สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 6-7)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 6-7)
อาจารย์วิวัฒน์ ว่องวิวัฒน์ไวทยะ
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2568
**********
สิทธิข้อที่ 5 ของผู้ค้ำประกัน สิทธิไล่เบี้ย ม.693 , 695 , 696
1. ม.693 "ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใด ๆ เพราะการค้ำประกันนั้น
อนึ่ง ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย"
อนึ่ง ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย"
-ตัวอย่าง ดำกู้เงิน 5 แสน คืนภายใน 1 ปี ดอกเบี้ย 10% ต่อปี และจำนองบ้านเป็นประกัน โดยมีขาวเป็นผู้ค้ำประกัน และเขียวเป็นผู้ค้ำประกัน หนี้ถึงกำหนดเจ้าหนี้ทวง ดำไม่จ่าย ทวงขาว ขาวใช้หนี้แทนเป็นต้นเงิน 5 แสน ดอกเบี้ย 5 หมื่น (ถ้าขาวจะไล่เบี้ยเขียว ใช้ม.682 วรรคสอง + 229(3) + 296) ถ้าขาวจะไล่เบี้ยดำ ต้องใช้ม.693 เมื่อขาวได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ได้ จึงไล่เบี้ยต้นเงิน 5 แสน ดอกเบี้ย 5 หมื่น ถ้าดำยังไม่จ่ายก็ต้องรับผิดดอกเบี้ยผิดนัดของต้นเงิน 5 แสนนับแต่ที่ผิดนัด และถ้ายังไม่จ่ายก็รับช่วงสิทธิม.693 วรรคสอง บังคับจำนองบ้านของดำ
-สิทธิไล่เบี้ยมีอายุความ 10 ปี
-ข้อสอบเนติ 71 เมื่อผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ตามม.693 (ถ้าผู้ค้ำประกันยังไม่ได้ชำระหนี้ ย่อมไม่มีสิทธิไล่เบี้ย)
1.1) ม.693 วรรคสอง ผู้ค้ำประกันจะรับช่วงสิทธิบังคับได้เฉพาะทรัพย์จำนองหรือทรัพย์จำนำของลูกหนี้เท่านั้น จะไปบังคับทรัพย์จำนองของผู้อื่นไม่ได้ (ฎ.13337/2556 , ข้อสอบเนติ 76)
-ตัวอย่าง จำเลยที่ 1 กู้เงิน 1 ล้าน โจทก์ค้ำประกัน 1 ล้าน จำเลยที่ 2 จำนองที่ดิน 1 ล้าน ถึงกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่จ่าย เจ้าหนี้ทวงโจทก์ โจทก์ยอมชำระหนี้แทน 1 ล้าน เมื่อโจทก์ชำระหนี้แล้ว เกิดสิทธิไล่เบี้ยตามม.693 แต่จำเลยที่ 1 ไม่จ่าย โจทก์จะบังคับจำนองจากจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะการรับช่วงสิทธิม.693 วรรคสอง ต้องเป็นของลูกหนี้ชั้นต้นเท่านั้น
-ฎ.4574/2536 น.กู้เงิน 20,000 บาท มีโจทก์ค้ำประกัน จำเลยค้ำประกัน น.ไม่ชำระ จนดอกเบี้ยเป็น 20,700 บาท โจทก์ใช้หนี้แทน 40,700 บาท โจทก์เกิดสิทธิไล่เบี้ยม.693 แต่ไม่ไล่เบี้ย (และไม่ได้ไล่เบี้ยจำเลย) โจทก์ให้ น. ทำสัญญากู้ฉบับใหม่ จำนวนเงิน 40,700 บาท สิทธิไล่เบี้ยม.693 ถูกแปลงหนี้ใหม่เป็นสัญญากู้ และฟ้อง น. น. ก็ไม่มีจ่าย โจทก์จึงฟ้องจำเลย ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อการแปลงหนี้ใหม่มีผลให้หนี้ตามสิทธิไล่เบี้ยแก่ น. ระงับไป และความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้เดิมของ น. และในฐานะลูกหนี้ร่วมกับโจทก์ย่อมระงับไปด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลย (ข้อสอบเนติ 59)
1.2) กรณีสิทธิไล่เบี้ยสิ้นสุดลง 2 กรณี คือ ม.695 และ ม.696
-ม.695 "ผู้ค้ำประกันซึ่งละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้นั้น ท่านว่าย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้เพียงเท่าที่ไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้รู้ว่ามีข้อต่อสู้เช่นนั้น และที่ไม่รู้นั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของตนด้วย"
-ผู้ค้ำประกันละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเพียงเท่าที่ไม่ยกข้อต่อสู้ เว้นแต่ไม่รู้โดยไม่ใช่ความผิดของตน
-ผู้ค้ำประกันละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันเอง ไม่ใช่ม.695 ผู้ค้ำประกันยังมีสิทธิไล่เบี้ยอยู่
-ตัวอย่าง ดำกู้เงิน 5 แสน เจ้าหนี้ส่งเงินกู้ แต่ไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ ขาวค้ำประกันโดยมีหลักฐานการค้ำประกัน และรู้ว่าดำไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ไว้ ต่อมาดำไม่ชำระหนี้ ขาวใช้หนี้แทน 5 แสน โดยละเลยไม่ยกข้อต่อสู้ของดำขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ ขาวสิ้นสิทธิไล่เบี้ยดำตามม.695
-ผู้ค้ำประกันไม่ยกข้อต่อสู้กรณีไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน ซึ่งถือเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้ที่มีต่อเจ้าหนี้ขึ้นต่อสู้ตามม.694 ทั้งที่ทราบดี ผู้ค้ำประกันย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเพียงเท่าที่ไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามม.695
-ม.696 "ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่ลูกหนี้ได้ ถ้าว่าตนได้ชำระหนี้แทนไปโดยมิได้บอกลูกหนี้ และลูกหนี้ยังมิรู้ความมาชำระหนี้ซ้ำอีก
ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ค้ำประกันก็ได้แต่เพียงจะฟ้องเจ้าหนี้เพื่อคืนลาภมิควรได้เท่านั้น"
ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ค้ำประกันก็ได้แต่เพียงจะฟ้องเจ้าหนี้เพื่อคืนลาภมิควรได้เท่านั้น"
-ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนโดยไม่บอกลูกหนี้ ลูกหนี้ไม่รู้ไปชำระหนี้ซ้ำ ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
-ต้องไปเรียกคืนจากเจ้าหนี้ฐานลาภมิควรได้
-ฎ.5241/2538 หนี้จำนวนที่ยังไม่ได้ชำระ 60,000 จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ป. ซึ่งถึงแก่กรรม ต่อมาถูกฟ้องและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ให้แก่บริษัท ธ. โดยไม่ได้ซ้ำกับยอดหนี้ส่วนที่โจทก์ (ผู้ค้ำประกัน) ได้ชำระ 390,000 แทนไปแล้ว ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้บอกแก่จำเลยว่าโจทก์ได้ชำระแทน ป. ให้จำเลยทราบก็ตาม ก็ชอบที่จะรับช่วงสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเงินจำนวน 390,000 บาทเอาแก่จำเลยได้ (หนี้เดิม 450,000 ผู้ค้ำประกันชำระ 390,000 แต่ไม่บอกลูกหนี้ ลูกหนี้ชำระส่วนที่ขาด 60,000 จึงไม่เข้าม.696 ผู้ค้ำประกันมีสิทธิไล่เบี้ยได้อยู่)
2. โทษของผู้ค้ำประกัน
-ม.692 "อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ลูกหนี้นั้น ย่อมเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย"
-ม.193/14 อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีดังต่อไปนี้ (1) ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง โดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย.... (2)... (3)...
-ม.193/15 เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความ และวรรคสอง เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น
-ม.692 ลูกหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง กฎหมายกำหนดให้เป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย
-ถ้าเป็นการรับสภาพความรับผิด ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
-ฎ.14285/2558 หนังสือรับว่าเป็นหนี้ (ทำหลังขาดอายุความ) เป็นเพียงการรับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง และไม่เป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันตามม.193/28 วรรคสอง
-ตัวอย่าง ดำและแดงร่วมกันกู้เงิน โดยมีขาวและเขียวเป็นผู้ค้ำประกัน ปีที่ 9 ดำทำหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ถัดมาอีก 2 ปี เจ้าหนี้ฟ้องทั้ง 4 คน อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ดำ ย่อมเป็นโทษแก่ขาวและเขียวตามม.692 ด้วย ดำ ขาวและเขียวอ้างขาดอายุความไม่ได้ แต่แดงอ้างขาดอายุความได้ เพราะม.295 การที่อายุความสะดุดหยุดลงแก่ลูกหนี้ร่วมคนใดก็เป็นโทษแก่ลูกหนี้ร่วมคนนั้น
-ผู้ค้ำประกันคนหนึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ไม่ทำให้อายุความลูกหนี้ชั้นต้นสะดุดหยุดลงแต่อย่างใด (ฎ.1438/2540 , ข้อสอบเนติ 61) และไม่มีผลถึงผู้ค้ำประกันรายอื่น (ฎ.14281/2558 , 6403/2561)
-ข้อสอบเนติ 61 นายสิบกู้เงินนายพันโดยจำนองที่ดินเป็นประกัน มีนายหมื่นค้ำประกัน ปีที่ 5 นายหมื่นชำระหนี้บางส่วน ต่อมาอีก 7 ปี นายพันฟ้องคดี (หนี้ค้ำประกันอายุความสะดุดหยุดลงเพื่อนายหมื่นชำระหนี้บางส่วน , ไม่มีผลถึงลูกหนี้ชั้นต้น หนี้เงินกู้ขาดอายุความ) ธงคำตอบ กรณีความรับผิดของนายหมื่นผู้ค้ำประกัน แม้นายหมื่นชำระหนี้บางส่วน ทำให้อายุความในหนี้ตามสัญญาค้ำประกันสะดุดหยุดลง มีผลให้ไม่ขาดอายุความ แต่หนี้ตามสัญญาค้ำประกันเป็นหนี้อุปกรณ์เพื่อประกันการชำระหนี้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นหนี้ประธาน เมื่อหนี้ประธานขาดอายุความ นายหมื่นผู้ค้ำประกันมีสิทธิตามม.694 ที่จะยกข้อต่อสู้ของนายสิบเรื่องหนี้กู้ยืมเงินขาดอายุความขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้ ศาลต้องยกฟ้อง นายหมื่นจึงไม่ต้องรับผิดต่อนายพันเจ้าหนี้ , กรณีบังคับจำนอง ม.744(1) อันจำนองย่อมระงับสิ้นไป เมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดมิใช่เหตุอายุความ แม้หนี้ประธานขาดอายุความ จำนองก็ไม่ระงับ และม.745 ผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้ นายพันเจ้าหนี้บังคับจำนองได้
3. ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด (5 หลุด)
3.1) เจ้าหนี้กระทำให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิอันให้ไว้แก่เจ้าหนี้ ม.697
3.2) หนี้ประธานระงับสิ้นไป ม.698
3.3) ค้ำประกันกิจการเนื่องกันฯ ไม่จำกัดเวลา ผู้ค้ำประกันเลิกคราวอันเป็นอนาคต ม.699
3.4) ค้ำประกันหนี้ต้องชำระ ณ เวลาแน่นอน เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ม.700
3.5) ผู้ค้ำประกันขอชำระเมื่อถึงกำหนดชำระ เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ม.701
4. ม.697 รับช่วงสิทธิไม่ได้
-ม.697 "ถ้าเพราะการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เอง เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดี จำนองก็ดี จำนำก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกันเพื่อชำระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น"
-เจ้าหนี้ทำให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิได้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด
-ม.697 ใช้กับเรื่องจำนองด้วยม.727
-ม.697 ออกข้อสอบบ่อยมาก***
-กรณีลูกหนี้มีการจำนองหรือจำนำ ถ้าการกระทำของเจ้าหนี้เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิจำนอง หรือไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิจำนำ อันลูกหนี้ได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือขณะทำสัญญาค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น
-ต้องเป็นจำนอง หรือจำนำ ที่มีอยู่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกัน , ถ้าทำสัญญาค้ำประกันแล้ว ลูกหนี้นำทรัพย์สินมาจำนองหรือจำนำ แล้วต่อมาเจ้าหนี้ปลดจำนองให้ลูกหนี้ ไม่เข้าม.697 ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด
-เจ้าหนี้ปลดจำนองหรือจำนำในทรัพย์จำนองหรือจำนำของลูกหนี้เท่านั้น จึงจะทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด ถ้าเจ้าหนี้ปลดจำนองหรือจำนำในทรัพย์ที่บุคคลอื่นนำมาประกันหนี้ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด (ฎ.13337/2556) ถ้าเจ้าหนี้ปลดจำนองให้บุคคลอื่นที่มาประกันหนี้ ไม่เข้าม.697 ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด
-ฎ.2718/2515 สิทธิตามม.697 ต้องเป็นสิทธิที่ให้อำนาจแก่เจ้าหนี้เหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น การจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิ โฉนดเป็นเพียงเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์ จำเลยที่ 1 มอบโฉนดให้โจทก์ยึดถือไว้ ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในตัวทรัพย์คือที่ดินตามโฉนด การที่โจทก์คืนโฉนดให้จำเลยที่ 1 ไป จึงไม่เป็นเหตุทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิดไปได้
-ข้อสอบเนติ 51 เป็นหนี้ค่าจ้าง และทำหนังสือระบุว่าจำนำเครื่องจักร พร้อมกับมีการค้ำประกัน แต่ไม่มีการส่งมอบเครื่องจักร เท่ากับไม่มีการจำนำตามม.747 แม้เจ้าหนี้แจ้งว่าไม่ต้องการรับจำนำแล้ว ก็ไม่เข้าม.697 เพราะไม่มีการจำนำ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด
-"หลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น" เช่น หนี้ 1 ล้าน จำนอง 6 แสน พร้อมกับมีการค้ำประกัน ต่อมาเจ้าหนี้ปลดจำนองให้ ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิด 6 แสน
-ข้อสอบเนติ 57 (เนติ 33 , 39) ดำกู้เงินแดง 1 ล้าน มอบแหวนจำนำ 6 แสน พร้อมกับมีขาวค้ำประกัน ต่อมาแดงให้ดำยืมแหวน แล้วดำไม่คืน ม.769(2) จำนำระงับ ขาวผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดเท่าที่ตนเสียหายคือ 6 แสน
-ตัวอย่าง ดำกู้เงิน 5 แสน จำนองบ้าน และจำนำรถยนต์ ต่อมามีขาวจำนองที่ดินเป็นประกัน หากเจ้าหนี้ปลดจำนองหรือจำนำของลูกหนี้ จะมีผลต่อขาวอย่างไร กรณีนี้ไม่มีการค้ำประกัน แต่บุคคลอื่นจำนองประกันหนี้ของบุคคลอื่น ม.727 นำม.697 ใช้บังคับด้วย ขาวจึงหลุดพ้นจากความรับผิดเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น
-ฎ.8370/2551 ข้อตกลงยกเว้นม.697 ซึ่งไม่ใช่กฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ และม.685/1 ไม่ได้ระบุห้ามไว้
5. ม.698 ระงับ
-ม.698 "อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด ในขณะเมื่อหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ"-หนี้ประธานระงับ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด
-ม.698 ใช้เฉพาะเรื่องค้ำประกัน ไม่ใช้กับจำนอง แต่เรื่องจำนองมีม.744 เฉพาะอยู่แล้ว
-ฎ.6343/2538 จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์ จึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อเดิมจึงระงับไป และได้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นตามม.850 จึงเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อตามมูลหนี้เดิม จึงไม่ต้องรับผิด
-ฎ.952/2523 การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ ไม่ได้ทำให้มูลหนี้เดิมระงับไป หนังสือรับสภาพหนี้เป็นเพียงหลักฐานแห่งการสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมนั่นเอง ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด อ้างม.698 ไม่ได้ (ข้อสอบเนติ 69)
6. ม.699 เลิกคราวอันเป็นอนาคต
-ม.699 "การค้ำประกันเพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวไม่มีจำกัดเวลาเป็นคุณแก่เจ้าหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันอาจเลิกเสียเพื่อคราวอันเป็นอนาคตได้ โดยบอกกล่าวความประสงค์นั้นแก่เจ้าหนี้ในกรณีเช่นนี้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดในกิจการที่ลูกหนี้กระทำลงภายหลังคำบอกกล่าวนั้นได้ไปถึงเจ้าหนี้"
-ผู้ค้ำประกันเลิกคราวอันเป็นอนาคต ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดเฉพาะคราวในอนาคต (หนี้ในอดีตก่อนบอกเลิก ยังต้องรับผิด)
-ม.699 ไม่ใช้ในจำนองเพื่อหนี้บุคคลอื่น
-ข้อตกลงที่แตกต่างจากม.699 เป็นโมฆะตามม.685/1
-บอกด้วยวาจาก็ได้ แต่ต้องไปถึงเจ้าหนี้ , แม้เจ้าหนี้จะไม่ยินยอมก็ตาม
7. ม.700 ผ่อนเวลา
-ม.700 "ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนและเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ผู้ค้ำประกันจะได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้นข้อตกลงที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ล่วงหน้าก่อนเจ้าหนี้ผ่อนเวลาอันมีผลเป็นการยินยอมให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลา ข้อตกลงนั้นใช้บังคับมิได้
ความในวรรคสอง มิให้ใช้บังคับแก่กรณีผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือค้ำประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระ"
-หนี้ที่ค้ำประกันมีกำหนดเวลาชำระหนี้แน่นอน (ตามวันปฏิทิน หรืออาจคำนวณนับได้ตามวันปฏิทิน) และเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
-ข้อสอบเนติ 63 การค้ำประกันความเสียหายของบุคคลเข้าทำงาน มิใช่การค้ำประกันหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้แน่นอน (เพราะไม่แน่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อใด) แม้เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันก็ไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
-สัญญากู้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ หนังสือทวงถามเป็นเพียงหลักฐนที่โจทก์เรียกให้จำเลยชำระหนี้ภายในเวลาที่โจทก์กำหนดเท่านั้น จะถือเป็นหลักฐานว่าโจทก์จำเลยตกลงกำหนดเวลาชำระหนี้แ่นอนแล้วหาได้ไม่
-สัญญากู้ยืมมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ เช็คที่ผู้กู้ลงวันที่่วงหน้าออกให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ ไม่ได้เป็นการตกลงให้เป็นการกำหนดวันหรือระยะเวลาชำระหนี้เป็นการแน่นอนขึ้นแต่อย่างใด
-ม.700 การผ่อนเวลา คือ จะต้องเป็นการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ตกลงผ่อนเวลาแน่นอน และมีผลว่าในระหว่างผ่อนเวลานั้น เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้อง ฟ้องร้องลูกหนี้ไม่ได้ ผู้ค้ำประกันจึงจะหลุดพ้นจากความรับผิด , แต่ถ้าในระหว่างเวลานั้น เจ้าหนี้ยังมีสิทธิฟ้องได้ จะไม่ถือเป็นการผ่อนเวลา
-ม.700 ใช้กับจำนองเพื่อหนี้บุคคลอื่นด้วยม.727
-ฎ.3521/2567 หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงทำบันทึกยินยอมให้จำเลยที่ 1 พักชำระหนี้ ตั้งแต่งวดที่ 21 ประจำวันที่ 10 เมษายน 2563 ซึ่งยังค้างชำระอยู่ 64 งวด โดยให้เริ่มผ่อนชำระตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา และงวดต่อไปทุกวันที่ 10 ของทุกเดือนถัดไปจนกว่าจะครบถ้วน มีผลให้กำหนดเวลาชำระค่างวดจากเดิมครบกำหนดงวดที่ 84 วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ขยายออกไปถึงวันที่ 10 มกราคม 2569 ถือว่าโจทก์ยอมผ่อนเวลาให้จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ โดยจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันไม่ได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้น จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดต่อโจทก์ตามม.700 วรรคหนึ่ง
-ฎ.306/2473 การที่โจทก์รับเงินตามแต่จำเลยที่ 1 จะส่งให้นั้น ไม่เป็นการผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ซึ่งจะถือเป้นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิดไปได้ เพราะไม่เป็นการผูกมัดโจทก์แต่อย่างใด
-ฎ.3130/2533 การที่หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว เจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระ เจ้าหนี้คงยังมีสิทธิเรียกร้องเมื่อใดก็ได้ ยังไม่ใช่การผ่อนเวลา ผู้ค้ำประกันจึงไม่หลุดพ้นความรับผิด
-การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และสัญญาจะชำระหนี้ภายใน 30 วัน โดยเจ้าหนี้มิได้ตกลงด้วย มิใช่การผ่อนเวลา (ฎ.238/2508) แต่ถ้าเจ้าหนี้ตกลงยินยอมด้วย ถือเป็นการผ่อนเวลา (ฎ.725/2509)
-หากเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ได้ผ่อนเวลาแล้ว ผู้ค้ำประกันตกลงด้วยในการผ่อนเวลานั้นในขณะที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลา หรือภายหลังต่อมาผู้ค้ำประกันตกลงยินยอมด้วยเช่นนี้ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
-ม.700 วรรคสองที่แก้ไขใหม่ กำหนดว่า ข้อตกลงที่ผู้ค้ำประกันทำไว้ล่วงหน้าก่อนเจ้าหนี้ผ่อนเวลา อันมีผลเป็นการยินยอมให้เจ้าหนี้ผ่อนเวลา ข้อตกลงนั้นใช้บังคับไม่ได้ (เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามวรรคสาม ผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือค้ำประกันเพื่อสินจ้างเป็นปกติธุระ ทำข้อตกลงล่วงหน้าได้)
-ข้อสอบเนติ 77 สิทธิเมื่อเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ลูกหนี้ ม.691 วรรคหนึ่ง ตอนท้าย ข้อตกลงลดหนี้ที่ทำขึ้นภายหลังที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้แล้ว หากในข้อตกลงนั้น มีการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ มิให้ถือว่าเป็นการผ่อนเวลาตามม.700
8. ม.701 ไม่ยอมรับชำระหนี้
-ม.701 "ผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตั้งแต่เมื่อถึงกำหนดชำระก็ได้ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด"
-เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันขอปฏิบัติการชำระหนี้ (แบบครบถ้วนถูกต้องทุกอย่าง) แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
-ม.701 ใช้กับจำนองเพื่อหนี้บุคคลอื่นด้วยม.727
-ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ค้ำประกันจะขอชำระหนี้ ไม่เข้าม.701
-ผู้ค้ำประกันต้องพร้อมปฏิบัติการชำระหนี้ ไม่ใช่แค่พูดคุยขอชำระหนี้
-เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ผู้ค้ำประกันขอชำระหนี้ เจ้าหนี้ไม่รับ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด แต่ลูกหนี้ไม่หลุดพ้น
-จำนอง อย่าลืมม.707 , 727 ที่ให้นำมาตราที่ระบุไปใช้
ส่วนม.682 , 689 , 692 , 694 , 699 ไม่ใช้กับเรื่องจำนอง
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น