อายุความการออกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

กรณีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของรัฐที่เสียหายจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐที่เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือภายใน 1 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐมีคำสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลังในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด แต่จะต้องไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และมาตรา 448 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คดีนี้ เทศบาลตำบล บ. ได้จ่ายเงินในการจัดซื้อสินค้าให้แก่ผู้ขายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่าการจัดซื้อไม่เหมาะสมและทุจริต นายกเทศมนตรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยได้เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ว่าไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่กระทำด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต่อมากระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือลงวันที่ 13 มิถุนายน 2560 แจ้งว่าการจัดซื้อเป็นไปโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้เทศบาลตำบล บ. ได้รับความเสียหาย โดยให้เจ้าหน้าที่รับผิด

นายกเทศมนตรีจึงมีคำสั่งลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 ให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ถูกคำสั่ง ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ต่อมาผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่ผู้ถูกคำสั่งจึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์

ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เทศบาลตำบล บ. ได้จ่ายเงินค่าสินค้าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 จึงถือว่าเป็นวันที่มีการกระทำละเมิด อายุความการใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจึงมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2550 นายกเทศมนตรีจึงต้องมีคำสั่งเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2560 และคำสั่งจะมีผลใช้ยันต่อเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งคำสั่งแล้ว ตามนัยมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

การที่นายกเทศมนตรีได้มีคำสั่งลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้จะอยู่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำละเมิดก็ตาม แต่การแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ซึ่งปรากฏตามสำเนาใบตอบรับทางไปรษณีย์ว่าหลานของผู้ฟ้องคดีได้ลงนามรับแทนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าวในวันที่ 20 มิถุนายน 2560 จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด ตามนัยมาตรา 448 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 

ดังนั้น การที่นายกเทศมนตรีมีคำสั่งลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลให้การพิจารณาอุทธรณ์ของผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน จึงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี

ที่มา คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อผ.487/2563 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ พนักงานราชการ

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 1)