะต้องเสียค่าระวางเพิ่ม เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ข้อมูลและสอบถามผู้ส่งก่อนจัดวางตู้สินค้าและได้จัดวางตู้สินค้าบนระวาง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำการทั้งปวงเท่าที่เป็นธรรมดาและสมควรจะต้องกระทำสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพรับขนของทางทะเล ในการจัดระวางบรรทุกให้เหมาะสมและปลอดภัยตามสภาพของสินค้าพิพาทที่ตนรับขนส่ง เมื่อสินค้าพิพาทเกิดความเสียหายเนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะและเป็นสนิม ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายนั้น (จำกัดความรับผิดตามม.39+58)
3. ม.17 "ข้อกำหนดใดในสัญญารับขนของทางทะเลซึ่งมีวัตถุประสงค์หรือมีผล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยปริยายดังต่อไปนี้ ข้อกำหนดนั้นเป็นโมฆะ
(1) ปลดเปลื้องผู้ขนส่งจากหน้าที่หรือความรับผิดใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ (+ม.8 , 9 , 10)
(2) กำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งให้น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 58 หรือมาตรา 60
(3) ปัดภาระการพิสูจน์ซึ่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ขนส่ง ไปให้ผู้ส่งของหรือบุคคลภายนอกเป็นผู้พิสูจน์ (+ม.11 วรรคสาม , 51 , 55 , 56)
(4) ให้ผู้ขนส่งเป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญาประกันภัยแห่งของตามสัญญารับขนของทางทะเลอันเป็นวัตถุที่เอาประกันภัย
ความเป็นโมฆะของข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งไม่กระทบกระทั่งถึงความสมบูรณ์ของข้อกำหนดอื่นในสัญญานั้น และให้ถือว่าคู่สัญญาได้เจตนาให้ข้อกำหนดอื่นนั้นแยกออกต่างหากจากข้อกำหนดที่เป็นโมฆะตามวรรคหนึ่ง
บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่ตัดสิทธิคู่กรณีที่จะตกลงกันกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขนส่งให้มากขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้"
(1) ปลดเปลื้องผู้ขนส่งจากหน้าที่หรือความรับผิดใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ (+ม.8 , 9 , 10)
(2) กำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งให้น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 58 หรือมาตรา 60
(3) ปัดภาระการพิสูจน์ซึ่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ขนส่ง ไปให้ผู้ส่งของหรือบุคคลภายนอกเป็นผู้พิสูจน์ (+ม.11 วรรคสาม , 51 , 55 , 56)
(4) ให้ผู้ขนส่งเป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญาประกันภัยแห่งของตามสัญญารับขนของทางทะเลอันเป็นวัตถุที่เอาประกันภัย
ความเป็นโมฆะของข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งไม่กระทบกระทั่งถึงความสมบูรณ์ของข้อกำหนดอื่นในสัญญานั้น และให้ถือว่าคู่สัญญาได้เจตนาให้ข้อกำหนดอื่นนั้นแยกออกต่างหากจากข้อกำหนดที่เป็นโมฆะตามวรรคหนึ่ง
บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่ตัดสิทธิคู่กรณีที่จะตกลงกันกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขนส่งให้มากขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้"
-ข้อตกลงให้รับผิดน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ แต่ตกลงให้รับผิดมากกว่าที่กฎหมายกำหนดได้
4. ใบตราส่ง ม.18-30
-เป็นหลักฐานการขนส่ง
-เป็นเอกสารเปลี่ยนมือได้ โอนสลักหลัง
-ใบตราส่งแม้ไม่ได้เขียนเงื่อนไขบางอย่างไว้ ผู้ส่งของสามารถนำพยานบุคคลมาสืบได้
-ม.28 "เมื่อได้ออกใบตราส่งให้แก่กันไว้แล้ว ผู้รับตราส่งจะเรียกให้ส่งมอบของได้ต่อเมื่อเวนคืนใบตราส่งนั้นแก่ผู้ขนส่งหรือให้ประกันตามควร"
-ฎ.7340/2541 โจทก์เป็นผู้ทรงใบตราส่งโดยชอบ และการปล่อยสินค้าที่ขนส่งให้แก่ผู้รับจะกระทำได้ต่อเมื่อผู้รับมีใบตราส่งมาแสดง โจทก์จึงมีสิทธิตามสัญญารับขนสินค้าพิพาท มีอำนาจฟ้องผู้รับขนให้รับผิดตามสัญญารับขนได้
-ผู้รับตราส่งมีอำนาจฟ้องตามม.26+39 กรณีของสูญหาย เสียหาย ส่งมอบชักช้า จำกัดความรับผิด อายุความ 1 ปี
-ผู้ส่งของมีอำนาจฟ้องตามสัญญารับขนของทางทะเล ให้รับผิดเต็มจำนวน อายุความ 10 ปี
-ม.23+25+32+38 ผู้ขนส่งต้องบันทึกข้อสงวนไว้ในใบตราส่งว่าไม่ตรงความจริง มีเหตุสงสัย หรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจตรวจสอบได้ , ถ้าไม่ได้บันทึกข้อสงวนไว้ ให้สันนิษฐานว่าได้รับของตามรายการในใบตราส่ง , ถ้ามีการบันทึกข้อสงวนไว้ ผู้ขนส่งก็มีสิทธิพิสูจน์ว่าสินค้าไม่ตรงตามใบตราส่งได้
-ฎ.6471/2541 โจทก์ผู้ส่งสินค้าฟ้องจำเลยผู้รับขน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขน เพราะส่งมอบสินค้าโดยไม่เวนคืนใบตราส่ง ทำให้ผู้ส่งสินค้าได้รับความเสียหาย โจทก์ฟ้องในฐานะคู่สัญญา ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ตามป.วิ.แพ่งม.55 และมิใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดในเรื่องความสูญหาย เสียหาย ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปี แต่มีอายุความ 10 ปี ตามม.193/30
-ฎ.5736/2544 แม้คำฟ้องจะกล่าวอ้างมูลละเมิดด้วย แต่เมื่อจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเล และโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้ จึงไม่นำอายุความละเมิด 1 ปี มาใช้บังคับ (เคยออกข้อสอบ)
-ฎ.1646/2546 ข้อจำกัดความรับผิดใช้เฉพาะกรณีของที่ขนส่งเสียหายสูญหาย แต่การที่ผู้ขนส่งผิดสัญญาส่งของ ไม่ส่งของไปยังเมืองท่าปลายทาง หาใช่กรณีความเสียหายสูญหายไม่ จึงไม่อาจนำข้อจำกัดความรับผิดมาใช้บังคับได้
-ฎ.6512/2546 ผู้ขนส่งมอบของโดยไม่เวนคืนใบตราส่ง จึงต้องรับผิดต่อผู้รับตราส่งโดยไม่ต้องคำนึงว่าในขณะนั้นกรรมสิทธิ์ในสินค้าเป็นของผู้ใด แต่การใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญารับขนของทางทะเลเพราะเหตุที่ผู้ขนส่งปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องในการส่งมอบ อายุความ 10 ปี
-ฎ.9633/2547 การส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยมิได้รับเวนคืนใบตราส่ง ย่อมเป็นการไม่ชอบ และเป็นการผิดสัญญารับขนของทางทะเลต่อผู้ส่งสินค้า ผู้ขนส่งจึงต้องชำระราคาสินค้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ส่งสินค้า
5. ความรับผิดผู้ขนส่ง (มาตราหลัก)
-ม.39 "ภายใต้บังคับมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 56 และมาตรา 58 ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเป็นผลจากการที่ของซึ่งได้รับมอบจากผู้ส่งของ สูญหาย เสียหาย หรือมีการส่งมอบชักช้า ถ้าเหตุแห่งการสูญหาย เสียหาย หรือการส่งมอบชักช้านั้นได้เกิดขึ้นในระหว่างที่ของดังกล่าวอยู่ในความดูแลของตน
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้ถือว่าของอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งนับตั้งแต่เวลาที่ผู้ขนส่งได้รับของนั้นไว้จากผู้ส่งของ หรือตัวแทนผู้ส่งของหรือจากเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าต้นทางที่บรรทุกของลงเรือกำหนดให้ผู้ส่งของต้องมอบของที่จะขนส่งไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวจนถึงเวลาที่ผู้ขนส่งส่งมอบของนั้น ณ ท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 40"
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้ถือว่าของอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งนับตั้งแต่เวลาที่ผู้ขนส่งได้รับของนั้นไว้จากผู้ส่งของ หรือตัวแทนผู้ส่งของหรือจากเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าต้นทางที่บรรทุกของลงเรือกำหนดให้ผู้ส่งของต้องมอบของที่จะขนส่งไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวจนถึงเวลาที่ผู้ขนส่งส่งมอบของนั้น ณ ท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 40"
-ข้อสอบ ต้องดูว่าของสูญหาย เสียหาย ณ จุดใด การขนส่งสิ้นสุดหรือยัง ต้องดูม.40
-ม.40 "ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว
(1) ผู้ขนส่งได้มอบของให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว
(2) ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่มารับของจากผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งได้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ของนั้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญารับขนของทางทะเล หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือประเพณีทางการค้าที่ถือปฏิบัติกันอยู่ ณ ท่าปลายทางแล้ว หรือ
(3) ผู้ขนส่งได้มอบของไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว"
(1) ผู้ขนส่งได้มอบของให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว
(2) ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่มารับของจากผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งได้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ของนั้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญารับขนของทางทะเล หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือประเพณีทางการค้าที่ถือปฏิบัติกันอยู่ ณ ท่าปลายทางแล้ว หรือ
(3) ผู้ขนส่งได้มอบของไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว"
5.1 ความตกลงเกี่ยวกับการส่งสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ 4 แบบ
--LCL/LCL or CFS/CFS or Pier to pier
--LCL/FCL or CFS/CY or pier to House
--FCL/FCL or CY/CY or House to House
--FCL/LCL or CY/CFS or House to pier
-CY ผู้ส่งของเป็นผู้ใส่ของในตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำตู้ให้ผู้ขนส่งดำเนินการ โดยผู้ขนส่งไม่ทราบของที่อยู่ในตู้ (ผู้ขนส่งแทบไม่เกี่ยวข้องกับสินค้า) , แต่ถ้าผู้ส่งของไม่ได้จัดหาตู้เอง แต่ผู้ขนส่งเป็นผูัจัดหาตู้มาให้ แล้วผู้ส่งของใส่ของเสร็จแล้วนำตู้ให้ผู้ขนส่งดำเนินการขนส่ง หากของเสียหายจากตู้ชำรุด น้ำเข้าตู้ ผู้ขนส่งเป็นคนจัดหาตู้ ต้องรับผิดในความเสียหาย
-ฎ.1263/2543 ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายของสิ่งของที่รับขนต่อผู้ส่ง หากความเสียหายของสิ่งของนั้นได้เกิดในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งตามม.39 เว้นแต่ความเสียหายของสิ่งของที่รับขนนั้นจะเกิดขึ้นหรือเป็นผลจากเหตุตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติมาตราต่าง ๆ ในหมวด 5 ว่าด้วยข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิด ดังนั้น สินค้าปุ๋ยพิพาทบางส่วนเปียกน้ำและปนเปื้อนน้ำมันเสียหาย ซึ่งเป็นความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง โดยจำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้เห็นได้ว่ามีเหตุที่เข้าข้อยกเว้นที่ไม่ต้องรับผิดตามหมวด 5 ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานแสดงว่าความเสียหายของสินค้าปุ๋ยพิพาทเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 และไม่ทราบว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใด ก็หาเป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งพ้นจากความรับผิดในการที่สินค้าปุ๋ยพิพาทได้เกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ไม่
-ฎ.1274/2543 ตามม.39 , 40 เมื่อผู้ขนส่งสินค้ามาถึงท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทยอันเป็นปลายทางแล้ว ผู้ขนส่งต้องส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่ง หรือให้แก่เจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยตามกฎข้อบังคับที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ แต่สำหรับกรณีสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ มีระเบียบปฏิบัติโดยกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าอันตรายต้องแจ้งให้การท่าเรือฯ ทราบล่วงหน้าก่อนเรือเข้าเทียบท่า ถ้าเป็นสินค้าอันตรายประเภท ก. จะให้ขนขึ้นจากเรือ ถ้าเป็นสินค้าอันตรายประเภท ข. จะอนุญาตให้ขนขึ้นจากเรือได้ แต่เจ้าของเรือจะต้องเก็บรักษาเอาไว้เอง เมื่อสินค้าเครื่องดับเพลิงที่ผู้ขนส่งขนส่งมาเป็นสินค้าอันตรายประเภท ข. จึงได้ให้ผู้ขนส่งนำไปเก็บไว้ที่ตู้สินค้าของผู้ขนส่งเอง โดยวางไว้บริเวณลานตู้สินค้าที่เช่าจากการท่าเรือฯ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาสินค้านั้นเอง ดังนี้ถือไม่ได้ว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบสินค้าไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎ ข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทาง กำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว อันจะทำให้สินค้านั้นพ้นไปจากความดูแลของผู้ขนส่งตามม.40(3) และม.39 แต่เป็นกรณีที่ผู้ขนส่งยังคงเก็บรักษาตู้สินค้าไว้เพื่อส่งมอบแก่ผู้รับตราส่งต่อไป เมื่อเหตุไฟไหม้ทำให้สินค้านี้เสียหายเกิดขึ้นในระหว่างที่ยังอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าตามม.39 (เคยออกข้อสอบ)
-ฎ.2069/2543 จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งสินค้าโดยเรือ ช. ในระบบตู้สินค้าแบบ CY-CY เมื่อเรือ ช. เดินทางมาถึงประเทศไทย และจอดเทียบท่าเรือของจำเลยที่ 2 ได้มีการขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือไปไว้ที่ลานวางพักตู้สินค้าของจำเลยที่ 2 เพื่อรอให้ผู้รับตราส่งมารับ ต่อมาผู้รับตราส่งมารับมอบตู้สินค้าดังกล่าวไปจากจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าเม็ดพลาสติกเปียกน้ำและได้รับความเสียหายเนื่องจากหลังคาตู้สินค้าที่ใช้ขนส่งเป็นรูรั่ว ดังนี้ เมื่อผู้ขนส่งขนส่งตู้สินค้าถึงท่าเรือปลายทางและส่งมอบตู้สินค้าให้แก่เจ้าหน้าที่ท่าเรือของจำเลยที่ 2 ในสภาพตู้และดวงตราปิดผนึกปากตู้เรียบร้อย ความรับผิดของจำเลยที่ 1 จึงสิ้นสุดลง และเมื่อความเสียหายของสินค้ามิได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 1 หรือเกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด (ให้สังเกตความเสียหายเกิดจากตู้มีรูรั่ว ก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้จัดหาตู้)
-ฎ.9021/2543* โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขนส่งสินค้าทุเรียนสดทางทะเล โดยตกลงกันว่าต้องควบคุมอุณหภูมิในการเก็บรักษาสินค้าขณะขนส่งที่ระดับ 14 องศาเซลเซียส จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของสินค้าให้อยู่ในระดับดังกล่าวตามข้อตกลง เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิของตู้คอนเทนเนอร์ให้อยู่ในระดับตามข้อตกลงกับโจทก์ แต่กลับมีอุณหภูมิสูงกว่าข้อตกลงกว่า 1 เท่าตัว และเหตุที่สินค้าเสียหายเกิดจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิของตู้คอนเทนเนอร์ตามข้อตกลงในการขนส่ง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ใบตราส่งสินค้าระบุว่าสินค้าที่ขนส่งเป็นทุเรียนสด จำนวน 1,200 หีบห่อ อันเป็นการระบุจำนวนและลักษณะของหน่วยการขนส่งที่รวมกันนั้นไว้ในใบตราส่ง ดังนี้จึงต้องถือว่าสินค้าที่ขนส่งมีหน่วยการขนส่ง 1,200 หน่วย มิใช่ 1 ตู้คอนเทนเนอร์เป็น 1 หน่วยการขนส่ง ตามม.58 วรรคหนึ่ง แล้วได้เป็นจำนวนสูงกว่าการคิดคำนวณตามน้ำหนักสินค้า 30 บาท ต่อน้ำหนักสุทธิ 1 กิโลกรัม ต้องถือว่าจำนวนข้อจำกัดความรับผิดจำนวนที่สูงกว่า แต่เมื่อความเสียหายต่ำกว่าจำนวนเงินดังกล่าว จึงต้องถือเอาตามราคาสินค้าที่เสียหายแท้จริงตามม.58 วรรคสอง
-ฎ.216/2538 จำเลยสั่งซื้อสินค้าพิพาทจากบริษัท ก. ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วว่าจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าทางทะเลแบบ CY/CY โดยบริษัท ก. เป็นฝ่ายนำตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้ามามอบให้โจทก์บรรทุกลงเรือ เมื่อมาถึงท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งเป็นท่าปลายทาง จำเลยมีหน้าที่ไปขนถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ภายใน 7 วัน แล้วส่งตู้คอนเทนเนอร์คืนโจทก์ จำเลยจะชำระราคาสินค้าให้บริษัท ก. โดยผ่านทางธนาคารแล้วจำเลยจะรับใบตราส่งจากธนาคารไปแลกใบสั่งปล่อยสินค้าจากโจทก์เพื่อไปรับสินค้าจากการท่าเรือฯ ต่อมาโจทก์ขนส่งสินค้าพิพาทไปถึงท่าเรือปลายทางและพร้อมจะส่งมอบสินค้าโดยยกตู้คอนเทนเนอร์ออกจากเรือ ทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับค่าระวางและค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยไม่ไปรับสินค้าตามข้อตกลง การที่จำเลยจะเรียกให้โจทก์ส่งมอบสินค้าหรือไม่ หามีผลต่อความรับผิดที่จำเลยมีตามข้อตกลงไม่
5.2) ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่ทราบการมาถึงของเรือ เนื่องจากความผิดของผู้ขนส่ง ผู้รับตราส่งไม่ต้องรับผิดในการล่าช้า และหากมิได้มีประเพณีหรือสัญญากำหนดไว้เป็นพิเศษ ผู้ขนส่งไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งผู้รับตราส่งว่าพร้อมที่จะส่งมอบของ (ผู้ขนส่งมีหน้าที่เพียงแจ้งว่าสินค้ามาถึงแล้ว) แต่เป็นหน้าที่ของผู้รับตราส่งจะต้องเตรียมพร้อมเสมอ
-ฎ.5337/2553 การส่งมอบแบบ CFS เมื่อตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือ หน้าที่ของผู้ขนส่งก็สิ้นสุดลง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ หีบห่อสินค้าไม่มีความเสียหาย แต่เพิ่งมาพบภายหลังจากขนถ่ายออกจากตู้ไปเก็บไว้ในโรงพักสินค้า จึงไม่ถือว่าอยู่ในระหว่างความดูแลรับผิดชอบของผู้ขนส่ง
-ฎ.291/2548 "ผู้ขนส่งอื่น" ได้ขนส่งตู้สินค้าที่บรรจุสินค้ามาถึงท่าเรือปลายทาง และส่งมอบตู้สินค้าให้แก่การท่าเรือฯ โดยชอบแล้ว หน้าที่ของผู้ขนส่งอื่นย่อมสิ้นสุดลงตามม.40(3) จึงไม่ต้องรับผิดในการสูญหายของสินค้าในขณะที่สินค้าอยู่ในอารักขาของการท่าเรือฯ
-ฎ.79/2540 ไม่ว่าความรับผิดของผู้ขนส่งจะสิ้นสุดเมื่อมีการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าให้แก่การท่าเรือฯ หรือไม่ แต่เมื่อความชำรุดบกพร่องของตู้คอนเทนเนอร์มีมานานแล้ว เป็นเหตุให้น้ำรั่วเข้าไปจนสินค้าเสียหายระหว่างขนส่ง ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
5.3) การสิ้นสุดความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งต้องรับผิดชอบในสินค้าที่ขนส่งนับแต่เวลารับมอบของ จนถึงเวลาที่การขนส่งเสร็จสิ้นและสินค้านำเข้าเก็บในคลังสินค้าเพื่อเจ้าของสินค้า และเจ้าของสินค้าพร้อมที่จะรับมอบ ลำพังสินค้ามาถึงปลายทางไม่เพียงพอที่จะปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ขนส่ง
5.4) ผู้ขนส่งอาจจำกัดความรับผิดโดยแจ้งให้ผู้รับตราส่งทราบว่าสินค้าได้เก็บไว้ในคลังสินค้า และผู้ขนส่งจะไม่รับผิดชอบในความปลอดภัยของสินค้าก็ได้ แต่ผู้รับตราส่งจะต้องรับการแจ้งนั้นแล้ว ถ้าผู้รับตราส่งปฏิเสธที่จะรับมอบหรือละเลยที่จะรับมอบภายในเวลาอันสมควร ย่อมทำให้ความรับผิดของผู้ขนส่งสิ้นสุดลง
5.5) กรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ถือว่า ผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว มีผลทำให้ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดในความสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า หลังจากที่ผู้ขนส่งได้ส่งมอบของดังกล่าว
-ฎ.1912/2540 ผู้ขนส่งซึ่งมีหน้าที่ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มายังท่าเรือกรุงเทพ ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่การท่าเรือฯ เพื่อให้โจทก์ผู้นำเข้าทำพิธีการทางศุลกากรและดำเนินพิธีการออกสินค้า ถือว่าผู้ขนส่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาครบถ้วนแล้ว หน้าที่การขนส่งสินค้าสิ้นสุดลง ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลัง
-ฎ.1639/2549* การขนส่งสินค้าเป็นแบบผู้ขนส่งสำค้าเข้าและออกจากตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำสินค้าของผู้ส่งแต่ละรายไปเก็บในคลังสินค้ารอผู้รับตราส่งมารับสินค้า บริษัทผู้รับตราส่งดำเนินพิธีศุลกากรแล้ว มาขอรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือฯ ได้รับแจ้งว่าสินค้าเสียหาย ต้องถือว่าวันที่มาขอรับสินค้าดังกล่าวเป็นวันที่ได้ส่งมอบสินค้าที่แท้จริงให้แก่ผู้รับตราส่งตามม.40(1) ไม่ใช่เป็นกรณีส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ให้แก่ผู้รับตราส่งที่ลานตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรับตู้คอนเทนเนอร์ไปเอง ซึ่งจะนับอายุความตั้งแต่การส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ตามม.40(3)
6. ม.58 วรรคหนึ่ง "ภายใต้บังคับมาตรา 60 ในกรณีที่ของซึ่งผู้ขนส่งได้รับมอบหมายสูญหายหรือเสียหายไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งไว้เพียงหนึ่งหมื่นบาทต่อหนึ่งหน่วยการขนส่ง หรือกิโลกรัมละสามสิบบาทต่อน้ำหนักสุทธิแห่งของนั้น แล้วแต่เงินจำนวนใดจะมากกว่า"
-ม.60 "การจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามมาตรา 58 มิให้ใช้บังคับแก่กรณีดังต่อไปนี้
(1) การสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลจากการที่ผู้ขนส่งหรือตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้ขนส่งกระทำหรืองดเว้นกระทำการ โดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า หรือโดยละเลยหรือไม่เอาใจใส่ (แนวฎีกาคือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง) ทั้งที่รู้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้านั้นอาจเกิดขึ้นได้" กรณีนี้ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดอย่างเต็มจำนวน
(1) การสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลจากการที่ผู้ขนส่งหรือตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้ขนส่งกระทำหรืองดเว้นกระทำการ โดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า หรือโดยละเลยหรือไม่เอาใจใส่ (แนวฎีกาคือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง) ทั้งที่รู้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้านั้นอาจเกิดขึ้นได้" กรณีนี้ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดอย่างเต็มจำนวน
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น