บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2025

ผู้เสียหายแถลงให้คดีส่วนอาญาอยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่เป็นการยอมความ (ฎ.3681/2568)

การยอมความกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) หมายถึง การยอมความในทางอาญาเท่านั้น มิได้หมายความว่า เมื่อมีการยอมความกันไม่ว่าจะในเรื่องใดแล้ว จะทำให้คดีอาญาต้องระงับไปด้วย  เมื่อผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า "ไม่ติดใจดำเนินคดีส่วนแพ่งกับจำเลย สำหรับคดีส่วนอาญาขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล" คำแถลงของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลงไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางแพ่งเท่านั้น  ส่วนที่ผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า "สำหรับคดีส่วนอาญาขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล" นั้น เป็นการแถลงขอให้ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยตามที่เห็นสมควรเท่านั้น มิใช่เป็นการยอมความกัน   เมื่อไม่มีข้อตกลงโดยชัดแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางอาญา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)  ที่มา ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา

ความยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่ใช่เหตุแห่งการลงโทษ

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมพิจารณาร่างรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 จัดโดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจจำนวนมาก เช่น 1. มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นประมาณ 4,500 คน ถือได้ว่ามีการแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับการแสดงความคิดเห็นต่อกฎหมายอื่น 2. กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม อย่างมีนัยสำคัญและมีความละเอียดอ่อนสูง เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว เด็กด้อยโอกาส ขาดแคลนทุนทรัพย์ จนถึงปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และปัญหาการพัฒนาประเทศ สำหรับประเด็นที่ผมกล่าวถึง "ความยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่ใช่เหตุแห่งการลงโทษ" เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดมาตรการลงโทษปรับ (เป็นพินัย) เช่น ไม่ส่งเด็กเข้าเรียน ไม่เกิน 1,000 บาท , กระทำการใด ๆ เป็นเหตุให้เด็กมิได้เรียนโดยปราศจากเหตุอันสมควร ไม่เกิน 10,000 บาท เป็นต้น ซึ่งแนวคิดส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่าเป็นบทลงโทษที่เหมาะสม หรือเบาและควรแก้ไขปรับปรุงอัตราโทษให้หนักขึ้น เพื่อให้ตระหนักว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้...