สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 10)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 10)
อาจารย์อภิชาติ คงชาตรี
วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568
**********
-เป็นประกัน ผลคือ ผู้รับจำนองมีบุริมสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น แม้ทรัพย์จำนองจะมีการโอนต่อไปยังบุคคลภายนอกแล้วก็ตาม (จำนองเป็นทรัพยสิทธิ ใช้ยันบุคคลทั่วไปได้)
1.1) แม้เจ้าหนี้อื่นจะบังคับคดีขายทอดตลาด
-ฎ.2283/2539 ธนาคาร ท. เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำองที่ดินและบ้านพิพาท จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญตามม.702 วรรคสอง แม้โจทก์จะบังคับคดียึดที่ดินและบ้านพิพาทขายทอดตลาด ธนาคาร ท. ก็ยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนโจทก์
1.2) แม้ไม่ขอรับชำระหนี้ก่อน ตามป.วิ.พ.
-ฎ.14202/2555 แม้ ป.วิ.พ. ม.289 ให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาด เพื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนอง และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้รับจำนองให้ได้รับจัดสรรการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว โดยจะสะดวกกว่าให้ผู้รับจำนองไปฟ้องบังคับแก่ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดในภายหลัง แต่ถ้าผู้รับจำนองไม่ยื่นคำร้องขอภายในกำหนดดังกล่าว ก็หาทำให้ผู้รับจำนองต้องหมดสิทธิไปไม่ โดยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนอง ซึ่งอาจร้องขอให้บังคับคดีเหนือทรัพย์พิพาทได้ตามป.วิ.พ.ม.289 อีกทั้งสิทธิรับจำนองเป็นทรัพยสิทธิซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกฎหมายจะระงับสิ้นไปก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งได้บัญญัติไว้ในม.744 ดังนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองจึงมีบุริมสิทธิที่จะบังคับเหนือทรัพย์พิพาทก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วย และเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเอาทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองตามความประสงค์ของผู้ร้องแล้ว ก็ต้องชำระหนี้จำนองแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองก่อนตามม.732 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทได้
-ฎ.2401/2558 จำนองเป็นทรัพยสิทธิซึ่งตกติดไปกับตัวทรัพย์ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดถังน้ำพิพาทอันเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของเครื่องจักรที่จำเลยจำนองแก่ผู้ร้องโดยไม่มีภาระจำนองตามคำขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ก็ไม่มีผลให้สิทธิจำนองที่ผู้ร้องมีอยู่เสื่อมเสียไป สิทธิจำนองของผู้ร้องมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น แม้โจทก์มิได้แจ้งให้เจ้าพนักงนบังคับคดีทราบถึงการจำนองที่มีอยู่ในทรัพย์สินนั้นก็ไม่ทำให้การยึดเสียไป และชอบที่ผู้ร้องจะขอใช้สิทธิขอรับชำระหนี้จำนองจากทรัพย์ซึ่งจำนอง จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดโดยอ้างเหตุว่ามีการยึดไม่ชอบไม่ได้
1.3) แม้ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483
-ฎ.8437/2561 ตามม.702 วรรคสอง ผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ และตามพ.ร.บ.ล้มละลายฯ ม.95 เจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ หนี้จำนองจึงเป็นทรัพยสิทธิเหนือทรัพย์จำนอง โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองย่อมเป็นผู้มีทรัพยสิทธิเหนือทรัพย์พิพาท ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญ มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะโอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ โดยไม่จำต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ เนื่องจากโจทก์มิใช่เจ้าหนี้ไม่มีประกันแต่ประการใด
1.4) แม้จะไม่บังคับจำนองภายใน 10 ปี
-ฎ.7397/2561 การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองตามคำพิพากษาไม่บังคับคดีภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นที่สุดในคดีนั้น ตามป.วิ.พ.ม.271 (เดิม) มีผลเพียงทำให้ผู้ร้องหมดสิทธิบังคับคดีในคดีดังกล่าว แต่ไม่เป็นเหตุให้หนี้จำนองระงับสิ้นไป ทรัพยสิทธิจำนองยังคงมีอยู่ และสามารถใช้ยันต่อลูกหนี้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองนั้นต่อไปได้ แต่ผู้ร้องจะบังคับดอกเบี้ยเกินกว่า 5 ปีไม่ได้ตามม.745 (หมดสิทธิบังคับคดีในคดีนั้น ถ้ามีการบังคับคดีโดยเจ้าหนี้สามัญในคดีอื่น ผู้รับจำนองก็ชอบที่จะร้องขอรับชำระหนี้ในคดีนั้น ให้ขายแบบปลอดจำนองต่อไป)
1.5) คำว่า "ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น" ไม่รวมถึงการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม
-ฎ.2117/2565 แม้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชําระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้จํานองก่อนเจ้าหนี้อื่น แต่ตาม ป.วิ.พ. ม.324 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติให้เจ้าหนี้จํานองมีสิทธิที่จะได้รับชําระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้นั้น ต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาบังคับคดีชําระหนี้ในหนี้เงิน ซึ่งลูกหนี้ตามคําพิพากษาเป็นหนี้แก่ตน แล้วขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคําพิพากษาเพื่อนําออกขายทอดตลาดชําระหนี้ คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเพื่อนำออกขายทอดตลาดแล้วนําเงินมาแบ่งให้โจทก์และจําเลยตามส่วน อันเป็นวิธีการแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างผู้มีสิทธิร่วมกันตาม ป.พ.พ. ม.1364 วรรคสอง โจทก์และจําเลยมิใช่เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคําพิพากษาต่อกัน จึงมิใช่การร้องขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคําพิพากษาที่ผู้ร้องจะใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจํานองยื่นคําร้องขอให้มีคําสั่งให้ผู้ร้องได้รับชําระหนี้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างก่อนเจ้าหนี้อื่นตาม ป.วิ.พ. ม.324 ได้
2. มิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่
-ผลคือ ผู้รับจำนองจึงบังคับจำนองแก่ผู้รับโอนทรัพย์จำนองได้ ไม่ว่าทรัพย์จำนองจะโอนไปกี่ทอด
2.1) ม.702 วรรคสอง เป็นกรณีจำนองก่อนมีการโอนทรัพย์จำนอง จำนองจึงเป็นทรัพยสิทธิตกติดไป
-ฎ.416/2536 จําเลยเพิ่งซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจาก ณ และเข้าครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทภายหลัง
จากที่โจทก์ได้รับจํานองที่ดินและบ้านพิพาทไว้จาก ณ แล้ว โจทก์จึงได้สิทธิจํานองในที่ดินและบ้านพิพาทโดยชอบ
และมีสิทธิบังคับจําเลยให้ชําระหนี้จํานองได้
-ผู้จำนองมีสิทธิโอนทรัพย์จำนองได้
-ผู้รับจํานองจึงต้องมอบโฉนดให้ไปใช้จดทะเบียนโอน
2.2) แม้จะเป็นการโอนเพราะขายทอดตลาดตามคําสั่งศาล จํานองก็ตกติดไป
-ฎ.1587/2555 แม้จําเลยจะซื้อบ้านพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคําสั่งศาลโดยสุจริต แต่สิทธิของจำเลยก็ได้มาภายหลังจากที่โจทก์ได้รับจํานองบ้านพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงไม่ทําให้สิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ในทรัพย์จํานองระงับสิ้นไปได้ การจํานองบ้านพิพาทจึงยังคงมีอยู่ไม่ระงับสิ้นไป โจทก์จึงคงมีสิทธิจะบังคับจํานองเอาแก่บ้านพิพาทที่จําเลยซื้อได้ตาม ป.พ.พ. ม.744 และม.702 วรรคสอง
-ต้องมีการจดทะเบียนจำนอง จำนองจึงตกติดไป (ตามหลักถ้าไม่จดทะเบียนจำนอง จำนองไม่เกิด)
-แม้ผู้รับโอนทรัพย์จํานองจากการขายทอดตลาด ยังมิได้จดทะเบียนการรับโอน (ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดเป็นผู้รับโอนทรัพย์นั้นทันที แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนการรับโอน)
2.3) แม้จะโอนตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอม จำนองก็ตกติดไป
2.4) แม้จะโอนตามคําพิพากษา จำนองก็ตกติดไป
2.5) แม้ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ แต่มีการเปลี่ยนการครอบครอง
-แม้เจ้าของใหม่สุจริต จำนองก็ติดไป
-แม้ศาลมีคำสั่งว่าได้กรรมสิทธิ์ จำนองก็ไม่ระงับ ตกติดไป ฎ.17617/2555 (ข้อสอบเนติ69)
2.6) แม้หลังจํานองจะมีผู้แย่งการครอบครองเกิน 1 ปี ฎ.6351/2534 (ข้อสอบเนติ67)
2.7) กรณีครอบครองปรปักษ์ตั้งแต่ก่อนจำนอง ก็บังคับจำนองได้ แต่อ้างม.1299 วรรคสอง (ส่วนกรณีที่ได้สิทธิหลังจำนอง ต้องอ้างม.702 วรรคสอง)
-ฎ.5570/2533 ผู้ร้องได้ที่ดินและตึกแถวที่โจทก์นํายึดมาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการได้มาซึ่งสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม่
เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้จึงไม่อาจทําให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ ทั้งต้องห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจํานองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตามม.1299 วรรคสอง , มีสิทธิบังคับจำนองทั้งแปลง ฎ.1064/2507 (ข้อสอบเนติ55)
3. ทรัพย์ที่อาจจำนองได้ ม.703 (อสังหาริมทรัพย์ , สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ , สังหาริมทรัพย์อื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้จดทะเบียนเฉพาะการ)
4. สาระสำคัญของการทำสัญญาจำนอง
-ม.704 เมื่อไปจดทะเบียนต้องระบุทรัพย์สินที่จำนอง
-ม.708 ระบุว่าจำนองเป็นจำนวนเงินเท่าใด หมายถึง จะประกันหนี้เงินต้นเท่าไหร่ ไม่รวมดอกเบี้ย ต้องระบุให้ชัดเจน
-ฎ.21819/2556 (ข้อสอบเนติ52)
-ม.712 จำนองแล้ว นำไปจำนองอีกได้ แม้สัญญาจำนองฉบับแรกห้ามไว้ก็ตาม เจ้าหนี้จึงมีจำนองเป็นประกันเต็มจำนวน (ข้อสอบเนติ52) เพราะผู้รับจำนองคนก่อนไม่เสียหายตามม.730-732 ลำดับการบังคับจำนอง (เช่น ทรัพย์ราคา 5 ล้าน จำนองรายแรก 2 ล้าน ผู้รับจำนองรายหลัง 1 ล้าน ก็ทราบว่าหากตนรับจำนองตนก็ยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้ ยอมรับจำนองได้)
5. จำนองครอบ 3 กรณี
5.1) ครอบทรัพย์ทุกสิ่ง ม.716 จำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน (โดยหลักแม้ชำระหนี้บางส่วน หนี้ยังเหลืออยู่ก็บังคับจำนองกับทรัพย์สินได้ทุกส่วน)
-ฎ.4803/2553 โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนอง ย่อมมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองได้ทั้งหมด เพราะสิทธิจำนองครบไปถึงบรรดาทรัพย์สินซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง ตามม.716 และเป็นทรัพยสิทธิใช้ยันแก่ผู้ร้องและบุคคลทั่วไป
5.2) ครอบทรัพย์ทุกส่วน ม.717 แม้ทรัพย์สินที่จำนองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน จำนองก็ยังคงครอบไปถึงหมดทุกส่วน
-กรณีเจ้าของรวมยินยอมให้จำนอง จำนองมีผลผูกพัน จำนองก็ครอบไปถึงส่วนของเจ้าของรวมที่ยินยอมให้จำนอง
-กรณีเจ้าของรวมแบ่งแยกหรือครอบครองเป็นสัดส่วน ถือว่าจำนองเฉพาะส่วนนั้น
--แบ่งแยกก่อนจำนอง ผู้รับจำนองรู้ เช่น รู้ว่าจะจำนองที่ดินส่วนใด ถือว่าประสงค์รับจำนองที่ดินส่วนนั้น
--แบ่งแยกการครอบครองหลังจำนอง จำนองครอบทุกส่วน
--แบ่งแยกโฉนดหลังจำนองเป็นหลายแปลง ผู้รับจำนองมีสิทธิขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินทุกแปลงที่แบ่งแยกออกไปจากที่ดินที่จำนองอย่างทรัพย์จำนองได้
--ครอบส่วนที่แบ่งแยกภายหลัง แม้มีการโอนต่อไป บุคคลใดรับโอนไป ผู้รับจำนองติดตามไปบังคับจำนองได้ม.702 วรรคสอง
--แม้ไม่มีการจดแจ้งไว้ในสารบัญจดทะเบียนโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกออกไป ว่าที่ดินมีการจำนองครอบติดอยู่ สิทธิจำนองซึ่งเป็นทรัพยสิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์จำนองก็ไม่เสื่อมเสียไปตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
5.3) ครอบทรัพย์อันติดพัน ม.718 จำนองย่อมครอบไปถึงทรัพย์ทั้งปวง อันติดพันอยู่กับทรัพย์สินซึ่งจำนอง แต่ต้องอยู่ภายในบังคับซึ่งท่านจำกัดไว้ใน 3 มาตราต่อไปนี้ (ม.719-721)
-โรงเรือน หรือ ส่วนควบ ที่มีอยู่ในขณะจำนอง
6. ไล่สาย
6.1) ถ้าจำนองทรัพย์สินหลายสิ่ง
-จำนองครอบทุกสิ่งม.716
-แต่กำหนดลำดับการบังคับจำนองได้ ตามม.710 ผู้จำนองและผู้รับจำนองตกลงกันได้ว่าจะบังคับจำนองทรัพย์สินใดตามลำดับก่อนหลัง
-ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ จะเป็นไปตามม.734 ถ้าบังคับจำนองพร้อมกัน จะต้องแบ่งภาระหนี้กระจายไปตามส่วนราคาทรัพย์ (หารเฉลี่ยตามราคาทรัพย์)
6.2) ถ้าจำนองทรัพย์สินชิ้นเดียว
-จำนองครอบทุกส่วนม.717
-จำนองซ้อนได้ม.712 เมื่อจำนองซ้อน ต้องดูลำดับบังคับจำนองม.730 ดูวันเวลาจดทะเบียนจำนอง ผู้รับจำนองคนแรกมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อน ถ้ามีเหลือผู้รับจำนองคนถัดไปจึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ (กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ได้อาศัยข้อตกลง)
-และเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด ให้จัดใช้แก่ผู้รับจำนองเรียงตามลำดับม.732
7. จำนองไม่ครอบ 3 กรณี ม.719-721
7.1) เรือนโรงสร้างภายหลัง
7.2) จำนองเรือนโรงในที่ดินของบุคคลอื่น
7.3) ดอกผล เมื่อยังไม่บังคับจำนอง ดอกผลจึงเป็นสิทธิของเจ้าของทรัพย์สินอยู่
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น