การแจ้งคำสั่งทางปกครองทางเว็บไซต์ (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 1722/2566)

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ค.ศ. 3 วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น

เมื่อปี พ.ศ. 2559 ผู้ฟ้องคดีได้เสนอผลงานเพื่อขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ รวม 4 รายการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 13 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 และหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ลับ ที่ ศธ 0206.3/ว 1 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559

ต่อมาเลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้มีหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ลับ ที่ ศธ 0206.3/0681 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2562 แจ้งมติของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน เนื่องจากมีรางวัลและผลงานไม่ครบ 3 รายการตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีกำหนด กล่าวคือ ผลงานเทียบเคียงของผู้ฟ้องคดี จำนวน 2 รายการ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด

ต่อมาสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้มีหนังสือที่ ศธ 0206.3/0174 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 แจ้งปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้แจ้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีมติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินประจำปี 2559 หากมีความประสงค์จะขอทบทวนมติของผู้ถูกฟ้องคดี ให้ยื่นคำขอทบทวนได้ 

ผู้ฟ้องคดีจึงแจ้งความประสงค์ผ่านผู้อำนวยการโรงเรียนภูเวียงวิทยาคม ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีพิจารณาทบทวนคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีตามหนังสือโรงเรียนภูเวียงวิทยาคม ที่ ศธ 04255.060/204 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 

จากนั้นผู้ถูกฟ้องคดีโดย อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้ถูกฟ้องคดีกำหนดตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ 0206.3/ว 13 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ในการประชุมครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 พิจารณาทบทวนแล้วมีมติว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าว และเลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้ออกประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. เรื่อง ผลการพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุลคากรทางการศึกษาผู้ขอมีวิทยาฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยาฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยาฐานะเชี่ยวชาญ (กรณีทบทวน) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 โดยไม่ปรากฏรายชื่อผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน 

ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีตามประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 ที่พิจารณาให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยาฐานะเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าว กรณีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

โดยที่มติของผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งแจ้งตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ลับ ที่ ศธ 0206.3/0681 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2562 ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งมีผลเป็นการตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีในการขอรับการประเมิน อันเป็นการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี จะเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิฟ้องคดีโต้แย้งคำสั่งได้ 

แต่เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติแจ้งตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/0174 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ประจำปี 2559 หากมีความประสงค์จะขอทบทวนมติของผู้ถูกฟ้องคดี ให้ยื่นคำขอทบทวนได้ จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีประสงค์ให้มีการพิจารณาทางปกครองขึ้นใหม่สำหรับผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ประจำปี 2559 ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีพิจารณาทบทวนคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นกรณีให้เจ้าหน้าที่มีคำสั่งทางปกครองอย่างหนึ่ง และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งหรือมติอย่างหนึ่งอย่างใดที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยื่นคำขอทบทวนคุณสมบัติเข้ารับการประเมินนั้น ไม่ว่าจะในชั้นตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นหรือในชั้นการประเมินก็ตาม ย่อมเข้าลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะเปลี่ยนแปลง ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล จึงถือว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่พิจารณาทบทวนแล้วให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะเชี่ยบชาญ เป็นคำสั่งทางปกครองที่เกิดขึ้นใหม่ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ส่วนกรณีปัญหาว่าผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครองเมื่อใดนั้น มาตรา 68 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 บัญญัติว่า ในกรณีคำสั่งทางปกครองที่แสดงให้ทราบโดยการสื่อความหมายในรูปแบบอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้มีผลเมื่อได้แจ้ง ประกอบกับกฎกระทรวง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2539 ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กำหนดให้คำสั่งทางปกครองที่แสดงให้ทราบโดยทางเสียง แสงหรือสัญญาณที่สามารถทำให้รับรู้ถึงคำสั่งทางปกครองนั้นได้ทันที เป็นคำสั่งทางปกครองที่มีผลเมื่อได้แจ้ง จากบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า การแจ้งคำสั่งทางปกครองไม่จำต้องแจ้งด้วยการมีหนังสือ แต่อาจแจ้งโดยวิธีการอื่นได้ 

เมื่อปรากฏว่า หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 13 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 กำหนดให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ประกาศรายชื่อพร้อมทั้งข้อมูลเบื้องต้นและผลงานดีเด่น ที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ของผู้ได้รับการคัดเลือก (ผู้มีคุณสมบัติ) ให้ทราบโดยทั่วกัน โดยการประกาศทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. www.otepc.go.th และเปิดโอกาสให้มีการคัดค้านผู้ได้รับการคัดเลือกต่อสำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นลายลักษณ์อักษร หรือทางเว็บไซต์ตามแบบที่ผู้ถูกฟ้องคดีกำหนด ภายในระยะเวลา 15 วันนับแต่วันที่ประกาศรายชื่อดังกล่าว 

ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติตามประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. เรื่อง ผลการพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (กรณีทบทวน) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 แจ้งทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. www.otepc.go.th โดยไม่ปรากฏรายชื่อของผู้ฟ้องคดี ให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (กรณีทบทวน) จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รู้ผลการพิจารณาทบทวนมติของผู้ถูกฟ้องคดีโดยทางอินเตอร์เน็ตแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรืออาจจะเดือดร้อนเสียหายจากคำสั่งทางปกครองของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าว ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอน ประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. เรื่อง ผลการพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (กรณีทบทวน) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 เฉพาะส่วนที่ไม่ประกาศรายชื่อของผู้ฟ้องคดี เป็นคำขอที่ศาลกำหนดคำบังคับให้ได้ตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน และเมื่อมติของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยคณะกรรมการ ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้โดยตรง โดยไม่จำต้องยื่นอุทธรณ์ก่อนนำคดีมาฟ้องต่อศาล ตามมาตรา 87 ประกอบมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

สำหรับระยะเวลาการฟ้องคดี ขอให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน เพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นคดีพิพาทตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 นั้น จะต้องยื่นฟ้องภายใน 90 วันนับแต่วันที่รู้หรือคนรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว 
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติดังกล่าวแล้วเห็นว่า สิทธิในการฟ้องคดีปกครอง ย่อมเกิดขึ้นนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี สำหรับการรับรู้โดยวิธีใดนั้น มิได้มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ดังนั้น ไม่ว่าผู้ฟ้องคดีจะได้รู้หรือคนรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีโดยวิธีใดก็ตาม สิทธิในการฟ้องคดีย่อมเกิดขึ้นแล้วตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว 

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีตามประกาศสำนักงาน ก.ค.ศ. เรื่อง ผลการพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (กรณีทบทวน) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2565 กำหนดให้มีการแจ้งทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. www.otepc.go.th โดยมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้นจำนวน 132 ราย และไม่เห็นชอบให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,673 ราย รวมถึงผู้ฟ้องคดี กรณีจึงถือว่าวันที่ 30 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศผลการพิจารณาผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจะต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี กล่าวคือภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2565 การที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 จึงเป็นการฟ้องคดีภายในระยะเวลาการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว

ส่วนการที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ลับ ที่ ศธ 0206.3/563 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 แจ้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้แจ้งมติของผู้ถูกฟ้องคดี (กรณีทบทวน) พร้อมทั้งแจ้งสิทธิการฟ้องคดีให้ผู้ฟ้องคดีทราบ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีหนังสือ ลับ ที่ ศธ 04009/708 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2565 แจ้งผลการพิจารณาทบทวนของผู้ถูกฟ้องคดี และสิทธิการฟ้องคดีดังกล่าว ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่นทราบว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติให้ผู้ฟ้องคดี เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติขอรับการประเมินวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งระบุข้อความว่า หากผู้ยื่นคำขอทบทวน ประสงค์จะฟ้องเป็นคดีปกครอง สามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ขอทบทวนได้รับแจ้งมติ ก.ค.ศ. ไว้ โดยได้แจ้งสิทธิการฟ้องคดี ให้ผู้ฟ้องคดีทราบภายหลังจากที่ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องคดีนี้ และศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่ง รับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมทั้งผู้ถูกฟ้องคดีได้ยื่นคำให้การต่อศาลปกครองชั้นต้นแล้วนั้น เห็นว่า หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดังกล่าว เป็นเพียงหนังสือยืนยันคำสั่งทางปกครอง ตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งแจ้งสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเท่านั้น หาได้มีผลให้สิทธิการฟ้องคดีของผู้ฟ้องคดีที่เกิดขึ้นก่อนแล้ว ต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งทางปกครองตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าวแต่อย่างใด อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีฟังขึ้น 

การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา

ที่มา คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 1722/2566

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

การส่งเด็กเข้าเรียนตามกฎหมาย

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ พนักงานราชการ

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)