ข้อพิพาทจากการพาดสายสื่อสารโทรคมนาคมของ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ อยู่ในอำนาจศาลปกครอง (คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ 50/2566)

แม้ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (National Telecom Public Company Limited : NT) จำเลย จะไม่ใช่รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา แต่จำเลยก็จัดตั้งขึ้นโดยการควบรวมกิจการของ บมจ. กสท โทรคมนาคม และ บมจ. ทีโอที ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 

โดยที่มาตรา 152 และมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติให้เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนการควบบริษัทแล้ว จะมีผลทำให้บริษัทเดิมหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคลและเกิดขึ้นเป็นบริษัทใหม่ และทำให้บริษัทที่เกิดจากการควบกันและจดทะเบียนแล้วย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบทางแพ่งของบริษัทที่ควบเข้ากันทั้งหมด

ดังนั้น จำเลยจึงรับโอนภารกิจ สิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเดิมของ บมจ. กสท โทรคมนาคม และ บมจ. ทีโอที ซึ่งเป็น บมจ. ที่แปรรูปและรับโอนกิจการมาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสื่อสารโทรคมนาคมทุกชนิด และอาจเป็น "หน่วยงานทางปกครอง" ประเภทหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครอง หรือให้ดำเนินกิจการทางปกครองได้ หากได้กระทำการเกี่ยวกับการบริการสาธารณะหรือดำเนินกิจการทางปกครอง ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐ ซึ่งในกรณีนี้ ได้แก่ การดำเนินกิจการทางปกครองเกี่ยวกับการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม 

เมื่อข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ เป็นเรื่องการพาดสายสื่อสารโทรคมนาคม อันเป็นภารกิจตามอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่เดิมก่อนแปรรูปเป็น บมจ. และเป็นการดำเนินการในฐานะผู้ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 การกระทำของจำเลยในคดีนี้ จึงเป็นการกระทำในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจการทางปกครอง อันเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามนัยบทนิยาม "หน่วยงานทางปกครอง" ในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 

การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำละเมิด โดยการพาดสายและติดตั้งสายสัญญาณบนเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก (เสาไฟฟ้า) ของโจทก์ที่ปักอยู่ริมถนนสายกำลังเอก - บุตาสง (ทางหลวงชนบทหมายเลข 1021) ทางด้านทิศตะวันตก ขนาดความยาว 9 เมตร จำนวน 23 ต้น โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 

กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

ที่มา คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ 50/2566, เว็บไซต์สํานักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ พนักงานราชการ

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)