สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 11)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 11)
อาจารย์ธวัชชัย สุรักขกะ
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
**********

1. ม.1367 "บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง"
-การยึดถือทรัพย์สิน ไม่จำต้องยึดถือหรือครอบครองไว้ด้วยตนเอง ผู้อื่นยึดถือหรือครอบครองแทนได้ ฎ.13058/2556 , 12376/2555
-ครอบครอง หมายถึง กิริยาเข้ายึดถือทรัพย์สิน ฎ.6142/2544 , 3277/2553
-เจตนายึดถือทรัพย์สินไว้เพื่อตน ฎ.215/2477 
-ฎ.344/2534 สัญญาจะซื้อจะขายหากส่งมอบทรัพย์สิน ก็เป็นการครอบครองแทน ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ , หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าคู่สัญญาไม่ใส่ใจที่จะไปจดทะเบียนจนเวลาล่วงไปนาน ถือว่าผู้จะขายได้สละการครอบครองแล้ว ผู้จะซื้อมีเจตนายึดถือทรัพย์สินไว้เพื่อตนแล้ว เมื่อครบ 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์
-ที่ดินที่ทางราชการยังควบคุมอยู่ ห้ามโอน 5 ปี , 10 ปี ย่อมไม่ได้สิทธิครอบครอง และจะนับเป็นครอบครองปรปักษ์ก็ไม่ได้ แม้ในช่วงเวลาห้ามโอนจะมีเจตนายึดถือเพื่อตน ก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง , แต่เมื่อยังคงครอบครองเรื่อยมา จนพ้นระยะเวลาห้ามโอนแล้ว ย่อมได้สิทธิครอบครอง ฎ.5596/2536
-สิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่ามีซ้ำกันได้
-การยึดถือทรัพย์ไว้แทนผู้อื่น 
-ฎ.3751/2567* หนังสือรับรองการทำประโยชน์ มีชื่อ ส. กับ จำเลยที่ 1 อายุ 10 ปี (ส. เป็นพ่อจำเลยที่ 1) ต่อมา ส.ไปกู้เงินจาก จ. และเอาที่ดินไปวางประกันไว้ เมื่อถึงกำหนดชำระไม่มีเงินจ่าย จึงขายที่ดินดังกล่าวให้ จ. ต่อมา จ. ตาย ได้ยกที่ดินให้โจทก์ในคดีนี้ ต่อมา ส.ตาย จำเลยที่ 1 จึงไปขอจัดการมรดกในส่วนของพ่อ จึงมีปัญหาใครมีสิทธิดีกว่าระหว่าง โจทก์ กับจำเลยที่ 1 ศาลวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทมีเอกสารหรือหลักฐานสำหรับที่ดินเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีเพียงสิทธิครอบครอง ซึ่งม.1373 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนที่ดินเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง เป็นเพียงการสันนิษฐานไว้ก่อนเท่านั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ ขณะที่เจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ ส. และจำเลยที่ 1 มีสิทธิครอบครองที่ดินร่วมกัน ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 1 อายุ 10 ปี จึงไม่สามารถยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินได้ด้วยตนเอง จึงต้องถือว่า ส. ทั้งในฐานะที่เป็นบิดา และเป็นเจ้าของร่วม ได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทในส่วนของจำเลยที่ 1 ไว้แทนจำเลยที่ 1 , ดังนั้น หาก ส. ประสงค์จะขายที่ดินพิพาท มีสิทธิจำหน่ายได้เฉพาะในส่วนของตน ไม่มีสิทธิจำหน่ายในส่วนของจำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 ก่อน ทั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์ การขายอสังหาริมทรัพย์ต้องขออนุญาตศาลก่อน การขายที่ดินพิพาททั้งแปลง จึงมีผลสมบูรณ์และผูกพันเฉพาะส่วน ไม่มีผลผูกพันในส่วนของจำเลยที่ 1 , จ. มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของ ส. แม้ ส. จะส่งมอบที่ดินทั้งแปลงให้ ก็ต้องถือว่า จ. ในฐานะเจ้าของร่วม ยึดถือที่ดินพิพาทในส่วนของจำเลยที่ 1 ไว้แทนจำเลยที่ 1 

2. ม.1381 "บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง* บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก"
-ม.1381 ต้องเป็นการยึดถือทรัพย์นั้นแทนผู้ครอบครองโดยชอบ* และมีเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์แทน มาเป็นการยึดถือเพื่อตน , ถ้าครอบครองโดยไม่ชอบ ก็ไม่ใช่ผู้แทนผู้ครอบครองตามม.1381 จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไม่ได้ ฎ.5860/2562
-การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ ทำด้วยวาจาหรือหนังสือก็ได้ และจะต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองโดยถาวร ฎ.35/2531 , 8286/2544
-การบอกกล่าวไปยังเจ้าของร่วมคนใดคนหนึ่ง ก็ถือว่าบอกกล่าวตามม.1381 แล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวทุกคน (ม.1358)

3. การครอบครองปรปักษ์
-ม.1382 "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์"
-ต้องเป็นการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น และผู้อื่นนั้นต้องมีกรรมสิทธิ์ ฎ.5389/2549 , 13969/2558 , 3565/2565* (เบิกความว่า ครอบครองที่พิพาทโดยเข้าใจว่าเป็นป่า ไม่มีเจ้าของ จึงมิใช่ลักษณะการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยสงบเปิดเผย จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์)
-เป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น โดยผลของกฎหมายจากทางอื่นนอกจากนิติกรรม ฎ.14118/2558 
-ทรัพย์สินนั้นต้องมิใช่ของผู้ครอบครองปรปักษ์นั้นเอง ฎ.12895/2555 หรือมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ ฎ.9393/2557 
-วัดครอบครองปรปักษ์ทรัพย์สินของผู้อื่นได้ ฎ.1991/2523
-คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ ฎ.7500/2552 แต่ไม่เสียไป ฎ.5010/2555
-ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินมือเปล่าจนได้สิทธิครอบครอง ภายหลังมีผู้นำไปออกโฉนด ผู้ร้องจะขอครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ (ที่ดินมือเปล่า ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้) ฎ.5359/2556
-ข้อยกเว้นที่ครอบครองปรปักษืไม่ได้ คือ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฎ.149/2543 ,2424/2542 , ที่วัด ธรณีสงฆ์ ฎ.3688/2546 , ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ฎ.784/2516 , ที่ดินซึ่งเป็นสาธารณูปโภคประเภทถนนในโครงการจัดสรรตามพ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ฎ.13041/2558
-ที่ชายตลิ่งซึ่งน้ำท่วมถึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ครอบครองเท่าไหร่ก็ใช้ยันรัฐไม่ได้ ต่อมาเมื่อมีการสร้างเขื่อน ทำให้น้ำท่วมไม่ถึง ที่ดังกล่าวกลายเป็นที่งอก จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย และนับแต่เป็นที่งอก จึงมีการครอบครองปรปักษ์ได้ แต่เมื่อโจทก์ยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี ไม่ได้กรรมสิทธิ์
-ทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ ไม่อาจครอบครองปรปักษืได้ ฎ.9544/2544 , 846/2534
-การครอบครอง หมายถึง การเข้ายึดถือทรัพย์สิน ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้ใด ฎ.3093/2559

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)