สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 11)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 11)
อาจารย์นรินทร ตั้งศรีไพโรจน์
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568
**********
1. ลักษณะของคำสนอง
-เป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวที่ต้องมีผู้รับการแสดงเจตนา
-ต้องแสดงเจตนาต่อผู้เสนอหรือบุคคลที่ผู้เสนอกำหนดไว้
-ต้องมีข้อความชัดเจนแน่นอน
-ทำโดยชัดแจ้ง ปริยาย หรือนิ่งก็ได้
-คำสนองเมื่อได้แสดงออกไปแล้ว จะถอนไม่ได้ เพราะทำให้เกิดสัญญาขึ้นแล้ว
-คำสนองต้องตรงตามคำเสนอ ม.357+ม.359 วรรคหนึ่ง ถ้าคำสนองมาถึงล่วงเวลา ให้ถือว่าคำสนองนั้นกลายเป็นคำเสนอขึ้นใหม่
-คำสนองไม่ตรงตามคำเสนอ ม.359 วรรคสอง คำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย ให้ถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับ ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัว
-ฎ.13215/2556* โจทก์มีหนังสือแจ้งต่อ น. ภายหลังจากที่โจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้ว
มีใจความว่าตามที่ น. แจ้งความประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโฉนดที่ดินเลขที่ 424 โจทก์ตกลงจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ น. ในราคา 1,040,000 บาท หาก น. พร้อมที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้ภายในวันที่ 15 ก.ค. 2548 หนังสือของโจทก์ถือได้ว่าเป็นคำสนองรับคำเสนอของ น. แต่ก็เป็นคำสนองรับที่มีข้อความเพิ่มเติมมีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขอย่างอื่นประกอบด้วย ถือว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับคำเสนอบางส่วนของ น. ทั้งเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ด้วยในตัวตามม.359 วรรคสอง ซึ่ง น. ต้องปฏิบัติตามคำเสนอของโจทก์ โดยต้องรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 15 ก.ค. 2548 เมื่อ น. เพิ่งได้รับอนุมัติให้กู้เงินเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2548 แสดงว่า น. มิได้สนองรับคำเสนอโดยการรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างภายในระยะเวลาที่โจทก์กำหนดไว้ คำเสนอของโจทก์ย่อมสิ้นผลไป ไม่ก่อให้เกิดเป็นข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างโจทก์และ น. มิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ หนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยไม่ระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น