บทความ

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

ข้อ 1 ข้อใด ไม่ ถูกต้องตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ก. กรมส่งเสริมการเรียนรู้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ข. ในช่วงเปลี่ยนผ่าน สำนักงาน กศน. ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ค. ในวาระเริ่มแรก ให้ สสวท. ทำหน้าที่เป็นสถาบัน ง. กรมส่งเสริมการเรียนรู้อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ 2 หน่วยจัดการเรียนรู้ใดมีสถานะเป็นสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ก. สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดพะเยา ข. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอปาย ค. ศูนย์การเรียนรู้ตำบลบางระกำ ง. ถูกทุกข้อ ข้อ 3 ข้อใดเป็นเหตุผลที่กฎหมายว่าด้วยส่งเสริมการเรียนรู้รับรองให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่ได้ ก. ห่างไกล ข. ทุรกันดาร ค. เสี่ยงภัย ง. ถูกทุกข้อ ข้อ 4 หน่วยงานหลักที่มีหน้าที่จัด ส่งเสริม และสนับสนุนการเรียนรู้ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 คือหน่วยงานใด ก. กระทรวงศึกษาธิการ ข. สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ค. กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ง. ถูกทุกข้อ ข้อ 5 โดยหลักการจัด ส่งเสริม และสนับสนุนการเรียนรู้ มีกี่รูปแบบ ก. 1 รูปแบบ ข. 2 รูปแบบ ค. 3 รูปแบบ ง. 4 รูปแบบ ข้อ 6 กรมส่งเสริ

ไม่ใช่เจ้าหนี้ ฟ้องให้ล้มละลายไม่ได้ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2550)

คดีนี้โจทก์ทั้ง 150 คน ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน มีหน้าที่ควบคุมดูแลเบิกจ่ายเงินฝากตามระเบียบว่าด้วยเงินทุนสวัสดิการและการออมทรัพย์  โจทก์ทั้ง 150 คน ได้ฝากเงินไว้กับกองทุนเงินสวัสดิการออมทรัพย์ ต่อมาหน่วยงานได้ตรวจพบว่ามีการยักยอกเงินฝากไปจำนวน 12,921,065.21 บาท เงินดังกล่าวจำนวน 8,443,700 บาท เป็นเงินที่โจทก์ทั้ง 150 คน นำฝากไว้ จำเลยถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน และจำเลยได้ยอมรับต่อคณะกรรมการสอบสวนว่ายักยอกเงินดังกล่าวไปจริงและจะชำระเงินคืน จำเลยมิได้ชำระเงินคืนและได้หลบหนีไปจากเคหสถานที่เคยอยู่เพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ และจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ยักยอกเงินฝากตามฟ้อง หนี้ที่นำมาฟ้องเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน จำเลยมีทรัพย์สิน และมิได้หลบหนีไปเสียจากเคหสถานยังคงพักอาศัยในบ้านที่เคยอยู่ ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกฟ้อง ศาลล้มละลายกลางพิพากษา

การประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดีของข้าราชการครู (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 6/2566)

คดีนี้สื่บเนื่องมาจากศึกษาธิการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้ นาย ศ. ข้าราชการครู ออกจากราชการ เนื่องจากเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไป ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 30 (7) กรณีเป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีสำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากเคยถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีอาญา 2 คดี ดังนี้   ครั้งที่ 1 ถูกจับเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2543 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาว่ามีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเสพเมทแอมเฟตามีน   ครั้งที่ 2 ถูกจับเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2549 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาว่ามีความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา)  นาย ศ. จึงยื่นฟ้องคดีปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่ง ศาลปกครองชั้นต้นยกฟ้อง  นาย ศ. อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ระหว่างการพิจารณาคดี นาย ศ. โต้แย้งว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 30 (7) ไม่ได้กำหนดให้การกระทำเช่นใดถือเป็นการประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ซึ่งกรณีของนาย ศ. เป็นความผิดเล็กน้อย มิใช่การประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และไม่ก่อให้

การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (อัพเดต ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2566)

วันนี้ (7 กันยายน 2561) ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 โดยกำหนดให้มี กลุ่มกฎหมายและคดี ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีอำนาจหน้าที่ดังนี้ 1. ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการมีวินัยและรักษาวินัย 2. ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน 3. ดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับวินัยและการตรวจพิจารณาวินัย 4. ดำเนินการเกี่ยวกับการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ 5. ดำเนินการเกี่ยวกับการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์ 6. ดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 7. ดำเนินการเกี่ยวกับงานคดีปกครอง คดีแพ่ง คดีอาญา และคดีอื่นๆ ของรัฐ 8. ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 9. ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทำข้อมูลและติดตามประเมินผลเพื่อพัฒนางานกฎหมายและงานคดีของรัฐ 10. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย จากประกาศการแบ่งส่วนราชการเพิ่มเติมดังกล่าว ทำให้ปัจจุบัน สำนั

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

1. พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140/ตอนที่ 20 ก/หน้า 71/19 มีนาคม 2566 ประกอบด้วยบทบัญญัติ 36 มาตรา มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป) 2. พระราชบัญญัตินี้ ยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 และมีผลดังนี้   - เปลี่ยนสำนักงาน กศน. ในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงศึกษาธิการ   - โอนกิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพันทั้งปวง และอัตรากำลังของสำนักงาน กศน. ไปเป็นของกรมส่งเสริมการเรียนรู้   - บรรดาคดีของสำนักงาน กศน. ที่ฟ้องหรือถูกฟ้อง ให้ถือว่ากรมส่งเสริมการเรียนรู้เป็นผู้ฟ้องหรือถูกฟ้อง 3. นิยาม/คำจำกัดความ    "หน่วยจัดการเรียนรู้" หมายถึง     - ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ     - ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบล     - ศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่     - ศูนย์หรือสถาบันการเร

ข้อแตกต่างระหว่างหมิ่นประมาททางแพ่งและทางอาญา

หลักเกณฑ์ความผิดฐานหมิ่นประมาททางแพ่ง บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ส่วนความผิดทางอาญา บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 327 ดังนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์   มาตรา 423 บัญญัติว่า "ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้   ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่" ประมวลกฎหมายอาญา   มาตรา 326 บัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสอ

กฎกระทรวงกำหนดกรณีอื่นที่เจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ พ.ศ. 2566

นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงตามมาตรา 13 (6) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เพื่อกำหนดกรณีอื่นที่เจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ เพิ่มเติมขึ้นจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 13 (1) - (5) เพื่อให้การพิจารณาทางปกครองมีความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้ จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ (1) เคยเป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี (2) เป็นหรือเคยเป็นผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับคู่กรณี (3) เป็นหรือเคยเป็นผู้ซึ่งอยู่กันกับคู่กรณีที่เป็นบุคคลเพศเดียวกันโดยกำเนิดในลักษณะเดียวกันกับชายหญิงที่อยู่กินกันฉันสามีภริยา (4) เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานในความเป็นจริงไม่ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็นพี่น้อง หรือลูกพี่ลูกน้องในความเป็นจริงนับได้เพียงภายในสามชั้นของคู่กรณี (5) เป็นหรือเคยเป็นบุตรบุญธรรมของคู่กรณี หรือเป็นหรือเคยเป็นผู้รับคู่กรณีเป็นบุตรบุญธรรม (6) เป็นลุง ป้า น้า อา ของคู่กรณี (7) เป็นผู้พักอาศัยอยู่ร่วมกับคู่กรณีในสถานที่เดียวกันในลักษณะครัวเรือนเดียวกัน (8) เป็นลูกจ้างหรือที่ปรึกษาซึ่งได้รับค่าตอบแทนของคู่กรณี คลิกดาวน์โหลดไฟล์ กฎกระทรวงก

ข้าราชการเบิกค่าเช่าบ้าน ต้องไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ตลอดเวลาที่ใช้สิทธิ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2565)

พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 มาตรา 7 (2) กำหนดหลักเกณฑ์ไม่ให้สิทธิข้าราชการที่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องที่ที่ไปประจำสำนักงานใหม่เบิกค่าเช่าบ้าน โดยไม่มีบทบัญญัติให้ใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรานี้เฉพาะในขณะที่ข้าราชการยื่นขอใช้สิทธิ จึงต้องตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าว ต้องบังคับใช้ตลอดเวลาที่ข้าราชการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการ กล่าวคือ ข้าราชการผู้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านนั้นต้องไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องที่ที่ตนไปประจำในช่วงเวลาที่ขอใช้สิทธินี้ ไม่ใช่ตีความว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวบังคับใช้แต่เฉพาะเวลาที่ยื่นคำขอใช้สิทธิ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน โฉนดเลขที่ 2416 พร้อมบ้าน เลขที่ 146 ทั้งส่วนของบิดาและส่วนของน้องชายมาโ ดยไม่มีภาระหนี้ เกี่ยวกับบ้านหลังดังกล่าว จำเลยย่อมเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้อย่างสมบูรณ์   กรณีต้องด้วยหลักเกณฑ์ข้างต้นว่าจำเลยมีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองในท้องที่ที่ตนไปประจำ จำเลยจึงไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการ จำเลยต้องรับผิดคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รั

ไม่รับเงินวางศาลภายใน 5 ปี เงินตกเป็นของแผ่นดิน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2565)

คดีนี้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2558  จำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาผลร้ายให้โจทก์  ศาลชั้นต้นได้แจ้งให้โจทก์ทราบในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันที่ 3 สิงหาคม 2559 ว่าจำเลยนำเงินมาวางศาลและให้โจทก์ติดต่อรับเงิน (แม้โจทก์ไม่ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา แต่ศาลชั้นต้นได้จดแจ้งเหตุที่โจทก์ไม่ลงลายมือชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 50 (2) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แล้ว)  ทั้งต่อมาเมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ โจทก์ก็ระบุในอุทธรณ์ว่าจำเลยนำเงินมาวางศาล 5,000 บาท  ต้องถือว่าโจทก์ทราบว่าจำเลยนำเงินมาวางศาลและโจทก์มีสิทธิขอรับเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2559 แล้ว ( การที่ศาลชั้นต้นมีหนังสือแจ้งให้โจทก์มารับเงินที่จำเลยวางไว้ที่ศาลในภายหลัง เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 อีก ไม่ทำให้วันที่โจทก์ทราบว่าจำเลยนำเงินมาวางศาลและโจทก์มีสิทธิขอรับเงินดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป)   เงินที่จำเลยนำมาวางศาลและโจทก์ยังไม่มาขอรับ จึงเป็นเงินค้างจ่าย ดังนั้น การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอรับเงิน เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 เกินกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบว่ามีการว

ฉ้อโกงประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ครั้งเดียว แม้ผู้เสียหายหลงเชื่อหลายครั้ง ก็เป็นความผิดกรรมเดียว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2566)

การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าผู้กระทำความผิดประสงค์ต่อผลในการหลอกลวงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง  คดีนี้ไม่มีการสืบพยาน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชนทั่วไปทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะชักชวนบุคคลทั่วไปให้นำเงินมาลงทุนกับจำเลยและพวก และหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก  เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้จำเลยหลายครั้งตามวันเวลาที่โจทก์แยกบรรยายฟ้อง ซึ่งในแต่ละข้อที่โจทก์แยกบรรยายมานั้นมีข้อความทำนองเดียวกันว่า ผู้เสียหายหลงเชื่อจากการหลอกลวงของจำเลยกับพวกดังกล่าว และโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยกับพวก  แม้การโอนเงินของผู้เสียหายดังกล่าวจะกระทำหลายคราว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการหลอกลวงในครั้งแรก ซึ่งไม่ปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้กล่าวข้อความหลอกลวงใด ๆ ขึ้นใหม่ จึงต้องฟังว่าจำเลยกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวโดยมีเจตนาเดียว

การรักษาการแทน เลขาธิการ ก.ล.ต.

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการรักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการ สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องตามความมุ่งหมายของกฎหมาย โดยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140/ตอนพิเศษ 97 ง/หน้า 1/26 เมษายน 2566) จึงเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันนี้ (27 เมษายน 2566) เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 1. กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้      - ให้รองเลขาธิการเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ     - ถ้ามีรองเลขาธิการหลายคน ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้งรองเลขาธิการคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทน     - กรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนดังกล่าว ให้รองเลขาธิการที่มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการแทน 2. อำนาจหน้าที่ของผู้รักษาการแทน     - ผู้รักษาการแทนเลขาธิการ มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเลขาธิการ     -  กรณีมีกฎหมายหรือคำสั่งอื่น แต่งตั้งเลขาธิการเป็นประธานกรรมการ กรรมการ หรือกำหนดให้เลขาธิการมีอำ

บังคับคดีจากกองมรดกได้ภายใน 10 ปี ไม่ใช่เรื่องฟ้องคดีมรดก 1 ปี (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16195/2556)

โจทก์ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยออกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ และเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายไปแล้ว โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยเพิ่ม  เป็นกรณีที่โจทก์ ขอให้ดำเนินการบังคับคดีเอาจากกองมรดก ของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 (เดิม) ซึ่งโจทก์ มีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวภายในระยะเวลา 10 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องคดีมรดกซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่เมื่อโจทก์เจ้าหนี้ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม ที่มา - คำพิพากษาฎีกาที่ 16195/2556 , ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง   มาตรา 271 (เดิม) "ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา)มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง โดยอาศัยและตามคำบั

ธุรกิจรับทำงานการต่าง ๆ เรียกเอาเงิน (หนี้บัตรเครดิต) ที่ออกทดรองไปก่อน มีอายุความ 2 ปี (คำพิพากษาฎีกาที่ 1609/2540 ประชุมใหญ่)

โจทก์ให้บริการการใช้บัตรเครดิตแก่สมาชิกโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บัตรจากสมาชิก จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์และนำบัตรเครดิตดังกล่าวไปใช้เบิกเงินสดจากโจทก์ใช้ชำระค่าสินค้าและค่าบริการแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสด โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก การที่โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อน แล้วจึงเรียกเก็บจากสมาชิกในภายหลัง ก็เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) ที่มา  - คำพิพากษาฎีกาที่ 1609/2540 (ป) , ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา - ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์   มาตรา 193/34 "สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความสองปี   (1) ...   ...   (7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำงานการต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรอ

ย่อสั้น พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ย่อสั้น พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เป็นการย่อหลักกฎหมายสั้น ๆ ในแต่ละมาตรา โดยสามารถดูคำวินิจฉัยฉบับเต็ม/เอกสารที่อ้างอิงได้ที่ลิงก์ครับ (ซึ่งผมจะทยอยอัพเดตสม่ำเสมอนะครับ)  ***************   มาตรา 19 บัญญัติว่า "ถ้าปรากฏภายหลังว่าเจ้าหน้าที่หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือการแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ผู้นั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งเช่นว่านี้ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่"  - เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งนั้น ประกาศเลื่อนข้าราชการ ในขณะที่ยังไม่มีคำสั่งเพิกถอนให้พ้นจากตำแหน่ง การกระทำทางปกครองจึงมีผลต่อไปไม่ถูกกระทบกระเทือน ดังนั้น ประกาศเลื่อนข้าราชการจึงมีผลใช้ได้ ไม่เสียไป (คลิกอ่านฉบับเต็ม ความเห็นคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่องเสร็จที่ 778/2551)   มาตรา 43 บัญญัติว่า "คำสั่งทางปกครองที่มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือผิดหลงเล็กน้อยนั้น เจ้าหน้าที่อาจแก้ไขเพิ่มเติมได้เสมอ   ในการแก้ไขเพิ่มเ

อายุความการออกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

กรณีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐที่เสียหายจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐที่เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐมีคำสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลังในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด แต่จะต้องไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และมาตรา 448 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คดีนี้ เทศบาลตำบล บ. ได้จ่ายเงินในการจัดซื้อสินค้าให้แก่ผู้ขายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่าการจัดซื้อไม่เหมาะสมและทุจริต นายกเทศมนตรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยได้เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ว่าไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่กระทำด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงไม่มีผู้ใดต้องรับผิดช

เลิกกิจการมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย)

ผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) ได้แจ้งความประสงค์ขอเลิกดำเนินกิจการมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในการประชุมครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 พิจารณาเห็นชอบให้คำแนะนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีคำสั่งให้เลิกกิจการได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษา จึงมีคำสั่งให้เลิกกิจการมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่มา / ดาวน์โหลดไฟล์ คำสั่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ 1/2566 เรื่อง ให้เลิกกิจการมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ (ประเทศไทย) ลงวันที่ 4 มกราคม 2566

กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566

คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2561 จาก "ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา" เป็น "ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ตามเจตนารมณ์ของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ตั้งครรภ์" อนึ่ง คำว่า "สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้น ออกจากสถานศึกษาดังกล่าว ..." นั้น เป็นบทกำหน