สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 3-4)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์ ที่ดิน (ครั้งที่ 3-4)
อาจารย์สุธาทิพ ยุทธโยธิน
วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568
**********
เนื้อหาวันนี้มีฎีกาเยอะมาก ค่อนข้างสับสน และออกข้อสอบอยู่เสมอ
(ทรัพยสิทธิ คือ สิทธิของบุคคลที่มีอยู่ในตัวทรัพย์ หรือสิทธิในทรัพย์สิน : กฎหมายลักษณะทรัพย์)
(บุคคลสิทธิ คือ สิทธิในหนี้หรือสิทธิเรียกร้อง : กฎหมายลักษณะหนี้)
1. ทรัพยสิทธิ
-ม.1298 "ทรัพยสิทธิทั้งหลายนั้น ท่านว่าจะก่อตั้งขึ้นได้ แต่ด้วยอาศัยอำนาจในประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่น"
-บรรพ 4 ได้แก่ กรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเก็บกิน สิทธิเหนือพื้นดิน ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ จำนอง จำนำ
-ใช้บังคับแก่คนทั่วไป ผูกพันทุกคน เช่น ทรัพย์สินของคนอื่น เราก็ไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยว
-เกิดหน้าที่ทั่ว ๆ ไป และลักษณะงดเว้นเท่านั้น เช่น อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้อื่น
-วัตถุแห่งสิทธิเป็นการได้ประโยชน์ในตัวทรัพย์ ไม่มีผู้ใดขัดขวาง
-การบังคับใช้สิทธิ บังคับได้ตามลำพัง ไม่ต้องอาศัยอำนาจบ้านเมือง
-ทรัพยสิทธิไม่มีหมดอายุ (แต่เปลี่ยนมือเพราะถูกแย่งการครอบครองหรือกรรมสิทธิ์ ตามม.1382 ได้ไปโดยผลของกฎหมาย)
-ทรัพยสิทธิก่อตั้งโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายเท่านั้น
2. การได้มาซึ่งทรัพยสิทธิ ม.1299
-ม.1299 "ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ท่านว่าการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์ เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่
ถ้ามีผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ได้มานั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว"
ถ้ามีผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ได้มานั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนไซร้ ท่านว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และสิทธิอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น มิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว"
-ถ้าทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ต้องใช้ม.1299 , กรณีที่ต้องมาใช้ม.1299 เพราะมีความบกพร่องในเรื่องแบบที่กฎหมายกำหนด จึงต้องมาดูว่าใครมีสิทธิดีกว่า ได้มาทางนิติกรรม (ม.1299 วรรคหนึ่ง) หรือได้มาทางอื่นนอกจากนิติกรรม (ม.1299 วรรคสอง)
3. ม.1299 วรรคหนึ่ง การได้มาโดยทางนิติกรรม เช่น ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้ ภาระจำยอมโดยตกลงกัน สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน ภาริติดพันในอสังหาริมทรัพย์ จำนอง
-ม.1299 วรรคหนึ่ง มักใช้ 2 กรณี
-การก่อตั้งทรัพยสิทธิ บรรพ 4 เช่น ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเก็บกิน สิทธิเหนือพื้นดิน ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
-การยกอสังหาริมทรัพย์ตีใช้หนี้ ชำระหนี้อย่างอื่นแทนตามที่ได้ตกลงไว้ ม.321
-ฎ.435/2519 (ประชุมใหญ่) โอนตึกตีใช้หนี้ ไม่ได้จดทะเบียน ไม่บริบูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ เจ้าหนี้ฟ้องขับไล่ลูกหนี้ได้
3.1) คำว่า "ไม่บริบูรณ์" หรือไม่สมบูรณ์ ยังบังคับได้เป็นบุคคลสิทธิ ผูกพันกันระหว่างคู่กรณีได้ ไม่ใช่โมฆะ
-ฎ.1245/2523 โจทก์ทำหนังสือตกลงยินยอมให้จำเลยอยู่ในบ้านในที่พิพาทตลอดชีวิต แม้ไม่จดทะเบียนสิทธิอาศัย ไม่บริบูรณ์เป็นทรัพยสิทธิ แต่เป็นบุคคลสิทธิ โจทก์ขับไล่จำเลยไม่ได้
3.2) ความไม่บริบูรณ์ แต่เป็นบุคคลสิทธิระหว่างคู่สัญญา และรวมถึงผู้สืบสิทธิของคู่สัญญาด้วย คือ ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของคู่สัญญา
-ฎ.6054/2557 ผู้ตายให้จำเลยมีสิทธิเหนือพื้นดินปลูกบ้านอยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ทำให้ไม่บริบูรณ์ แต่โจทก์เป็นทายาทของผู้ตาย จะฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารไม่ได้ เพราะการให้สิทธิเหนือพื้นดินแก่จำเลยเป็นบุคคลสิทธิ ผูกพันตกทอดแก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทต้องปฏิบัติตาม
3.3) บุคคลสิทธิจะใช้บังคับบุคคลภายนอกไม่ได้ แม้บุคคลภายนอกจะไม่สุจริตหรือเสียค่าตอบแทนหรือไม่
-ฎ.6188/2545 ท. กับจำเลย ทำบันทึกต่อหน้านายอำเภอตกลงให้จำเลยปลูกสร้างบ้านในที่ดิน ท. (เป้นสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่หนังสือจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน) เมื่อไม่มีการไปจดทะเบียน ไม่บริบูรณ์ตามม.1299 วรรคหนึ่ง บังคับได้ระหว่างคู่กรณีเท่านั้น หาผูกพันโจทก์ผู้รับโอนจาก ท. โดยไม่คำนึงว่าโจทก์สุจริตหรือไม่
3.4) ทำเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อสองฝ่ายหรือทุกฝ่าย , และจดทะเบียนต่อนายทะเบียน พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ
3.5) หลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
-ก็ยังใช้อยู่ อยู่เหนือม.1299 แม้จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนครบถ้วนแล้วก็ตาม
-ฎ.3688/2556 จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดก โอนที่ดินเป็นของตนเอง แล้วนำไปจำทะเบียนจำนอง โดยทายาทอื่นไม่ทราบเรื่อง การจำนองย่อมผูกพันเฉพาะที่ดินในส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ผูกพันทายาทอื่น ไม่คำนึงว่าผู้รับโอนสุจริตหรือไม่ กรณีไม่ใช่บทบัญญัติตามม.1299 วรรคหนึ่ง และม.1300 (กรณีไม่มีสิทธิทำ ก็ไม่ต้องพิจารณาม.1299 ม.1300)
-ฎีกาที่น่าสนใจ*** ฎ.7143/2546 (ประชุมใหญ่) โจทก์กับจำเลยร่วมทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล จำเลยร่วมตกลงให้โจทก์เช่าซื้อที่ดิน หากชำระค่าเช่าซื้อเสร็จ ที่ดินตกเป็นของโจทก์ โดยจำเลยร่วมจะไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ให้ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยร่วมดำเนินการทางทะเบียน โดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ (คำพิพากษาตามยอมเป็นม.1299 วรรคหนึ่ง , คำพิพากษาทั่วไปเป็นม.1299 วรรคสอง)***
-ฎ.2975/2553 น. เสนอขายที่ดิน แสดงแผนที่หลังโฉนดให้โจทก์เข้าออกและใช้ประโยชน์เกี่ยวกับสาธาณูปโภคสำหรับที่ดินที่ซื้อได้ เมื่อโจทก์ตกลงซื้อ จึงก่อเป็นสัญญาให้เกิดภาระจำยอม น.ไม่จะทะเบียนภาระจำยอมให้แก่โจทก์ มีผลทำให้ภาระจำยอมไม่เป็นทรัพยสิทธิที่สมบูรณ์ตามม.1299 วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่เป็นบุคคลสิทธิ เมื่อ น.ตาย จำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้รับตกทอดสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ตามสัญญาภาระจำยอม ย่อมต้องไปดำเนินการจดทะเบียนภาระจำยอม
4. ม.1299 วรรคสอง การได้มาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม (หรือโดยผลของกฎหมาย) เช่น ส่วนควบ ม.144 , 1308-1315 , สิทธิยึดหน่วง ม.241 , สิทธิครอบครอง ม.1367 , กรรมสิทธิ์ ม.1382 , ภาระจำยอมโดยอายุความ ม.1401 , มรดก ม.1599 , 1603 , คำพิพากษาของศาล
4.1) ม.1299 วรรคสอง บริบูรณ์แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่มีผล 2 ประการ คือ เปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกที่เสียค่าตอบแทนและสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้
4.2) เปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ แม้ผู้ได้สิทธิจะได้สิทธิไปทันที แต่จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้
-เช่น ครอบครองปกปักษ์ 10 ปี ได้สิทธิบริบูรณ์แล้ว แต่จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนหรือโอนต่อทันทีไม่ได้ วิธีแก้ คือ ร้องขอศาลให้เปลี่ยนชื่อทางทะเบียนเป็นของผู้ครอบครองปกปักษ์ก่อน จากนั้นนำคำสั่งศาลไปจดทะเบียนเป็นชื่อตนเองก่อน แล้วจึงโอนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนต่อไปได้
-ทะเบียนสำคัญ ควบคุมการรับรู้ของบุคคลภายนอก
4.3) ยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้
-บุคคลภายนอก คือ บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรือเจ้าของทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คนเดิม
-ผู้สืบสิทธิหรือทายาทของเจ้าของเดิม ถือว่าไม่ใช่บุคคลภายนอก
-ฎ.1069-1070/2522 จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทกว่า 10 ปี ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ได้ที่ดินพิพาทโดยมรดก แม้โจทก์จะเป็นผู้ไถ่ถอนจำนองและดำเนินการจดทะเบียนแล้ว แต่ก็มิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์โดยเสียค่าตอบแทน (จำเลยได้มาโดยครอบครองปรปักษ์ โจทก์ได้มาโดยมรดก ทั้งสองฝ่ายได้กรรมสิทธิ์มาตามม.1299 วรรคสอง ซึ่งจำเลยมีสิทธิดีกว่า เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอก)
-ที่อาจารย์อ่านฎีกามา ส่วนใหญ่ ม.1299 วรคสอง ถ้าเป็นครอบครองปรปักษ์ มีสิทธิดีกว่า จะชนะคดี , แต่ครอบครองปรปักษ์จะแพ้เรื่องขายฝาก ผู้รับซื้อฝากชนะ
4.4) เจ้าหนี้จำนอง (บุริมสิทธิ) เป็นบุคคลภายนอก (ผู้รับจำนองเพ่งเล็งทรัพย์ไว้แล้ว จึงจดทะเบียนรับจำนองไว้) แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงเจ้าหนี้สามัญ
-ฎ.18606/2556 โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และดำเนินการนำยึดที่เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญ มิใช่ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตตามม.1299 วรรคสอง ผู้ร้องผู้ได้สิทธิโดยครอบครองปรปักษ์ ซึ่งต่อมาศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนตามม.1300
-ฎ.5641/2548 โจทก์รับจำนองที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนโดยสุจริต เป็นบุคคลภายนอกที่ได้รับการคุ้มครองตามม.1299 วรรคสอง
4.5) เจ้าของรวม ไม่ใช่บุคคลภายนอก
-ฎ.3487/2537 โจทก์เจ้าของรวมในที่ดินมีโฉนด จำเลยได้ที่ดินโดยครอบครองปกปักษ์ แม้ต่อมาโจทก์รับโอนที่ดินจากเจ้าของรวมคนอื่นจนทั้งแปลงตกเป็นของโจทก์ โจทก์มิใช่บุคคลภายนอกตามม.1299 วรรคสอง
4.6) สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครอง ต้องเป็นสิทธิประเภทเดียวกันกับสิทธิผู้ได้มาโดยทางอื่น
-กรรมสิทธิ์ สิทธิอาศัย สิทธิเก็บกิน สิทธิเหนือพื้นดิน ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ จำนอง ถือเป็นสิทธิประเภทเดียวกัน (แต่ภาระจำยอม , กรรมสิทธิ์ ถือว่าเป็นคนละประเภท)
-ฎ.8000/2502 (ประชุมใหญ่) ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต ไม่รู้ว่าตกอยู่ในภาระจำยอม จะยกการรับโอนโดยสุจริตมาอ้างเพื่อให้ภาระจำยอมสิ้นไปไม่ได้ (เป็นทรัพยสิทธิคนละประเภท)
-ฎีกาที่น่าสนใจ*** ฎ.3651/2535 จ. ขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์ซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนและสุจริต กรรมสิทธิ์ย่อมตกเป็นของโจทก์นับแต่วันขายฝาก แม้จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบและเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของเกิน 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามคำพิพากษาของศาลก็ตาม ไม่อาจยกต่อสู้กับโจทก์บุคคลภายนอก ผู้ได้ที่ดินมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว ตามม.1299 วรรคสอง
4.7) บุคคลภายนอกต้องสุจริต และได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว
-ไม่รู้ว่ามีบุคคลอื่นได้สิทธิในอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากทางนิติกรรมมาก่อน
-ความสุจริตของบุคคลภายนอก ต้องมีจนถึงขณะจดทะบเียน
-ฎ.1090/2558 ส.ซื้อและรับโอนที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต จำเลยได้ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียน ส.มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ส.ขายที่ดินต่อให้โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย (โดยไม่คำนึงว่าการซื้อที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งสองสุจริตหรือไม่)
5. ข้อสังเกตจากแนวฎีกา การได้มาตามสัญญาประนีประนอมของศาล เป็นการได้มาทางนิติกรรม
-ฎ.737/2511 (ประชุมใหญ่) จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดนเรือนใช้หนี้ให้แก่ผู้ร้อง ศาลพิพากษาตามยอม ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะจดทะเบียนได้ก่อนตามม.1300 โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิยึดเรือพิพาท
-ฎ.2868/2529 จำเลยต้องโอนกรรมสิทธิในที่ดินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ได้เพียงสิทธิที่จะบังคับให้จดทะเบียนได้ก่อนตามม.1300 โจทก์จึงไม่มีสิทธิติดตามเอาโฉนดคืนตามม.1336
-ฎ.7143/2546 (ประชุมใหญ่) (ฎีกาน่าสนใจ อ้างแล้ว หัวข้อ 3.5) โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยชำระราคาเช่าซื้อให้แก่จำเลยครบถ้วน ที่ดินย่อมตกเป็นของโจทก์ กรณีเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรมตามม.1299 วรรคหนึ่ง ผลทำให้นิติกรรมไม่บริบูรณ์ แต่ระหว่างคู่กรณี บังคับได้ในฐานะบุคคลสิทธิ (หมายเหตุ โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ตนชำระค่าเช่าซื้อ ตั้งแต่ พ.ศ.2516 แต่มาฟ้องขับไล่บริวารจำเลย พ.ศ.2536 , แม้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความจนขาดอายุความ ตามม.193/30 บุคคลสิทธิระหว่างโจทก์กับจำเลยยังอยู่)
6. การได้มาทางมรดก มี 2 กรณี ทายาทโดยธรรมหรือพินัยกรรม ถือว่าเป็นการได้มาโดยทางอื่นนอกจากทางนิติกรรม
-ฎ.1619/2506 ทายาทย่อมได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกตั้งแต่เจ้ามรดกตาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิตามม.1299 วรรคสอง
-ฎ.1812/2506 ผู้ทำพินัยกรรมตาย ที่ดินย่อมตกแก่ผู้รับพินัยกรรมทันที โดยมิต้องทำการรับมรดก ผู้รับมรดกฟ้องขับไล่ และขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ได้
-แต่มีฎีกา ฎ.1840/2514 (ประชุมใหญ่)** จำเลยได้สิทธิอาศัยที่ได้มาตามพินัยกรรม เป็นการได้มาโดยนิติกรรมตามม.1299 วรรคหนึ่ง หากมิได้จดทะเบียนย่อมไม่บริบูรณ์ , จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิอาศัยไม่ได้ เพราะโจทก์ได้ที่ดินมาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่หากโจทก์เป็นผู้รับมรดกหรือเป็นทายาทผู้ทำพินัยกรรมก็ฟ้องได้ เนื่องจากถือว่าเป็นบุคคลสิทธิ บังคับทายาทได้
7. สิทธิครอบครอง เป็นการได้มาโดยทางอื่นนอกจากทางนิติกรรม อยู่ภายใต้ม.1299 วรรคสอง หรือไม่
-ได้มาโดยการครอบครอง ผู้รับโอนคนแรกตามข้อเท็จจริง กับผู้รับโอนคนหลังทางทะเบียน ใครมีสิทธิดีกว่า
-ฎ.2512/2549 ที่ดินมือเปล่า นส.3ก ไม่ใช่หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ มีเพียงสิทธิครอบครอง โจทก์ได้สิทธิครอบครองอันเป็นการได้มาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ม.1299 วรรคสอง จะยึกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอก ผู้เสียค่าตอบแทน สุจริต และจดทะเบียนโดยสุจริตไม่ได้
8. การเพิกถอนการได้ทรัพยสิทธิทางทะเบียน
-ม.1300 "ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นอาจเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้ แต่การโอนอันมีค่าตอบแทน ซึ่งผู้รับโอนกระทำการโดยสุจริตนั้น ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนไม่ได้"
-ม.1299 ให้ความสำคัญกับการจดทะเบียน , ม.1300 เครื่องมือแก้ไขให้ความยุติธรรมแก่ผู้มีสิทธิก่อน
-ม.1299 วรรคสอง กับม.1300 ตอนท้าย มีหลักการเดียวกัน
-ความสุจริตต้องมีตลอดในขณะจดทะเบียน
-ม.1300 ใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาทั้งการได้มาโดยทางนิติกรรม และโดยทางอื่น ตามม.1299 วรรคหนึ่งและวรรคสอง
9. ม.1300 บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน มี 3 กลุ่ม
9.1) ผู้ทำนิติกรรม โดยได้ชำระราคาครบถ้วน และเข้าครอบครองแล้ว (บุคคลตามม.1299 วรรคหนึ่ง)
-ฎ.8698/2549 ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อขาย ผู้ร้องชำระราคาครบถ้วน เข้าครอบครองแล้ว คงเหลือการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนของตนอยู่ได้ก่อนตามม.1300 โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาท เพื่อบังคับคดีอันเป็นการกระทบสิทธิผู้ร้อง (หมายเหตุ ปกติสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นบุคคลสิทธิเท่านั้น ไม่สามารถยันบุคคลภายนอกได้ แต่หากชำระราคาครบถ้วนและครอบครองแล้ว จึงมีสิทธิดีกว่าหรือไปไกลกว่าบุคคลสิทธิทั่วไป ใช้ยันบุคคลภายนอก เป็นบุคคลตามม.1300)
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น