สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 10)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายนิติกรรม สัญญา (ครั้งที่ 10)
อาจารย์นรินทร ตั้งศรีไพโรจน์
วันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2568
**********
1. ข้อสอบในเรื่องสัญญาจะมี 4 เรื่องหลัก (ถ้าไม่ใช่ 4 เรื่องนี้ ข้อสอบจะเป็นกฎหมายหนี้) คือ
1.1) สัญญาเกิดหรือยัง
-นักศึกษาต้องตอบให้ได้ว่า อะไรเป็นคำเสนอ คำสนอง หรือคำเสนอใหม่
-มาตราสำคัญ ม.359
1.2) ผลแห่งสัญญา 3 เรื่อง (เอกเทศสัญญา จะเป็นข้อสอบข้อ 4 , 5 , 6 , 7 อย่าเอามาตอบในข้อนิติกรรมสัญญา)
-สัญญาต่างตอบแทน ม.369-372
-สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก (ออกข้อสอบบ่อย และอาจารย์วิชาหนี้ชอบออกข้อสอบ) ม.374-376
-ความตกลงยกเว้นความรับผิด (ไม่เคยออกข้อสอบ เพราะไม่มีประเด็นอะไรมาก) ม.373
1.3) มัดจำและกำหนดเบี้ยปรับ (ถ้าข้อสอบพูดเรื่องมัดจำ อย่าเพิ่งเชื่อว่าเป็นมัดจำ) ความตกลงให้ลูกหนี้รับผิดเพิ่มขึ้น ม.377-378
1.4) เลิกสัญญา
2. การเกิดสัญญา สิ่งแรกที่ต้องดูคือเป็นคำเสนอไหม
2.1) คำเสนอ คือ การแสดงเจตนาต่อบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อขอให้ทำสัญญาด้วยตามข้อความที่กำหนดไว้
2.2) ลักษณะของคำเสนอ
-เป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว ซึ่งต้องมีผู้รบการแสดงเจตนา
-เป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง
-ต้องมีข้อความชัดเจนแน่นอน
-แสดงเจตนาต่อบุคคลโดยเจาะจงหรือต่อสาธารณชนก็ได้
-ผู้เสนอไม่มีสิทธิปฏิเสธหรือเลือกปฏิบัติกรณีการทำคำเสนอต่อสาธารณชน
2.3) กรณีไม่ใช่คำเสนอ (เพราะไม่มีความชัดเจนแน่นอน , ความยินยอม หรือเป็นการประกาศ)
-คำเชื้อเชิญ
-คำปรารภ
-การแสดงความประสงค์
-การเรียกประกวดราคา
3. ผลของคำเสนอ
3.1) คำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนอง
-การถอนคำเสนอ
-ม.354 "คำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น ท่านว่าไม่อาจจะถอนได้ภายในระยะเวลาที่บ่งไว้" ถ้ากำหนดเวลาไว้ จะถอนคำเสนอภายในกำหนดนั้นไม่ได้ ซึ่งผู้สนองต้องสนองภายในเวลาที่กำหนด
-ม.169 วรรคหนึ่ง "การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา แต่ถ้าได้บอกถอนไปถึงผู้รับการแสดงเจตนานั้นก่อนหรือพร้อมกันกับที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา การแสดงเจตนานั้นตกเป็นอันไร้ผล"
3.2) คำเสนอจะทำสัญญาโดยมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนอง
-คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า
-ม.356 "คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า .. ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงการที่บุคคลคนหนึ่งทำคำเสนอไปยังบุคคลอีกคนหนึ่งทางโทรศัพท์ด้วย"
-ม.356 "คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า โดยมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น เสนอ ณ ที่ใดเวลาใดก็ย่อมจะสนองรับได้แต่ ณ ที่นั้นเวลานั้น .."
-คำเสนอทำแก่บุคคลผู้มิได้อยู่เฉพาะหน้า
-ม.355 "บุคคลทำคำเสนอไปยังผู้อื่นซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง และมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนอง จะถอนคำเสนอของตนเสียภายในเวลาอันควรคาดหมายว่าจะได้รับคำบอกกล่าวสนองนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่"-ม.357 "คำเสนอใดเขาบอกปัดไปยังผู้เสนอแล้วก็ดี หรือมิได้สนองรับภายในเวลากำหนดดังกล่าวมาในมาตราทั้งสามก่อนนี้ก็ดี คำเสนอนั้นท่านว่าเป็นอันสิ้นความผูกพันแต่นั้นไป"
-ฎ.1824/2567 ขณะจำเลยที่ 2 หรือพนักงาน้าน บ. ของจำเลยที่ 2 โทรศัพท์สั่งซื้อสินค้าตามฟ้องจากโจทก์อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี โจทก์เจรจาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดกาญจนบุรีต่างเป็นสถานที่ตกลงทำสัญญาซื้อขายซึ่งก่อให้เกิดสัญญาร่วมกันตามม.356 โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินค้าตามฟ้องจากจำเลยที่ 2 ต่อศาลแขวงสมุทรปราการอันเป็นศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลได้ตามป.วิ.พ.ม.4(1) มิได้ทำให้จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งเป็นสถานที่ที่จำเลยที่ 2 ได้รับคำสนองอยู่เป็นสถานที่มูลคดีเกิดเพียงแห่งเดียว
-ฎ.304/2566 สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทพร้อมอาคารที่ทำขึ้นระหว่างโจทก์กับ ศ. ผู้ซื้อเดิม เมื่อโจทก์ ศ. และจำเลยตกลงกันให้จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทพร้อมอาคารแทน ศ. โดยโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันใหม่ จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามม.349 , 350 มีผลทำให้มูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อขายซึ่งเป็นมูลหนี้เดิมระงับลง โดยโจทก์และจำเลยต้องผูกพันกันตามสัญญาซื้อขายที่ดิน โจทก์จึงไม่อาจอ้างข้อตกลงตามสัญญาจะซื้อขายที่ให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรรับผิดค่าใช้จ่ายในการใช้บริการและค่าส่วนกลางในการบำรุงรักษาบริการสาธารณะมาบังคับผูกพันจำเลยให้รับผิดได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากจำเลยตกลงซื้อที่ดินจากโจทก์ การที่โจทก์จัดให้มีบริการสาธารณะตามฟ้องและเรียกเก็บค่าบริการสาธารณะจากจำเลยเป็นเงินแปลงละ 2,500 บาทต่อเดือน มีลักษณะเป็นคำเสนอให้บริการสาธารณะรายเดือนต่อจำเลย และการที่จำเลยได้ใช้ประโยชน์หรือรับบริการสาธารณะที่โจทก์ได้จัดทำำขึ้นและได้ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางในอัตราดังกล่าวให้แก่โจทก์ตลอดมาก่อนผิดนัด เป็นคำสนองรับคำเสนอของโจทก์เกิดเป็นสัญญารับบริการสาธารณะรายเดือนขึ้นระหว่างโจทก์และจำเลย จำเลยต้องผูกพันตามความตกลงที่เกิดขึ้นนั้น
4. คำเสนอสิ้นความผูกพัน
4.1) ผู้รับคำเสนอบอกปัดไปยังผู้เสนอแล้ว
-ม.357 "คำเสนอใดเขาบอกปัดไปยังผู้เสนอแล้วก็ดี ..คำเสนอนั้นท่านว่าเป็นอันสิ้นความผูกพันแต่นั้นไป"
-ฎ.5382/2564 (บริษัทประกันชีวิตบอกปัดไม่รับประกันชีวิต คำเสนอขอประกันชีวิตสิ้นความผูกพัน สัญญาประกันภัยไม่เกิด) ใบคำขอเอาประกันชีวิตเป็นเพียงคำเสนอขอเอาประกันชีวิต ว. ต่อจำเลย ซึ่งจะเกิดเป็นสัญญาประกันชีวิตมีผลผูกพันกันก็ต่อเมื่อจำเลยสนองรับคำเสนอของ ว. เมื่อจำเลยปฏิเสธการรับประกันชีวิต ว. สัญญาประกันชีวิตจึงไม่เกิดขึ้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่าง ว. ผู้เอาประกันภัยและจำเลยผู้รับประกันภัย การที่จำเลยรับเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากโจทก์เป็นการได้ทรัพย์มาเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิได้มีได้เป็นขึ้ันโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จึงเป็นการได้ทรัพย์มาฐานลาภมิควรได้ตามม.406 วรรคสอง แม้ ว. เป็นผู้เอาประกันภัย จึงเป็นคู่สัญญาประกันชีวิตกับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ตาม แต่เงินเป็นของโจทก์ที่มอบให้จำเลยโดยมีวัตถุประสงค์เป็นค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อประโยชน์แก่ ว. ผู้เอาประกันชีวติ มิใช่เงินที่โจทก์ให้แก่ ว. โดยเสน่หาอันจะถือได้ว่าตกเป็นของ ว. โดยจำเลยรับไว้แทน ว. เงินดังกล่าวจะตกเป็นสิทธิแก่จำเลยเป็นค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อประโยชน์แก่ ว. โดยสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อสัญญาประกันชีวิตเกิดขึ้นมีผลผูกพันตามกฎหมาย เมื่อสัญญาประกันชีวิตไม่เกิดขึ้น เพราะจำเลยปฏิเสธไม่รับประกันชีวิต ว. ว.จึงยังไม่มีสิทธิใด ๆ ในเงินค่าเบี้ยประกันภัย สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยประกันภัยคืนจากจำเลยยังคงเป็นของโจทก์ การที่จำเลยปฏิเสธไม่คืนให้แก่โจทก์ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนแก่โจทก์ได้ การที่จำเลยคืนเงินค่าเบี้ยประกันภัยดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ ว. ไม่ทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ต้องคืนเงินค่าเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์ระงับลง
4.2) ผู้รับคำเสนอมิได้สนองรับภายในเวลากำหนด
-คำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนอง
-ม.357 คำเสนอใด มิได้สนองรับภายในเวลากำหนดดังกล่าวมาในมาตราทั้งสามก่อนนี้ก็ดี คำเสนอนั้นเป็นอันสิ้นความผูกพันแต่นั้นไป
-ม.354 คำเสนอจะทำสัญญาอันบ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น ไม่อาจจะถอนได้ภายในระยะเวลาที่บ่งไว้
-ผู้รับคำเสนอไม่ทำคำสนองไปยังผู้เสนอภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามม.357 ประกอบม.354
-คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า
-ม.357
-ม.356 คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า โดยมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น เสนอ ณ ที่ใดเวลาใดก็ย่อมจะสนองรับได้แต่ ณ ที่นั้นเวลานั้น
-ผู้รับคำเสนอไม่ทำคำสนองไปยังผู้เสนอ ณ ที่นั้น เวลานั้นตามม.357 ประกอบม.356 คำเสนอจะทำสัญญาแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้าโดยมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองจะสิ้นความผูกพัน
5. (กรณียกเว้น) คำบอกกล่าวสนองมิได้ล่วงเวลา
-ม.358 "ถ้าคำบอกกล่าวสนองมาถึงล่วงเวลา แต่เป็นที่เห็นประจักษ์ว่าคำบอกกล่าวนั้นได้ส่งโดยทางการซึ่งตามปกติควรจะมาถึงภายในเวลากำหนดไซร้ ผู้เสนอต้องบอกกล่าวแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งโดยพลันว่าคำสนองนั้นมาถึงเนิ่นช้า เว้นแต่จะได้บอกกล่าวเช่นนั้นก่อนแล้ว
ถ้าผู้เสนอละเลยไม่บอกกล่าวดังว่ามาในวรรคต้น ท่านให้ถือว่าคำบอกกล่าวสนองนั้นมิได้ล่วงเวลา"
ถ้าผู้เสนอละเลยไม่บอกกล่าวดังว่ามาในวรรคต้น ท่านให้ถือว่าคำบอกกล่าวสนองนั้นมิได้ล่วงเวลา"
6. ผู้เสนอตายหรือถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
6.1) คำสนองรับขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง
-ม.360 บทบัญญัติแห่งม.169 วรรคสองนั้น มิให้ใช้บังคับถ้าหากว่าขัดกับเจตนาอันผู้เสนอได้แสดง
6.2) คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่า ผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ
-ม.360 บทบัญญัติแห่งม.169 วรรคสองนั้น มิให้ใช้บังคับ ถ้า..หากว่าก่อนจะสนองรับนั้น คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้อยู่แล้วว่าผู้เสนอตายหรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ
-ตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ หมายถึง ถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ก่อนจะสนองรับ
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น