สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 13-14)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 13-14)
อาจารย์สุธาทิพ ยุทธโยธิน
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568
**********

1. วันนี้เป็นการทบทวนในส่วนที่อาจารย์รับผิดชอบ
-มาตราที่มีฎีกาเยอะ มักจะมีปัญหา และมักจะนำมาออกข้อสอบเสมอ
-การศึกษากฎหมายเพื่อให้สอบผ่าน ตัวบทกฎหมาย+อธิบาย คำบรรยาย คำอธิบาย+ตัวอย่างฎีกา
-การตอบข้อสอบ ธงถูกแต่เหตุผลไม่ดี กับธงไม่ถูกแต่เหตุผลดี ตามหลักการแล้วคะแนนพอ ๆ กัน

2. วิชาทรัพย์ ที่ดิน
-ทรัพย์ ทรัพย์สิน บรรพ 1 ลักษณะ 3 ม.137-148 บทนิยาม บทเสริม ใช้เสริมในการตอบข้อสอบ จะได้คะแนนเพิ่มขึ้น ทรัพย์คืออะไร ทรัพย์สินคืออะไร ส่วนควบ อุปกรณ์ แทรกเข้าไป
-ทรัพยสิทธิ บรรพ 4 ม.1298-1434 มีมาตราเด่น ๆ ไม่เยอะ ประมาณ 5-6 มาตรา

3. ทรัพย์ ม.137
-ทรัพย์สิน ม.138 "อาจมีราคาและถือเอาได้" 
  --อสังหาริมทรัพย์ ม.139 , สังหาริมทรัพย์ ม.140
  --ส่วนควบ ม.144-146
  --ดอกผล ม.148
  --ทรัพย์แบ่งได้ ม.141 , ทรัพย์แบ่งไม่ได้ ม.142
  --ทรัพย์นอกพาณิชย์ ม.143
  --ทรัพย์ของแผ่นดิน ม.1304
  --อุปกรณ์ ม.147

4. ม.1299 การได้มาซึ่งทรัพยสิทธิ์ ออกข้อสอบบ่อย ม.1299 จะใช้เมื่อการได้มาไม่สมบูรณ์ ต้องมาดูว่าใครมีสิทธิดีกว่ากัน (ถ้าได้มาสมบูรณ์ จดทะเบียนเรียบร้อย ก็อาจจะไม่เข้าม.1299)
4.1) ม.1299 วรรคหนึ่ง ทางนิติกรรม
-ยกอสังหาริมทรัพย์ตีใช้หนี้
-ก่อตั้งทรัพยสิทธิ
-สัญญาประนีประนอมยอมความในศาล*
-มรดก* และอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กรรมสิทธิ สิทธิครอบครอง
*ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ไม่จดทะเบียน ไม่บริบูรณ์ เป็นบุคคลสิทธิ บังคับได้เฉพาะคู่สัญญา
4.2) ม.1299 วรรคสอง ทางอื่นนอกจากทางนิติกรรม
-ตามกฎหมาย เช่น ปรปักษ์ ภาระจำยอม
-คำพิพากษา (ไม่ใช่คำพิพากษาตามยอม)
-มรดก ที่เป็นกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง
*ถ้าไม่จดทะเบียน จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ ยกต่อสู้บุคคลภายนอกซึ่งได้เสียค่าตอบแทนสุจริตและจดทะเบียนโดยสุจริตไม่ได้

5. ม.1300 การเพิกถอนการจดทะเบียน ผู้อยู่ในฐานะอันที่จะจดทะเบียนสิทธิได้อยู่ก่อน
5.1) ทางนิติกรรม ม.1299 วรรคหนึ่ง
-ผู้ชำระราคาครบถ้วนและครอบครองแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อ
-ผู้ซื้อทรัพย์โดยคำสั่งศาลจากการขายทอดตลาดโดยสุจริต
-ผู้ได้มาตามคำพิพากษาตามยอมของศาล แต่ต้องเป็น 10 ปี หากเกิน จะใช้ม.1300
*เพิกถอนไม่ได้ หากบุคคลภายนอกได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนโดยสุจริต
5.2) ทางอื่น ม.1299 วรรคสอง
-โดยการครอบครองปรปักษ์
-โดยคำพิพากษาของศาล
-โดยการรับมรดกแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน
*เพิกถอนไม่ได้ หากบุคคลภายนอกได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนโดยสุจริต

6. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
6.1) ส่วนควบ ม.1308-1317 เช่น ที่งอกริมตลิ่ง การสร้างโรงเรือนในที่ผู้อื่นโดยสุจริตใครเป็นเจ้าของ ม.1310 , 1312 , 1313
6.2) การถือเอา ม.1318-1322 เช่น ทรัพย์สินหาย สละการครอบครอง

7. ฎีกาที่น่าสนใจ
-ฎ.1069-1070/2522 โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมาโดยการรับมรดก ต้องรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ โจทก์จึงไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามที่บัญญัติไว้ในม.1299 จำเลยจึงยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ แม้จำเลยจะยังมิได้จดทะเบียนการได้มาก็ตาม
-ฎ.18606/2556 (เจ้าหนี้จำนอง เป็นบุคคลภายนอก แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงเจ้าหนี้สามัญ) แม้การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ตามม.1382 เป็นการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ซึ่งม.1299 จะห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วก็ตาม แต่โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและนำยึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาด มิใช่ผู้ที่ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วตามม.1299 วรรคสอง จึงไม่เป็นบุคคลภายนอกที่จะมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง และแม้ขณะโจทก์ยึดที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นยังไม่มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ถือว่าเป็นการยึดโดยชอบก็ตาม แต่เมื่อต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนตามม.1300
-ฎ.6354/2540 แม้จำเลยที่ 2 จะได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทกับพระภิกษุส. ไว้แล้ว ตั้งแต่ปี 2528 และชำระราคาครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่พระภิกษุ ส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 จนพระภิกษุ ส. ถึงแก่มรณภาพในปี 2530 เมื่อชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของพระภิกษุ ส. อยู่ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินของพระภิกษุ ส. ที่ได้มาระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ ซึ่งม.1623 ให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาในขณะที่พระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ดังนั้น เมื่อพระภิกษุ ส. ถึงแก่มรณภาพกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสมบัติของวัดศรีบุญเรืองตามกฎหมายและถือว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดศรีบุญเรืองด้วย ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ม.33(2) กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฯ ม.34 ซึ่งบัญญัติให้ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติฯ และห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดในเรื่องสิทธิอันเป็นที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ ดังนั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของพระภิกษุ ส. หรือวัดศรีบุญเรือง จึงไม่มีอำนาจทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลใด ๆ ได้ การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นโมฆะตามม.150
-ฎ.8698/2549 ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 ได้ชำระราคาครบถ้วนและเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแล้ว คงเหลือแต่การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้ร้องเท่านั้น ถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ม.1300 และโดยเหตุที่การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ ตาม ป.วิ.พ. ม.287 โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีอันเป็นการกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องตามบทกฎหมายดังกล่าว
-ฎ.7143/2546 (ป) เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลยร่วมครบถ้วนแล้ว ที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์และเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรมตามม.1299 วรรคหนึ่ง แม้จะยังมิได้มีการจดทะเบียน ก็ไม่มีผลให้นิติกรรมตกเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์ เพียงแต่ทำให้ไม่บริบูรณ์ถึงขั้นเป็นทรัพยสิทธิ แต่ระหว่างคู่กรณีย่อมมีผลผูกพันต่อกันในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ ทำให้โจทก์มีสิทธิเข้ายึดถือครอบครองใช้ยันจำเลยร่วมได้ และมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยร่วมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ได้ด้วย เมื่อโจทก์ได้เข้าทำการปรับปรุงบริเวณที่ดินพิพาทตลอดมา เพื่อจะสร้างอาคารโรงเรียนขึ้นใหม่ในลักษณะแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ การที่จำเลยเข้าไปปลูกเพิงอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าอาศัยสิทธิของจำเลยร่วมจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม
-ฎ.1840/2514 (ป) การได้มาซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยพินัยกรรม เป็นการได้สิทธิมาโดยนิติกรรมตามม.1299 วรรคหนึ่ง จำเลยร่วมมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งสิทธิอาศัยกับพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมจึงไม่บริบูรณ์ การที่จำเลยเข้าอยู่ในเรือนพิพาทเพราะจำเลยร่วมให้เข้าอยู่แทนตนโดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมผู้หนึ่งมิได้ยินยอมเป็นการละเมิดต่อโจทก์
-ฎ.677/2542 โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมให้แก่โจทก์ซึ่งมีสิทธิบริบูรณ์ตามม.1299 วรรคหนึ่ง
-ฎ.2229/2542 ท. เจ้าของที่ดินเดิมยินยอมให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ อันเป็นกรณีที่โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยทางนิติกรรมก็ตาม แต่เมื่อยังมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การได้มาย่อมไม่บริบูรณ์ตามม.1299 วรรคหนึ่ง และคงใช้บังคับได้ในฐานะบุคคลสิทธิเฉพาะโจทก์กับท. ซึ่งเป็นคู่สัญญาเท่านั้น แต่ไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอกด้วย เมื่อ ท. ยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้จำเลย ถือว่าจำเลยเป็นบุคคลภายนอก ทั้งในเรื่องให้หาได้มีบทบัญญัติให้ผู้รับต้องรับหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ของผู้ให้ไปด้วยอย่างกรณีทายาทรับมรดกไม่ ความยินยอมดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันให้จำเลยต้องจดทะเบียนภารจำยอมหรือเปิดทางพิพาทแก่โจทก์
-ฎ.12885/2556 โจทก์ทั้งสามได้ทางพิพาท เป็นภาระจำยอมโดยทางนิติกรรมเป็นการได้มาตามม.1299 วรรคหนึ่ง มิได้จดทะเบียนจึงไม่บริบูรณ์ เป็นบุคคลสิทธิ จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลภายนอกรับโอนที่ดินมาโดยทราบเรื่องทางดังกล่าว ต่อมาขอย้ายทางเดิมอันเป็นการตกลงให้ภาระจำยอมใหม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิปิดกั้นทาง
-ฎ.5791/2556 ข้อตกลงตั้งภาระจำยอม แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็เป็นเพียงทำให้การได้มาซึ่งภาระจำยอมนั้นไม่บริบูรณ์ตามม.1299 วรรคหนึ่ง แต่ไม่ได้ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะหรือเสียเปล่าแต่อย่างใด ยังคงบังคับกันได้เป็นบุคคลสิทธิในระหว่างจำเลยซึ่งต้องผูกพันชำระหนี้ตามสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์ โจทก์ย่อมบังคับให้จำเลยจดทะเบียนภาระจำยอมได้
-ฎ.2070/2548 โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาท โจทก์มิใช่ผู้ที่ได้สิทธิในที่ดินพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงมิใช่บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตามม.1299 วรรคสอง 
-ฎ.800/2500 (ป) จำเลยซื้อที่ดินมาโดยสุจริต โดยไม่รู้ว่าที่ดินตกอยู่ในภาระจำยอม จำเลยจะยกเป็นข้อต่อสู้เพื่อให้ภาระจำยอมสิ้นไปไม่ได้ (ในกรณีเป็นภาระจำยอมตามกฎหมาย ทรัพยสิทธิคนละประเภท ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลล่าง)
-ฎ.3641/2535*** จ.ขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์รับซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์ตั้งแต่วันขายฝากตามม.491 ดังนั้น แม้จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีจนได้กรรมสิทธิ์และศาลพิพากษาให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้จดทะเบียนการได้มาในที่ดินพิพาทจำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้ตามม.1299 วรรคสอง
-ฎ.1090/2558 ส.ซื้อและรับโอนที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต จำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทโดยยังไม่ได้จดทะเบียน เป็นการได้มาตามม.1299 วรรคสอง ต่อมาโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินต่อจาก ส. ไม่ว่าโจทก์ทั้งสองจะสุจริตหรือไม่ จำเลยยกข้อต่อสู้ตามม.1299 วรรคท้าย ไม่ได้ (สิทธิที่จะอ้างข้อกฎหมายดังกล่าว ขาดช่วงไปแล้ว)
-ฎ.5099/2557 ค. ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท น.ส.3ก ให้ ผ. แต่ไม่ได้จดทะเบียน ผ.เข้าครอบครองกับทำประโยชน์ ต่อมายกที่ดินพิพาทให้แก่ บ. เข้าทำประโยชน์ และจากนั้นยกต่อให้แก่โจทก์เข้าทำประโยชน์ ค.เอาที่ดินพิพาทไปออกโฉนด และไปจำนองกับจำเลย เป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิ กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ม.1299 วรรคสอง ที่จำเลยจะกล่าวอ้างได้
-ฎ.1886/2536 จำเลยทั้งสามได้ไปจดทะเบียนรับโอนมรดกที่พิพาทอันเป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วจำเลยทั้งสามได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการรับมรดกต้องรับไปทั้งสิทธิและตลอดจนความรับผิดต่าง ๆ จำเลยทั้งสามจึงมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนตามม.1299 วรรคสอง โจทก์ผู้ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ ซึ่งบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนแล้ว จึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยทั้งสาม และขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนดังกล่าว ที่ทำให้ตนเสียเปรียบได้ ตามม.1300
-ฎ.2413/2566*** ขณะโจทก์ทั้งสองซื้อโฉนดที่ดินพิพาท ตามสารบัญการจดทะเบียนปรากฏทรัพยสิทธิ คือ ภาระจำยอมบนที่ดินของจำเลย โดยจำเลยมิได้ใช้สิทธิโต้แย้งทรัพยสิทธิดังกล่าว โจทก์ทั้งสองย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่าภาระจำยอมยังคงอยู่ แม้ทางภาระจำยอมพิพาทจะไม่มีการใช้ประโยชน์เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ย่อมระงับสิ้นไปตามม.1399 แต่เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ยังมิได้จดทะเบียนระงับภาระจำยอมนั้น จำเลยจะยกเอาการระงับแห่งภาระจำยอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับโอนสามยทรัพย์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตหาได้ไม่
-ฎ.120/2559 โจทก์และจำเลยทำสัญญาขายฝาก โจทก์ผู้ซื้อขายปล่อยให้จำเลยผู้ขายฝากสร้างบ้านไม่มีเลขที่ในที่ดินที่ขายฝาก โดยไม่ห้ามปราม จำเลยย่อมเข้าใจว่าตนมีสิทธิ สามารถไถ่คืนที่ดินได้ในกำหนด เป็นกรณีสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามม.1310 โจทก์เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้น การปล่อยให้สร้างถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อ บอกปัดไม่รับโรงเรือนไม่ได้
-ฎ.339/2551 สิทธิอาศัยในโรงเรือนเป็นบุคคลสิทธิ เมื่อจำเลยทั้งสองรื้อโรงเรือน สิทธิอาศัยจึงหมดไป จำเลยทั้งสองปลูกบ้านใหม่ โดยไม่ได้รับความยินยอม ไม่ก่อให้เกิดสิทธิอาศัยขึ้นใหม่ เป็นการปลูกโรงเรือนในที่ดินผู้อื่นโดยไม่สุจริตตามม.1311 จำเลยทั้งสองต้องทำให้เป็นดังเดิม

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)