สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 13)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 13)
อาจารย์นรินทร ตั้งศรีไพโรจน์
วันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568
**********
1. ผลแห่งสัญญา
1.1) สัญญาต่างตอบแทน ม.369-372 (มาตราสำคัญ 369 , 370 วรรคหนึ่ง และ 372)***
1.2) สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ม.374-376
1.3) ความตกลงยกเว้นไม่ให้ลูกหนี้ต้องรับผิด ม.373 (ไม่น่าออกข้อสอบ)
-ถ้าผลแห่งสัญญาไม่ได้บัญญัติไว้ ให้นำผลแห่งหนี้ (ม.203-289) มาปรับใช้
2. ผลแห่งสัญญาต่างตอบแทน สิทธิที่จะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้ตามสัญญาเดียวกัน
-ม.369 "ในสัญญาต่างตอบแทนนั้น คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้ แต่ความข้อนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าหนี้ของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ถึงกำหนด"
-หนี้ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องถึงกำหนดชำระพร้อมกัน
-กรณีหนี้ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายถึงกำหนดชำระไม่พร้อมกัน
-ฎ.7506/2560 ในวันนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์มีเงินพร้อมชำระค่าที่ดินพิพาทให้เเก่จำเลย เเต่เมื่อที่ดินพิพาทถูกยึดเพื่อขายทอดตลาด จำเลยจึงไม่พร้อมที่จะชำระหนี้ให้เเก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิไม่ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือให้เเก่จำเลยตามม.369 กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เเม้โจทก์ขอเลื่อนการชำระราคาที่ดินเป็นวันที่ 9 มกราคม 2556 ก็ตาม เเต่ในวันดังกล่าวจำเลยก็ยังไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทให้เเก่โจทก์ได้เพราะอยู่ในระหว่างการร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา
-ฎ.797/2556 แม้สัญญาจะซื้อจะขาย มิได้กำหนดเวลาการเริ่มลงมือก่อสร้างและกำหนดเวลาก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้แล้วเสร็จไว้ แต่เป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องรีบลงมือก่อสร้างและกำหนดเวลาก่อสร้างที่แล้วเสร็จไว้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชนในฐานะผู้บริโภค เมื่อสัญญาไม่ได้กำหนดเวลาไว้แต่เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยก็มีหน้าที่ต้องรีบลงมือก่อสร้าง และก่อสร้างให้แล้วเสร็จในเวลาอันสมควรอันเป็นไป ตามหลักความสุจริตตามม.368 หาใช่การจะเริ่มลงมือก็สร้างและกำหนดเวลาแล้วเสร็จนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของจำเลยแต่ฝ่ายเดียว เพราะจำเลยเป็นผู้รับประโยชน์จากเงินที่โจทก์ชำระไปแล้ว จึงมีหน้าที่ต้องรีบก่อสร้างโดยพลันตามม.203 เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติชำระหนี้ตามม.369 ดังนั้น การที่โจทก์ชำระเงิน 800,000 บาท แก่จำเลยในการทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้วย่อมมีความคาดหวังจะได้เห็นจำเลยปฏิบัติชำระหนี้ตอบแทน คือ การเริ่มลงมือก่อสร้าง แต่เมื่อจะครบกำหนดเวลาชำระเงินดาวน์งวดแรกได้ความว่า จำเลยยังไม่ได้เริ่มลงมือก่อสร้างอาคารพาณิชย์ทำให้โจทก์เกิดความไม่มั่นใจในโครงการของจำเลย เพราะเงินค่างวดที่จะจ่ายแต่ละงวดเป็นจำนวนมากถึงงวดละ 334,000 บาท โจทก์จึงไม่ยอมจ่ายเงินค่างวดและไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำเลยเองก็ไม่ได้แสดงความสุจริตโดยการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงการให้โจทก์ทราบเป็นหนังสือหรือทวงถามให้โจทก์ชำระเงินค่างวดอีก จึงถือได้ว่าการชำระหนี้ของโจทก์มิได้กระทำลงเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ตามม.205 ดังนั้น การที่โจทก์ไม่ได้ชำระเงินค่างวดแก่จำเลยจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาและก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยในการริบมัดจำไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่ก่อสร้างอาคารพาณิชย์ และโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจึงมีผลให้สัญญาจะซื้อจะขายเลิกกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยไปแล้วพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เวลาที่ได้รับเงินไว้ตามม.391
3. ผลแห่งสัญญาต่างตอบแทน การรับผลแห่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแก่วัตถุที่ประสงค์แห่งสัญญา
3.1) ทรัพย์เฉพาะสิ่งสูญหรือเสียหายด้วยเหตุอันจะโทษฝ่ายลูกหนี้มิได้ (ใช้ผลแห่งสัญญา ม.370 วรรคหนึ่ง)
-สัญญาที่ก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง
-ม.370 วรรคหนึ่ง "ถ้าสัญญาต่างตอบแทนมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง และทรัพย์นั้นสูญหรือเสียหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษลูกหนี้มิได้ไซร้ ท่านว่าการสูญหรือเสียหายนั้นตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้"
-ผลที่เกิดแก่ฝ่ายเจ้าหนี้ผู้รับโอนทรัพย์เฉพาะสิ่ง ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามสัญญา แต่เจ้าหนี้ยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตอบแทนตามสัญญาให้แก่ลูกหนี้
-ผลที่เกิดแก่ฝ่ายลูกหนี้ผู้โอนทรัพย์เฉพาะสิ่ง ลูกหนี้ไม่มีหน้าที่ต้องชำระตามสัญญาให้แก่เจ้าหนี้ แต่ยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตอบแทนตามสัญญาจากเจ้าหนี้
3.2) ทรัพย์เฉพาะสิ่งสูญหรือเสียหายด้วยเหตุอันจะโทษฝ่ายลูกหนี้ได้ (ใช้ผลแห่งหนี้)
-ฝ่ายลูกหนี้ประมาทเลินเล่อในระหว่างเวลาที่ตนผิดนัด ม.217
-อุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่วัตถุแห่งหนี้ในระหว่างเวลาที่ฝ่ายลูกหนี้ผิดนัด ม.217
-ลูกหนี้ไม่รักษาทรัพย์ด้วยความระมัดระวังเช่นอย่างวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ม.323 วรรคสอง
-การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้ทั้งหมด ม.218 วรรคหนึ่ง ลูกหนี้ต้องใช้ค่าสินไหมให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้น
-การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน ม.218 วรรคสอง ถ้าหากว่าส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้เป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าหนี้จะไม่ยอมรับชำระหนี้ส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้น และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้
--ถ้าส่วนที่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้นไม่เป็นอันไร้ประโยชน์แก่ฝ่ายเจ้าหนี้ ฝ่ายเจ้าหนี้ต้องยอมรับชำระหนี้จากฝ่ายลูกหนี้ไปตามส่วนที่ยังไม่สูญหายหรือเสียหายนั้น
-เจ้าหนี้บอกเลิกสัญญา ม.389 ถ้าการชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนกลายเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษลูกหนี้ได้ไซร้ เจ้าหนี้จะเลิกสัญญานั้นเสียก็ได้
4. ผลแห่งสัญญาต่างตอบแทน นอกจากกรณีตามม.370 , 371
-ม.372 วรรคหนึ่ง "นอกจากกรณีที่กล่าวไว้ในสองมาตราก่อน ถ้าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าลูกหนี้หามีสิทธิจะรับชำระหนี้ตอบแทนไม่"
4.1) ฝ่ายลูกหนี้ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นตกเป็นพับแก่ลูกหนี้ ลูกหนี้หลุดพ้นจากการชำระหนี้ตามสัญญาจากเจ้าหนี้ตามม.219 วรรคหนึ่ง ลูกหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตอบแทนตามสัญญาจากเจ้าหนี้ตามม.372 วรรคหนึ่ง
4.2) ฝ่ายเจ้าหนี้ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นไม่ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ ตามม.370 วรรคหนึ่ง เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามสัญญานั้นจากลูกหนี้ตามม.219 วรรคหนึ่ง เจ้าหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากชำระหนี้ตอบแทนตามสัญญานั้นแก่ลูกหนี้ตามม.372 วรรคหนึ่ง
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น