สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 11-12)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ครั้งที่ 11-12)
อาจารย์วรวุฒิ ทวาทศิน
วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568
**********

1. กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ อาจารย์จะพยายามออกข้อสอบตามข้อเท็จจริงในฎีกา แต่ช่วงหลังไม่ค่อยมีฎีกา จึงออกข้อสอบยาก (เกณฑ์ของเนติฯ ข้อสอบใดเคยออกสอบแล้ว จะไม่นำมาออกอีกอย่างน้อย 10-15 ปี) วิชานี้จึงไปดูธงคำตอบว่าฎีกาใดเคยออกสอบแล้ว
-นักศึกษาต้องตอบข้อสอบให้เชื่อมโยงมาตรา
-หน้าที่ของผู้ขนส่ง ม.8 , 9 , 10 เตรียมเรือ เตรียมคน เตรียมพื้นที่ให้เหมาะกับการขนส่ง เป็นหน้าที่ของผู้มีมาตรฐานวิชาชีพที่ต้องทำ (ไม่ใช่หน้าที่เคร่งครัดเด็ดขาด) ผู้ขนส่งที่ถือว่าทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว ได้รับยกเว้นความรับผิดตามม.51
-ถ้าสูญหาย เสียหาย ส่งมอบช้า ต้องรับผิดตามม.39 (โดยไม่ต้องดูว่าผู้ขนส่งประมาทเลินเล่อหรือไม่) ซึ่งผู้ขนส่งต้องรับผิดอย่างจำกัดตามม.58 ถ้าผู้ขนส่งจะต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดก็ใช้ม.51-56, แต่ถ้าปรากฏว่าผู้ขนส่งกระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือเจตนาให้เกิดความเสียหาย ต้องรับผิดเต็มจำนวนตามม.60

2. ม.11 "ผู้ขนส่งมีสิทธิบรรทุกของบนปากระวางเฉพาะในกรณีที่ได้ตกลงกับผู้ส่งของ หรือเป็นการกระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ หรือเป็นการปฏิบัติตามประเพณีทางการค้าเกี่ยวกับการบรรทุกของเช่นนั้น
  ถ้าผู้ขนส่งและผู้ส่งของตกลงกันให้บรรทุกหรืออาจบรรทุกของบนปากระวางได้ ผู้ขนส่งต้องจดแจ้งข้อตกลงดังกล่าวไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นอันเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลในกรณีที่ไม่มีการออกใบตราส่ง
  ถ้าไม่มีการจดแจ้งข้อความในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสอง หากผู้ขนส่งอ้างว่ามีข้อตกลงกัน ให้ผู้ขนส่งมีหน้าที่พิสูจน์ถึงข้อตกลงนั้น แต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับตราส่งหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้ใบตราส่งหรือเอกสารอื่นมาโดยไม่รู้ถึงข้อตกลงนั้นมิได้
  ถ้ามีการบรรทุกของบนปากระวางโดยขัดต่อบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง หรือในกรณีที่ไม่ได้จดแจ้งข้อตกลงไว้ในใบตราส่งหรือเอกสารอื่นตามวรรคสาม มิให้นำบทบัญญัติในมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 หรือมาตรา 56 มาใช้บังคับ
  ในกรณีที่มีความตกลงโดยชัดแจ้งระหว่างผู้ขนส่งกับผู้ส่งของให้บรรทุกของใดในระวาง ถ้าผู้ขนส่งบรรทุกของนั้นบนปากระวาง ให้ถือว่าผู้ขนส่งกระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามมาตรา 60 (1)"
-ม.11 เคยออกข้อสอบ
2.1) โดยทั่วไป การขนส่งจะขนส่งในระวางเรือ ท้องเรือ 
-ปากระวางบนดาดฟ้าจะมีความเสี่ยงภัยเพราะเรือเดินสมุทร ซึ่งม.11 อาจมีการวางของบนปากระวางได้โดยขนผู้ส่งและผู้ส่งของต้องตกลงกันให้วางได้ตามม.11 วรรคสอง (เช่น ตู้คอนเทนเนอร์) 
-ม.11 วรรคสี่ ถ้าไม่มีข้อตกลงกันให้วางบนปากระวาง ผู้ขนส่งไม่มีสิทธิอ้างม.51-56 , แต่ถ้ามีข้อตกลงให้วางบนปากระวางได้ ผู้ขนส่งก็สามารถพิสูจน์ยกเว้นความรับผิดตามม.51-56 ได้
-ม.11 วรรคท้าย มีข้อตกลงห้ามวางบนปากระวาง ให้ถือว่าเจตนากระทำหรืองดเว้น ต้องรับผิดเต็มจำนวนตามม.60(1)
-ฎ.7178/2554 แม้จำเลยที่ 1 มีข้อตกลงระบุในใบตราส่งว่ามีสิทธิที่จะบรรทุกสินค้าไว้บนปากระวางเรือได้ ถือได้ว่าการขนส่งสินค้าพิพาทได้จดแจ้งแล้วว่าผู้ขนส่งและผู้ส่งตกลงกันให้บรรทุกหรืออาจบรรทุกสินค้าพิพาทบนปากระวางได้ตามม.11 วรรคสอง จึงไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดข้อตกลงโดยชัดแจ้งในการขนส่งตามม.11 วรรคห้า ซึ่งจะทำให้ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำการหรืองดเว้นกระทำการตามม.60(1) อันจะทำให้ไม่อาจจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามม.59 ได้ , แต่เนื่องจากตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าเป็นแบบ flat rack มีลักษณะเปิด ตัวสินค้ามีเพียงฐานวางสินค้า ซึ่งมีขนาดความสูงและกว้างเกินกว่าปกติ มีแผ่นพลาสติกและลังไม่ห่อหุ้มเท่านั้น ตามวิสัยของผู้ประกอบวิชาชีพย่อมต้องทราบถึงระดับของความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้าที่มีมากขึ้นได้ หรือผู้ขนส่งจึงควรให้ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงและสอบถามผู้ส่งให้ชัดแจ้งว่ายังให้วางตู้สินค้าบนระวางหรือจะให้วางใต้ระวางเรือตำแหน่งใด ซึ่งจะต้องเสียค่าระวางเพิ่ม เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ข้อมูลและสอบถามผู้ส่งก่อนจัดวางตู้สินค้าและได้จัดวางตู้สินค้าบนระวาง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำการทั้งปวงเท่าที่เป็นธรรมดาและสมควรจะต้องกระทำสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพรับขนของทางทะเล ในการจัดระวางบรรทุกให้เหมาะสมและปลอดภัยตามสภาพของสินค้าพิพาทที่ตนรับขนส่ง เมื่อสินค้าพิพาทเกิดความเสียหายเนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะและเป็นสนิม ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายนั้น (จำกัดความรับผิดตามม.39+58)

3. ม.17 "ข้อกำหนดใดในสัญญารับขนของทางทะเลซึ่งมีวัตถุประสงค์หรือมีผล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยปริยายดังต่อไปนี้ ข้อกำหนดนั้นเป็นโมฆะ
  (1) ปลดเปลื้องผู้ขนส่งจากหน้าที่หรือความรับผิดใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ (+ม.8 , 9 , 10)
  (2) กำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งให้น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 58 หรือมาตรา 60 
  (3) ปัดภาระการพิสูจน์ซึ่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ขนส่ง ไปให้ผู้ส่งของหรือบุคคลภายนอกเป็นผู้พิสูจน์ (+ม.11 วรรคสาม , 51 , 55 , 56)
  (4) ให้ผู้ขนส่งเป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญาประกันภัยแห่งของตามสัญญารับขนของทางทะเลอันเป็นวัตถุที่เอาประกันภัย
  ความเป็นโมฆะของข้อกำหนดตามวรรคหนึ่งไม่กระทบกระทั่งถึงความสมบูรณ์ของข้อกำหนดอื่นในสัญญานั้น และให้ถือว่าคู่สัญญาได้เจตนาให้ข้อกำหนดอื่นนั้นแยกออกต่างหากจากข้อกำหนดที่เป็นโมฆะตามวรรคหนึ่ง
  บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่ตัดสิทธิคู่กรณีที่จะตกลงกันกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขนส่งให้มากขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้"
-ข้อตกลงให้รับผิดน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ แต่ตกลงให้รับผิดมากกว่าที่กฎหมายกำหนดได้

4. ใบตราส่ง ม.18-30
-เป็นหลักฐานการขนส่ง
-เป็นเอกสารเปลี่ยนมือได้ โอนสลักหลัง
-ใบตราส่งแม้ไม่ได้เขียนเงื่อนไขบางอย่างไว้ ผู้ส่งของสามารถนำพยานบุคคลมาสืบได้
-ม.28 "เมื่อได้ออกใบตราส่งให้แก่กันไว้แล้ว ผู้รับตราส่งจะเรียกให้ส่งมอบของได้ต่อเมื่อเวนคืนใบตราส่งนั้นแก่ผู้ขนส่งหรือให้ประกันตามควร"
-ฎ.7340/2541 โจทก์เป็นผู้ทรงใบตราส่งโดยชอบ และการปล่อยสินค้าที่ขนส่งให้แก่ผู้รับจะกระทำได้ต่อเมื่อผู้รับมีใบตราส่งมาแสดง โจทก์จึงมีสิทธิตามสัญญารับขนสินค้าพิพาท มีอำนาจฟ้องผู้รับขนให้รับผิดตามสัญญารับขนได้ 
-ผู้รับตราส่งมีอำนาจฟ้องตามม.26+39 กรณีของสูญหาย เสียหาย ส่งมอบชักช้า จำกัดความรับผิด อายุความ 1 ปี
-ผู้ส่งของมีอำนาจฟ้องตามสัญญารับขนของทางทะเล ให้รับผิดเต็มจำนวน อายุความ 10 ปี 
-ม.23+25+32+38 ผู้ขนส่งต้องบันทึกข้อสงวนไว้ในใบตราส่งว่าไม่ตรงความจริง มีเหตุสงสัย หรือพฤติการณ์ที่ไม่อาจตรวจสอบได้ , ถ้าไม่ได้บันทึกข้อสงวนไว้ ให้สันนิษฐานว่าได้รับของตามรายการในใบตราส่ง , ถ้ามีการบันทึกข้อสงวนไว้ ผู้ขนส่งก็มีสิทธิพิสูจน์ว่าสินค้าไม่ตรงตามใบตราส่งได้ 
-ฎ.6471/2541 โจทก์ผู้ส่งสินค้าฟ้องจำเลยผู้รับขน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามสัญญารับขน เพราะส่งมอบสินค้าโดยไม่เวนคืนใบตราส่ง ทำให้ผู้ส่งสินค้าได้รับความเสียหาย โจทก์ฟ้องในฐานะคู่สัญญา ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว ตามป.วิ.แพ่งม.55 และมิใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดในเรื่องความสูญหาย เสียหาย ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปี แต่มีอายุความ 10 ปี ตามม.193/30
-ฎ.5736/2544 แม้คำฟ้องจะกล่าวอ้างมูลละเมิดด้วย แต่เมื่อจำเลยผิดสัญญารับขนของทางทะเล และโจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดจากมูลผิดสัญญาได้ จึงไม่นำอายุความละเมิด 1 ปี มาใช้บังคับ (เคยออกข้อสอบ)
-ฎ.1646/2546 ข้อจำกัดความรับผิดใช้เฉพาะกรณีของที่ขนส่งเสียหายสูญหาย แต่การที่ผู้ขนส่งผิดสัญญาส่งของ ไม่ส่งของไปยังเมืองท่าปลายทาง หาใช่กรณีความเสียหายสูญหายไม่ จึงไม่อาจนำข้อจำกัดความรับผิดมาใช้บังคับได้
-ฎ.6512/2546 ผู้ขนส่งมอบของโดยไม่เวนคืนใบตราส่ง จึงต้องรับผิดต่อผู้รับตราส่งโดยไม่ต้องคำนึงว่าในขณะนั้นกรรมสิทธิ์ในสินค้าเป็นของผู้ใด แต่การใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญารับขนของทางทะเลเพราะเหตุที่ผู้ขนส่งปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องในการส่งมอบ อายุความ 10 ปี
-ฎ.9633/2547 การส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อโดยมิได้รับเวนคืนใบตราส่ง ย่อมเป็นการไม่ชอบ และเป็นการผิดสัญญารับขนของทางทะเลต่อผู้ส่งสินค้า ผู้ขนส่งจึงต้องชำระราคาสินค้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ส่งสินค้า

5. ความรับผิดผู้ขนส่ง (มาตราหลัก)
-ม.39 "ภายใต้บังคับมาตรา 51 มาตรา 52 มาตรา 53 มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 56 และมาตรา 58 ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเป็นผลจากการที่ของซึ่งได้รับมอบจากผู้ส่งของ สูญหาย เสียหาย หรือมีการส่งมอบชักช้า ถ้าเหตุแห่งการสูญหาย เสียหาย หรือการส่งมอบชักช้านั้นได้เกิดขึ้นในระหว่างที่ของดังกล่าวอยู่ในความดูแลของตน
  เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้ถือว่าของอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งนับตั้งแต่เวลาที่ผู้ขนส่งได้รับของนั้นไว้จากผู้ส่งของ หรือตัวแทนผู้ส่งของหรือจากเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าต้นทางที่บรรทุกของลงเรือกำหนดให้ผู้ส่งของต้องมอบของที่จะขนส่งไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าวจนถึงเวลาที่ผู้ขนส่งส่งมอบของนั้น ณ ท่าปลายทางหรือที่หมายปลายทางตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 40"
-ข้อสอบ ต้องดูว่าของสูญหาย เสียหาย ณ จุดใด การขนส่งสิ้นสุดหรือยัง ต้องดูม.40
-ม.40 "ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว
  (1) ผู้ขนส่งได้มอบของให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว
  (2) ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่มารับของจากผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งได้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ของนั้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญารับขนของทางทะเล หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือประเพณีทางการค้าที่ถือปฏิบัติกันอยู่ ณ ท่าปลายทางแล้ว หรือ
  (3) ผู้ขนส่งได้มอบของไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทางกำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว"
5.1 ความตกลงเกี่ยวกับการส่งสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ 4 แบบ
  --LCL/LCL or CFS/CFS or Pier to pier
  --LCL/FCL or CFS/CY or pier to House
  --FCL/FCL or CY/CY or House to House
  --FCL/LCL or CY/CFS or House to pier
-CY ผู้ส่งของเป็นผู้ใส่ของในตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำตู้ให้ผู้ขนส่งดำเนินการ โดยผู้ขนส่งไม่ทราบของที่อยู่ในตู้ (ผู้ขนส่งแทบไม่เกี่ยวข้องกับสินค้า) , แต่ถ้าผู้ส่งของไม่ได้จัดหาตู้เอง แต่ผู้ขนส่งเป็นผูัจัดหาตู้มาให้ แล้วผู้ส่งของใส่ของเสร็จแล้วนำตู้ให้ผู้ขนส่งดำเนินการขนส่ง หากของเสียหายจากตู้ชำรุด น้ำเข้าตู้ ผู้ขนส่งเป็นคนจัดหาตู้ ต้องรับผิดในความเสียหาย
-ฎ.1263/2543 ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความเสียหายของสิ่งของที่รับขนต่อผู้ส่ง หากความเสียหายของสิ่งของนั้นได้เกิดในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของผู้ขนส่งตามม.39 เว้นแต่ความเสียหายของสิ่งของที่รับขนนั้นจะเกิดขึ้นหรือเป็นผลจากเหตุตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติมาตราต่าง ๆ ในหมวด 5 ว่าด้วยข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิด ดังนั้น สินค้าปุ๋ยพิพาทบางส่วนเปียกน้ำและปนเปื้อนน้ำมันเสียหาย ซึ่งเป็นความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง โดยจำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้เห็นได้ว่ามีเหตุที่เข้าข้อยกเว้นที่ไม่ต้องรับผิดตามหมวด 5 ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานแสดงว่าความเสียหายของสินค้าปุ๋ยพิพาทเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 และไม่ทราบว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใด ก็หาเป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งพ้นจากความรับผิดในการที่สินค้าปุ๋ยพิพาทได้เกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ไม่
-ฎ.1274/2543 ตามม.39 , 40 เมื่อผู้ขนส่งสินค้ามาถึงท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทยอันเป็นปลายทางแล้ว ผู้ขนส่งต้องส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่ง หรือให้แก่เจ้าหน้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยตามกฎข้อบังคับที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ แต่สำหรับกรณีสินค้าอันตราย การท่าเรือฯ มีระเบียบปฏิบัติโดยกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าอันตรายต้องแจ้งให้การท่าเรือฯ ทราบล่วงหน้าก่อนเรือเข้าเทียบท่า ถ้าเป็นสินค้าอันตรายประเภท ก. จะให้ขนขึ้นจากเรือ ถ้าเป็นสินค้าอันตรายประเภท ข. จะอนุญาตให้ขนขึ้นจากเรือได้ แต่เจ้าของเรือจะต้องเก็บรักษาเอาไว้เอง เมื่อสินค้าเครื่องดับเพลิงที่ผู้ขนส่งขนส่งมาเป็นสินค้าอันตรายประเภท ข. จึงได้ให้ผู้ขนส่งนำไปเก็บไว้ที่ตู้สินค้าของผู้ขนส่งเอง โดยวางไว้บริเวณลานตู้สินค้าที่เช่าจากการท่าเรือฯ และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาสินค้านั้นเอง ดังนี้ถือไม่ได้ว่าผู้ขนส่งได้ส่งมอบสินค้าไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด ๆ ซึ่งกฎหมายหรือกฎ ข้อบังคับที่ใช้อยู่ ณ ท่าปลายทาง กำหนดให้ผู้ขนส่งต้องมอบของที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือไว้กับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลดังกล่าว อันจะทำให้สินค้านั้นพ้นไปจากความดูแลของผู้ขนส่งตามม.40(3) และม.39 แต่เป็นกรณีที่ผู้ขนส่งยังคงเก็บรักษาตู้สินค้าไว้เพื่อส่งมอบแก่ผู้รับตราส่งต่อไป เมื่อเหตุไฟไหม้ทำให้สินค้านี้เสียหายเกิดขึ้นในระหว่างที่ยังอยู่ในความดูแลของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าตามม.39 (เคยออกข้อสอบ)
-ฎ.2069/2543 จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งสินค้าโดยเรือ ช. ในระบบตู้สินค้าแบบ CY-CY เมื่อเรือ ช. เดินทางมาถึงประเทศไทย และจอดเทียบท่าเรือของจำเลยที่ 2 ได้มีการขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือไปไว้ที่ลานวางพักตู้สินค้าของจำเลยที่ 2 เพื่อรอให้ผู้รับตราส่งมารับ ต่อมาผู้รับตราส่งมารับมอบตู้สินค้าดังกล่าวไปจากจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าเม็ดพลาสติกเปียกน้ำและได้รับความเสียหายเนื่องจากหลังคาตู้สินค้าที่ใช้ขนส่งเป็นรูรั่ว ดังนี้ เมื่อผู้ขนส่งขนส่งตู้สินค้าถึงท่าเรือปลายทางและส่งมอบตู้สินค้าให้แก่เจ้าหน้าที่ท่าเรือของจำเลยที่ 2 ในสภาพตู้และดวงตราปิดผนึกปากตู้เรียบร้อย ความรับผิดของจำเลยที่ 1 จึงสิ้นสุดลง และเมื่อความเสียหายของสินค้ามิได้เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 1 หรือเกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด (ให้สังเกตความเสียหายเกิดจากตู้มีรูรั่ว ก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้จัดหาตู้)
-ฎ.9021/2543* โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขนส่งสินค้าทุเรียนสดทางทะเล โดยตกลงกันว่าต้องควบคุมอุณหภูมิในการเก็บรักษาสินค้าขณะขนส่งที่ระดับ 14 องศาเซลเซียส จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของสินค้าให้อยู่ในระดับดังกล่าวตามข้อตกลง เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิของตู้คอนเทนเนอร์ให้อยู่ในระดับตามข้อตกลงกับโจทก์ แต่กลับมีอุณหภูมิสูงกว่าข้อตกลงกว่า 1 เท่าตัว และเหตุที่สินค้าเสียหายเกิดจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ควบคุมอุณหภูมิของตู้คอนเทนเนอร์ตามข้อตกลงในการขนส่ง จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ใบตราส่งสินค้าระบุว่าสินค้าที่ขนส่งเป็นทุเรียนสด จำนวน 1,200 หีบห่อ อันเป็นการระบุจำนวนและลักษณะของหน่วยการขนส่งที่รวมกันนั้นไว้ในใบตราส่ง ดังนี้จึงต้องถือว่าสินค้าที่ขนส่งมีหน่วยการขนส่ง 1,200 หน่วย มิใช่ 1 ตู้คอนเทนเนอร์เป็น 1 หน่วยการขนส่ง ตามม.58 วรรคหนึ่ง แล้วได้เป็นจำนวนสูงกว่าการคิดคำนวณตามน้ำหนักสินค้า 30 บาท ต่อน้ำหนักสุทธิ 1 กิโลกรัม ต้องถือว่าจำนวนข้อจำกัดความรับผิดจำนวนที่สูงกว่า แต่เมื่อความเสียหายต่ำกว่าจำนวนเงินดังกล่าว จึงต้องถือเอาตามราคาสินค้าที่เสียหายแท้จริงตามม.58 วรรคสอง
-ฎ.216/2538 จำเลยสั่งซื้อสินค้าพิพาทจากบริษัท ก. ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วว่าจ้างโจทก์ขนส่งสินค้าทางทะเลแบบ CY/CY โดยบริษัท ก. เป็นฝ่ายนำตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้ามามอบให้โจทก์บรรทุกลงเรือ เมื่อมาถึงท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งเป็นท่าปลายทาง จำเลยมีหน้าที่ไปขนถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ภายใน 7 วัน แล้วส่งตู้คอนเทนเนอร์คืนโจทก์ จำเลยจะชำระราคาสินค้าให้บริษัท ก. โดยผ่านทางธนาคารแล้วจำเลยจะรับใบตราส่งจากธนาคารไปแลกใบสั่งปล่อยสินค้าจากโจทก์เพื่อไปรับสินค้าจากการท่าเรือฯ ต่อมาโจทก์ขนส่งสินค้าพิพาทไปถึงท่าเรือปลายทางและพร้อมจะส่งมอบสินค้าโดยยกตู้คอนเทนเนอร์ออกจากเรือ ทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับค่าระวางและค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยไม่ไปรับสินค้าตามข้อตกลง การที่จำเลยจะเรียกให้โจทก์ส่งมอบสินค้าหรือไม่ หามีผลต่อความรับผิดที่จำเลยมีตามข้อตกลงไม่
5.2) ในกรณีที่ผู้รับตราส่งไม่ทราบการมาถึงของเรือ เนื่องจากความผิดของผู้ขนส่ง ผู้รับตราส่งไม่ต้องรับผิดในการล่าช้า และหากมิได้มีประเพณีหรือสัญญากำหนดไว้เป็นพิเศษ ผู้ขนส่งไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งผู้รับตราส่งว่าพร้อมที่จะส่งมอบของ (ผู้ขนส่งมีหน้าที่เพียงแจ้งว่าสินค้ามาถึงแล้ว) แต่เป็นหน้าที่ของผู้รับตราส่งจะต้องเตรียมพร้อมเสมอ
-ฎ.5337/2553 การส่งมอบแบบ CFS เมื่อตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือ หน้าที่ของผู้ขนส่งก็สิ้นสุดลง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ หีบห่อสินค้าไม่มีความเสียหาย แต่เพิ่งมาพบภายหลังจากขนถ่ายออกจากตู้ไปเก็บไว้ในโรงพักสินค้า จึงไม่ถือว่าอยู่ในระหว่างความดูแลรับผิดชอบของผู้ขนส่ง
-ฎ.291/2548 "ผู้ขนส่งอื่น" ได้ขนส่งตู้สินค้าที่บรรจุสินค้ามาถึงท่าเรือปลายทาง และส่งมอบตู้สินค้าให้แก่การท่าเรือฯ โดยชอบแล้ว หน้าที่ของผู้ขนส่งอื่นย่อมสิ้นสุดลงตามม.40(3) จึงไม่ต้องรับผิดในการสูญหายของสินค้าในขณะที่สินค้าอยู่ในอารักขาของการท่าเรือฯ
-ฎ.79/2540 ไม่ว่าความรับผิดของผู้ขนส่งจะสิ้นสุดเมื่อมีการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าให้แก่การท่าเรือฯ หรือไม่ แต่เมื่อความชำรุดบกพร่องของตู้คอนเทนเนอร์มีมานานแล้ว เป็นเหตุให้น้ำรั่วเข้าไปจนสินค้าเสียหายระหว่างขนส่ง ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
5.3) การสิ้นสุดความรับผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งต้องรับผิดชอบในสินค้าที่ขนส่งนับแต่เวลารับมอบของ จนถึงเวลาที่การขนส่งเสร็จสิ้นและสินค้านำเข้าเก็บในคลังสินค้าเพื่อเจ้าของสินค้า และเจ้าของสินค้าพร้อมที่จะรับมอบ ลำพังสินค้ามาถึงปลายทางไม่เพียงพอที่จะปลดเปลื้องความรับผิดของผู้ขนส่ง
5.4) ผู้ขนส่งอาจจำกัดความรับผิดโดยแจ้งให้ผู้รับตราส่งทราบว่าสินค้าได้เก็บไว้ในคลังสินค้า และผู้ขนส่งจะไม่รับผิดชอบในความปลอดภัยของสินค้าก็ได้ แต่ผู้รับตราส่งจะต้องรับการแจ้งนั้นแล้ว ถ้าผู้รับตราส่งปฏิเสธที่จะรับมอบหรือละเลยที่จะรับมอบภายในเวลาอันสมควร ย่อมทำให้ความรับผิดของผู้ขนส่งสิ้นสุดลง
5.5) กรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ถือว่า ผู้ขนส่งได้ส่งมอบของซึ่งตนได้รับไว้แล้ว มีผลทำให้ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดในความสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า หลังจากที่ผู้ขนส่งได้ส่งมอบของดังกล่าว
-ฎ.1912/2540 ผู้ขนส่งซึ่งมีหน้าที่ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มายังท่าเรือกรุงเทพ ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่การท่าเรือฯ เพื่อให้โจทก์ผู้นำเข้าทำพิธีการทางศุลกากรและดำเนินพิธีการออกสินค้า ถือว่าผู้ขนส่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาครบถ้วนแล้ว หน้าที่การขนส่งสินค้าสิ้นสุดลง ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลัง
-ฎ.1639/2549* การขนส่งสินค้าเป็นแบบผู้ขนส่งสำค้าเข้าและออกจากตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำสินค้าของผู้ส่งแต่ละรายไปเก็บในคลังสินค้ารอผู้รับตราส่งมารับสินค้า บริษัทผู้รับตราส่งดำเนินพิธีศุลกากรแล้ว มาขอรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือฯ ได้รับแจ้งว่าสินค้าเสียหาย ต้องถือว่าวันที่มาขอรับสินค้าดังกล่าวเป็นวันที่ได้ส่งมอบสินค้าที่แท้จริงให้แก่ผู้รับตราส่งตามม.40(1) ไม่ใช่เป็นกรณีส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ให้แก่ผู้รับตราส่งที่ลานตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรับตู้คอนเทนเนอร์ไปเอง ซึ่งจะนับอายุความตั้งแต่การส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ตามม.40(3)

6. ม.58 วรรคหนึ่ง "ภายใต้บังคับมาตรา 60 ในกรณีที่ของซึ่งผู้ขนส่งได้รับมอบหมายสูญหายหรือเสียหายไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งไว้เพียงหนึ่งหมื่นบาทต่อหนึ่งหน่วยการขนส่ง หรือกิโลกรัมละสามสิบบาทต่อน้ำหนักสุทธิแห่งของนั้น แล้วแต่เงินจำนวนใดจะมากกว่า"
-ม.60 "การจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามมาตรา 58 มิให้ใช้บังคับแก่กรณีดังต่อไปนี้
  (1) การสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลจากการที่ผู้ขนส่งหรือตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้ขนส่งกระทำหรืองดเว้นกระทำการ โดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า หรือโดยละเลยหรือไม่เอาใจใส่ (แนวฎีกาคือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง) ทั้งที่รู้ว่าการสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้านั้นอาจเกิดขึ้นได้" กรณีนี้ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดอย่างเต็มจำนวน

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)