สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 11)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 11)
อาจารย์อภิชาติ คงชาตรี
วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568
**********
1.1) วิธีการบังคับจำนอง ม.728-729/1 , 735
1.2) ผู้รับจำนองหลายคน ม.730-732
-ถือลำดับผู้รับจำนองตามวันและเวลาจดทะเบียน ม.730
-ผู้รับจำนองคนหลังจะบังคับให้เสียหายแก่ผู้รับจำนองคนก่อนหาอาจทำได้ไม่ ม.731
-ได้เงินสุทธิ ให้จัดใช้แก่ผู้รับจำนองเรียงลำดับ ม.732
1.3) ทรัพย์จำนองมีหลายสิ่ง ม.734
-ห้ามบังคับมากสิ่งกว่าที่จำเป็น
-บังคับทั้งหมดพร้อมกัน ให้แบ่งภาระหนี้กระจายไปตามส่วนแห่งราคาแห่งทรัพย์สินนั้น
2. วิธีการบังคับจำนอง 4 วิธี
2.1) ผู้รับจำนองบอกกล่าวแล้ว ฟ้องผู้จำนอง เพื่อยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง ม.728
2.2) ผู้รับจำนองบอกกล่าวแล้ว ฟ้องผู้จำนอง เพื่อเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดแทนการขายทอดตลาด ม.729
2.3) ผู้รับจำนองบอกกล่าวแล้ว ฟ้องผู้รับโอนทรัพย์จำนอง เพื่อยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง ม.735
2.4) ผู้จำนองแจ้งให้ผู้รับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดี ม.729/1
3. ม.728 "เมื่อจะบังคับจำนองนั้น ผู้รับจำนองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อน ว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่ลูกหนี้ได้รับคำบอกกล่าวนั้น ถ้าและลูกหนี้ละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้พิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาดก็ได้
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นกรณีผู้จำนองซึ่งจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นต้องชำระ ผู้รับจำนองต้องส่งหนังสือบอกกล่าวดังกล่าวให้ผู้จำนองทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ส่งหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ ถ้าผู้รับจำนองมิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนั้น ให้ผู้จำนองเช่นว่านั้นหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาสิบห้าวันดังกล่าว"
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นกรณีผู้จำนองซึ่งจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นต้องชำระ ผู้รับจำนองต้องส่งหนังสือบอกกล่าวดังกล่าวให้ผู้จำนองทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ส่งหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ ถ้าผู้รับจำนองมิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาสิบห้าวันนั้น ให้ผู้จำนองเช่นว่านั้นหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาสิบห้าวันดังกล่าว"
-ถ้าผู้รับจำนอง ฟ้องโดยไม่มีการขอให้ยึดและขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจำนอง ก็จะเป็นการฟ้องแบบเจ้าหนี้สามัญ
-บรรดาข้อตกลงเกี่ยวกับการจำนองที่แตกต่างไปจากม.728 , 729 , 735 เป็นโมฆะ ตามม.714/1
3.1) ผู้รับจำนองต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ผู้จำนองก่อน ว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 60 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ได้รับคำบอกกล่าวนั้น
-ฎ.2577/2535 คดีก่อนไม่มีการบอกกล่าว ศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าก่อนฟ้องได้มีหนังสือบอกกล่าวฯ โจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดแล้ว ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
-ฎ.1608/2506 หากไม่กำหนดเวลา การบอกกล่าวไม่ชอบ ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำนอง
-ฎ.4777/2564 กำหนดเวลาน้อยกว่า 60 วัน เป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองที่ไม่ชอบ จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำนอง
-ฎ.5702/2562 บอกกล่าวน้อยกว่า 60 วัน แต่ยังไม่ได้ฟ้องทันที ทิ้งเวลาให้เกิน 60 วัน ถือว่าบอกกว่าน้อยกว่า 60 วัน (นับเฉพาะเวลาตามที่ระบุในหนังสือบอกกล่าว) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
3.2) ต้องรอให้ผ่านพ้นระยะเวลาที่กำหนดไปก่อน แล้วลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว
-ฎ.1442/2523 การมาฟ้องก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
3.3) การบอกกล่าวต้องทำเป็นหนังสือ
-ฎ.7908/2538 กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือเท่านั้น มิได้กำหนดเป็นแบบไว้แต่อย่างใด
-ฎ.462/2550 ม.728 โจทก์ไม่ต้องระบุทรัพย์ซึ่งจำนองไปในคำบอกกล่าว
-ฎ.337/2540 ไม่จำต้องส่งคำบอกกล่าวโดยทางจดหมายลงทะเบียนตอบรับ (ยื่นจดหมายต่อหน้าพยาน ก็เป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองชอบแล้ว)
3.4) ต้องบอกกล่าวให้ถูกคน
-ฎ.750/2504 สามีมอบอำนาจให้ภริยาทำสัญญาจำนองแทน การบอกกล่าวบังคับจำนองแก่ภริยา หามีผลไปถึงสามีไม่ เพราะการมอบอำนาจไม่ได้รวมถึงการบังคับและการไถ่จำนอง
-ฎ.55553/2542 ผู้จำนองถึงแก่กรรมก่อนมีการบอกกล่าว การบอกกล่าวเป็นเงื่อนไขที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองจะต้องกระทำให้ถูกต้องก่อน จึงจะฟ้องบังคับจำนองได้ การบอกกล่าวเป็นการแสดงเจตนาที่จะต้องมีผู้รับการแสดงเจตนาคือผู้จำนอง เมื่อผู้จำนองถึงแก่กรรมก่อนผู้รับจำนองมีหนังสือบอกกล่าว แม้จะมีผู้อื่นรับหนังสือนั้นไว้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองที่ชอบ
3.5) กรณีที่ไม่ใช่ฟ้องบังคับจำนอง ก็ไม่ต้องบอกกล่าว
-ฎ.9075/2551 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามป.วิ.พ.ม.289 มิใช่การฟ้องบังคับจำนองโดยวิธีทั่วไป เมื่อมิได้ขอให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดตามป.พ.พ.ม.728 ผู้ร้องจึงไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน (เจ้าหนี้สามัญอื่นฟ้องคดี ยึดและขายทอดตลาด ผู้รับจำนองใช้สิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้)
-ฎ.3641/2533 ฟ้องอย่างเจ้าหนี้สามัญตามม.214 , การจำนองไม่ห้ามเจ้าหนี้ผู้รับจำนองต้องผูกพันที่จะบังคับชำระหนี้เอาแต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองแต่ทางเดียว การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดำเนินการบังคับคดียึดที่ดินของผู้ร้องซึ่งจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมไว้แก่โจทก์นั้น เป็นการใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้สามัญ ย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย รวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้โดยไม่ต้องอยู่ในบังคับบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับจำนอง
4. ม.729 "ในการบังคับจำนองตามมาตรา 728 ถ้าไม่มีการจำนองรายอื่นหรือบุริมสิทธิอื่นอันได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดภายในบังคับแห่งเงื่อนไขดังจะกล่าวต่อไปนี้แทนการขายทอดตลาดก็ได้
(1) ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และ
(2) ผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นน้อยกว่าจำนวนเงินอันค้างชำระ"
(1) ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึงห้าปี และ
(2) ผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาทรัพย์สินนั้นน้อยกว่าจำนวนเงินอันค้างชำระ"
-ม.729(1) ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาถึง 5 ปี (หนี้ประธานมีการคิดดอกเบี้ย)
-ฎ.2463/2558 สัญญาจำนองที่ดินพิพาทเกิดจากการนำมูลหนี้ต่าง ๆ ที่มีก่อนหน้านั้นมารวมเป็นยอดหนี้จำนอง... โจทก์มีสิทธิได้รับชำระต้นเงินและดอกเบี้ยรวม 13,996,297 บาท แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินพิพาทมีราคาประเมินของทางราชการ 19,645,000 บาท ราคาทรัพย์จำนองจึงสูงกว่าจำนวนหนี้ที่จำเลยค้างชำระ โจทก์จึงไม่อาจเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดได้
-ม.729 ต้องมีการบอกกล่าว ถ้าไม่มีการบอกกล่าวตามม.728 ก่อน จะบังคับเอาทรัพย์ให้หลุดจำนองไม่ได้
-บรรดาข้อตกลงเกี่ยวกับการจำนองที่แตกต่างไปจากม.728 , 729 , 735 เป็นโมฆะ ตามม.714/1
5. ม.735 "เมื่อผู้รับจำนองคนใดจะบังคับจำนองเอาแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนอง ผู้รับจำนองต้องมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อน จึงจะบังคับจำนองได้"
5.1) ก่อนฟ้องต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือ ไปยังผู้รับโอนทรัพย์จำนองก่อน มิฉะนั้นไม่มีอำนาจฟ้อง
-ฎ.15786/2556* จำเลยเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินจำนองจากการขายทอดตลาด แม้ยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนอง จำเลยก็เป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองตามม.735 โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบแล้ว ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะผู้รับโอนทรัพย์สินติดจำนองได้ ส่วนที่จำเลยยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินติดจำนอง เป็นเพียงขั้นตอนต่อไปซึ่งจำเลยต้องดำเนินการเพื่อให้การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดสมบูรณ์เท่านั้น ไม่มีผลถึงกับทำให้จำเลยไม่ใช่ผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองตามม.735
5.2) ไม่ต้องบอกกล่าวผู้จำนองอีก เพราะทรัพย์จำนองโอนไปแล้ว
5.3) วิธีการบอกล่าวเทียบเคียงม.728 จึงต้องมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน
5.4) นอกจากมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้รับโอนแล้ว ยังต้องฟ้องผู้รับโอนเพื่อบังคับจำนอง
-ฎ.288/2537 ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนทรัพย์ซึ่งจำนองมาก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์เพียงแต่บอกกล่าวบังคับจำนองไปยังผู้ร้องตามม.735 โดยมิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วยนั้น จึงไม่ใช่เป็นการบังคับจำนองที่ถูกต้อง
5.5) ข้อยกเว้นไม่ต้องบอกกล่าวผู้รับโอน
-ไม่ทราบจึงไม่มีทางบอกกล่าวได้ ฎ.7297/2537 (มีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนกัน) ที่ดินที่จำนองมีการออก น.ส.3 และน.ส.3ก ซ้อนกัน น.ส.3ระบุว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและนำมาจำนองแก่โจทก์ ส่วนน.ส.3ก มีชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของ ผู้ร้องซื้อที่ดินจากผู้อื่น รับโอนทางทะเบียนและเข้าครอบครองทำประโยชน์ โจทก์ไม่ทราบมาก่อน จึงไม่มีทางที่โจทก์จะมีจดหมายบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนบังคับจำนองได้ ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองตามความมุ่งหมายม.735 โจทก์จึงไม่ต้องบอกกล่าวแก่ผู้ร้องล่วงหน้าก่อนการบังคับจำนอง (จำนองเป็นทรัพยสิทธิ แม้ไม่ปรากฏในสารบัญจดทะเบียน จำนองก็เกิดขึ้นแล้ว ใช้ยันบุคคลทั่วไปได้ ผู้รับจำนองจึงสามารถบังคับจำนองได้)
-ฎ.5508/2562 เมื่อมีการแบ่งแยกที่ดินพิพาทออกไปเป็นที่ดินอีกแปลงหนึ่ง ต้องถือว่าที่ดินพิพาทที่แบ่งแยกออกไปพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังคงมีการจำนองครอบติดอยู่ด้วยตามม.717 วรรคหนึ่ง แม้ไม่มีการจดแจ้งไว้ในสารบัญจดทะเบียนโฉนดที่ดินว่ามีการจำนองครอบติดอยู่ และแม้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับซื้อฝากเสียค่าตอบแทนและได้มาโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ก็หาทำให้สิทธิจำนองซึ่งเป้นทรัพยสิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์จำนองเสื่อมเสียไปไม่ ตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
-ผู้รับโอนมรดก (ผู้สืบสิทธิ) ฎ.8706/2554 จำเลยทั้งห้าเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จำนองมาจากนาย ก. สืบเนื่องมาจากการรับมรดก จึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของนาย ก. กล่าวคือต้องรับผิดตามสัญญาจำนองแทนนาย ก. หาใช่เป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองแต่อย่างใด จึงมิต้องด้วยม.735
-บรรดาข้อตกลงเกี่ยวกับการจำนองที่แตกต่างไปจากม.728 , 729 , 735 เป็นโมฆะ ตามม.714/1
6. ม.729/1 "เวลาใด ๆ หลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระ ถ้าไม่มีการจำนองรายอื่นหรือบุริมสิทธิอื่นอันได้จดทะเบียนไว้เหนือทรัพย์สินอันเดียวกันนี้ ผู้จำนองมีสิทธิแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองดำเนินการให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองโดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีต่อศาล โดยผู้รับจำนองต้องดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น ทั้งนี้ ให้ถือว่าหนังสือแจ้งของผู้จำนองเป็นหนังสือยินยอมให้ขายทอดตลาด
ในกรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว
เมื่อผู้รับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิจำนวนเท่าใด ผู้รับจำนองต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์ให้เสร็จสิ้นไป ถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนอง หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น แต่ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่ค้างชำระ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 733 และในกรณีที่ผู้จำนองเป็นบุคคลซึ่งจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ผู้จำนองย่อมรับผิดเพียงเท่าที่มาตรา 727/1 กำหนดไว้"
ในกรณีที่ผู้รับจำนองไม่ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ผู้จำนองพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้ค้างชำระ ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าว
เมื่อผู้รับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองได้เงินสุทธิจำนวนเท่าใด ผู้รับจำนองต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์ให้เสร็จสิ้นไป ถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนอง หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น แต่ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่ค้างชำระ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 733 และในกรณีที่ผู้จำนองเป็นบุคคลซึ่งจำนองทรัพย์สินเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ ผู้จำนองย่อมรับผิดเพียงเท่าที่มาตรา 727/1 กำหนดไว้"
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น