สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 10)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 10)
อาจารย์พรภัทร์ ตันติกุลานันท์
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
**********
1. ผลของการไม่ชำระค่าหุ้นตามที่เรียกเก็บ 4 ประการ (ต่อ)
1.1) เสียดอกเบี้ย ม.1122 เสียดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดตามม.224 (โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเรื่องดอกเบี้ยไปในคำบอกกล่าวตามม.1123)
1.2) หุ้นอาจถูกริบ ขายทอดตลาด ม.1123 บอกกล่าวให้ใช้เงินเป็นครั้งที่สอง กำหนดเวลาพอสมควร และจะแจ้งไปด้วยก็ได้ว่าถ้าไม่ใช้เงินหุ้นอาจจะถูกริบ , ม.1124 ถ้าคำบอกกล่าวได้บอกว่าอาจถูกริบหุ้นไว้แล้ว กรรมการจะบอกริบหุ้นเมื่อใดก็ได้ , ม.1125 หุ้นที่ริบแล้วให้เอาออกขายทอดตลาด ได้เงินแล้วเอาหักใช้ค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ย ถ้ามีเงินเหลือส่งให้ผู้ถือหุ้น (ถ้าขาด ผู้ถือหุ้นต้องรับผิดตามม.1106) , ม.1126 แม้วิธีการริบหุ้นขายหุ้นไม่ถูกต้องตามระเบียบ ผู้ที่ซื้อหุ้นไปก็ไม่เสื่อมเสียสิทธิ , ม.1143 ห้ามบริษัทเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองหรือรับจำนำหุ้นของตนเอง
-ฎ.4003/2559 ตามมาตรา 1120 เงินค่าหุ้นซึ่งยังต้องส่งอีก
กรรมการจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยเป็นอย่างอื่น จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ชำระค่าหุ้นอีกร้อยละ 75 ที่จองซื้อไว้
ตามที่กรรมการโจทก์เรียก โจทก์ย่อมมีสิทธิริบหุ้นโดยไม่ต้องรอให้ที่ประชุมใหญ่ของโจทก์จัดประชุมใหญ่เพื่อวินิจฉัยในเรื่องนี้ เพราะบทบัญญัติของกฎหมายมิได้กำหนดให้มีการการจัดประชุมใหญ่เสียก่อน จึงจะชำระค่าหุ้นเพิ่มเติม... ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิริบหุ้นออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระค่าหุ้นเพิ่มเติมซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4จะต้องรับผิดค่าหุ้นเพิ่มเติม
รวมทั้งดอกเบี้ย
-ฎ.2837/2537 มาตรา 1125 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดหุ้นที่ริบแล้วได้เงินมากกว่ามูลค่าหุ้นที่ผู้ถือหุ้นต้องรับผิด ก็ให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ถ้ายังมีเงินเหลือเท่าใด ต้องส่งคืน
ให้แก่ผู้ถือหุ้น ส่วนกรณีที่ขายได้เงินน้อยกว่ามูลค่าหุ้นที่ผู้จองซื้อเป็นหนี้ค่าหุ้นบริษัท เป็นกรณีตามม.1106 ดังนี้ เมื่อจำเลยจองซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์และต้องชำระเงินเต็มมูลค่าหุ้นแต่ไม่ชำระ ย่อมเป็นหนี้บริษัทโจทก์ซึ่งมีผลให้บริษัทโจทก์เรียกให้จำเลยชำระได้ดังหนี้ทั่วไป การที่บริษัทโจทก์ขายทอดตลาดหุ้นที่จำเลยจองซื้อได้เงินเท่าใด
ก็นำมาหักชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระเงินมูลค่าหุ้นได้ เมื่อยังขาดอยู่เท่าใด
จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ส่วนที่ขาดอยู่แก่โจทก์
1.3) หากมีการโอนหุ้น บริษัทไม่รับจดทะเบียนโอนได้
-ม.1129 หุ้นย่อมโอนกันได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของบริษัท แต่การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น
-ม.1130 ค่าหุ้นที่ค้างชำระอยู่ บริษัทจะไม่ยอมรับจดทะเบียนให้โอนก็ได้
1.4) ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน (แต่มีสิทธิเข้าประชุม และได้เงินปันผลตามสัดส่วนที่ส่งเงินค่าหุ้น)
-ม.1176 ผู้ถือหุ้นทุกคนมีสิทธิเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุมชนิดใดคราวใด
-ม.1184 ผู้ถือหุ้นใดยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้นซึ่งบริษัทได้เรียกเอาแต่ตนให้เสร็จสิ้น ไม่มีสิทธิออกเสียงเป็นคะแนน
-ม.1200 การแจกเงินปันผล ต้องคิดตามส่วนจำนวนซึ่งผู้ถือหุ้นได้ส่งเงินแล้วในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะได้ตกลงเป็นอย่างอื่นในหุ้นบุริมสิทธิ
2. การโอนหุ้น
2.1) การโอนหุ้นตามใบหุ้นชนิดผู้ถือ เป็นตราสารเปลี่ยนมือ โอนโดยส่งมอบใบหุ้น
-ม.1135 หุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนกันได้เพียงด้วยส่งมอบใบหุ้นแก่กัน
2.2) การโอนหุ้นตามใบหุ้นชนิดระบุชื่อ
-อาจถูกจำกัดการโอนโดยข้อบังคับบริษัท เช่น ต้องขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ กรรมการเห็นชอบ หรือห้ามขายแก่บริษัทที่ค้าขายแข่ง ม.1129 วรรคหนึ่ง
-ฎ.5953/2561 หุ้นที่ ค. โอนให้ ก.เป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้น
โดยมีข้อบังคับกำหนดไว้ว่าหุ้นของบริษัทนั้นโอนกันได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการก่อน และมติในการประชุม
ของคณะกรรมการเกี่ยวกับการให้ความยินยอมในการโอนหุ้นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากกรรมการอย่างน้อย 5 คน การโอนหุ้นระหว่าง ค. กับ ก. จึงต้องเป็นไปตามข้อบังคับดังกล่าว ขณะที่ ค. ทำสัญญาโอนหุ้นให้ ก. นั้นไม่ได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการ และมิได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ
แม้จะแจ้งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นไปยังนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทว่า ก. เป็นผู้ถือหุ้นที่รับโอนจาก ค. ก็ดี แต่เป็นการกระทำของ ก. ไม่ใช่เป็นของคณะกรรมการ การโอนหุ้นระหว่าง ค. กับ ก. เป็นการฝ่าฝืนต่อข้อบังคับและไม่ชอบด้วยมม.1129 วรรคหนึ่ง ก. ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในหุ้น และไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้น
-ฎ.3829/2564 ข้อบังคับระบุว่า หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อ ส่วนการโอนหุ้นนั้น ผู้จะโอนต้องบอกกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน และหลังจากนั้นแล้ว 30 วัน หากไม่มีผู้ใดประสงค์จะรับโอน จึงจะโอนให้แก่บุคคลภายนอกได้ และต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการด้วย
แม้ไม่มีการจัดทำใบหุ้นให้ผู้ถือหุ้นแต่ละราย แต่เมื่อหุ้นบริษัทมีการออกเลขหมายใบหุ้นแล้ว กรณีจึงต้องบังคับตามม.1129 วรรคหนึ่ง ด้วย
แม้ไม่เคยมีการตั้งคณะกรรมการ แต่เมื่อข้อบังคับบริษัทซึ่งได้จดทะเบียนไว้
และผูกพันเป็นสัญญาในระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทกำหนดให้การโอนหุ้นต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ย่อมเป็นหน้าที่ของบริษัทต้องดำเนินการให้มีคณะกรรมการบริษัทเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับ การไม่มีคณะกรรมการบริษัท
มิใช่เหตุที่จะยกขึ้นปฏิเสธการปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการโอนหุ้นดังกล่าว ทั้งข้อบังคับมิได้มีข้อยกเว้นว่า ถ้าเป็นการโอนหุ้นให้แก่บุคคลภายในครอบครัวหรือการโอนหุ้นให้แก่บุตรแล้วไม่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ การที่ จ. โอนหุ้นตามฟ้องให้จำเลยที่ 3 บุตรของ จ. ซึ่งไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิม แต่เป็นบุคคลภายนอก โดยมิได้บอกกล่าวให้แก่โจทก์และผู้ถือหุ้นเดิมคนอื่น ๆ
ทราบ เพื่อให้โจทก์และผู้ถือหุ้นเดิมมีโอกาสรับโอนหุ้นจาก จ. ภายในเวลาที่
กำหนดไว้ในข้อบังคับของจำเลยที่ 1 เสียก่อน จึงไม่เป็นไปตามข้อบังคับและเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจำเลยที่ 1 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ขอให้เพิกถอนการโอนหุ้นที่ฝ่าฝืนต่อข้อบังคับนั้นได้ตามม.1129
-วิธีการโอน ม.1129 วรรคสอง การโอนต้องทำตามแบบ คือ 1) ทำเป็นหนังสือ 2) ลงลายมือชื่อผู้โอนและ
ผู้รับโอน 3) พยานหนึ่งคนลงชื่อรับรองลายมือชื่อ ส่วนเลขหมายหุ้นไม่ใช่สาระสำคัญ
-หากไม่ทำตามแบบ ตกเป็นโมฆะ ผู้รับโอนไม่ใช่ผู้ถือหุ้น แม้จะสุจริต เสียค่าตอบแทน ใช้สิทธิใด ๆ เข้าประชุมลงคะแนนไม่ได้ โอนหุ้นต่อไม่ได้ ผู้รับโอนต่อไม่มีสิทธิเช่นกัน ผู้โอนฟ้องเรียกคืนหุ้นได้ บริษัทไม่ออกใบหุ้นให้ได้
-ฎ.57/2540 การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้น ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้น ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ
แต่ตามหลักฐานใบโอนหุ้นตามคำฟ้องโจทก์และใบสำคัญการโอนหลักทรัพย์คงมีแต่ลายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจและประทับตราสำคัญของ
บริษัท อ. ผู้โอน โดยไม่มีรายชื่อผู้รับโอนและพยานลงลายมือชื่อรับรอง การโอนหุ้นระหว่างโจทก์กับบริษัท อ. จึงไม่มีผลใช้ยันบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ การที่บริษัทจำเลยที่ 1 ปฏิเสธการออกใบหุ้นให้แก่โจทก์เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้
-แม้การไม่ทำตามแบบ ตกเป็นโมฆะ ผู้รับโอนใช้สิทธิใด ๆ ไม่ได้ แต่ถ้าเข้ากรณีของการซื้อขายหุ้น (สังหาริมทรัพย์) ตามม.456 วรรคสาม และม.458 ซึ่งสามารถฟ้องบังคับกันได้ ผู้รับโอนก็ฟ้องผู้โอนให้ดำเนินการตามแบบการโอนหุ้นที่ถูกต้องได้
-ฎ.11883/2554 การซื้อขายหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องปฏิบัติตามม.456 วรรคสองและวรรคสาม ส่วนม.1129 วรรคสอง เพียงกำหนดแบบของการโอนหุ้นที่มีหลักฐานการโอนที่แน่นอนเท่านั้น หาใช่แบบของการซื้อขายหุ้น ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้โอนหุ้นให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวยังไม่อาจอ้างว่าตนเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท และไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้น หาทำให้การซื้อขายหุ้นตกเป็นโมฆะไม่
-การจดแจ้งการโอนในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ม.1129 วรรคสาม , ม.1138 , ม.1139 , ม.1141 การโอนที่ถูกต้องตามแบบ ม.1129 วรรคสอง ใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา แต่ยังใช้ยันบริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจดแจ้งการโอนในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
, สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น สำหรับบันทึกเกี่ยวกับหุ้น ผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น การเปลี่ยนแปลงรายการต่าง ๆ การขายหุ้น
, ผู้โอนหรือผู้รับโอนเป็นผู้จดแจ้งก็ได้
, ถ้ากรรมการผู้จัดการบริษัทรู้เห็นการโอนแล้ว เช่น การโอนทำต่อหน้ากรรมการ กรรมการเป็นพยาน เป็นผู้รับโอนหรือเป็นผู้โอนเอง ก็ไม่ต้องจดแจ้งอีก เป็นหน้าที่กรรมการที่จะต้องจัดการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน
-ฎ.1253/2537 การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อจะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น เมื่อจำเลยยังไม่ได้จดแจ้งการรับโอนหุ้น จึงไม่ถือว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้น ไม่มีสิทธิเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นตามม.1176 และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมดังกล่าว
-ฎ.3913/2531 การโอนหุ้นทำที่บริษัทจำเลยต่อหน้ากรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยจึงมีหน้าที่จดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นโดยไม่จำต้องให้ผู้โอนหรือผู้รับโอนแจ้งอีก การที่บริษัท
จำเลยไม่จดแจ้งการโอนลงในทะเบียน จึงเป็นความผิดของบริษัทจำเลยเอง
แม้ม.1129 วรรคสาม จะบัญญัติถึงการโอนหุ้นที่ไม่ได้จดแจ้งการโอนลงในทะเบียนว่าจะนำมาใช้ยันแก่บริษัทไม่ได้ แต่ก็หมายถึงว่าเป็นเรื่องที่ผู้โอนและผู้รับโอนโอนหุ้นกันเองโดยบริษัทมิได้รู้เห็นด้วย กฎหมายจึงให้ถือตามที่ปรากฏอยู่ในทะเบียน เมื่อการโอนหุ้นได้โอนกันที่บริษัทจำเลย
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยรู้เห็นเป็นพยาน จึงมิใช่กรณีที่จะอ้างม.1129 วรรคสาม มาใช้ได้
2.3) ความรับผิดของผู้ถือหุ้นในหุ้นที่โอนไปแล้ว
-หากหุ้นที่โอนไป ยังใช้เงินค่าหุ้นไม่ครบ ผู้รับโอนมีหน้าที่ใช้เงินให้ครบแก่บริษัท แต่ผู้โอนยังต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัทในจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบบางกรณี
-ม.1133 "หุ้นซึ่งโอนกันนั้น ถ้าเป็นหุ้นอันมิได้ส่งเงินใช้เต็มจำนวนค่าหุ้น ท่านว่าผู้โอนยังคงต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังมิได้ส่งใช้ให้ครบถ้วนนั้น แต่ว่า
(1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนึ่งอันใดของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน
(2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้
ในข้อความรับผิดเช่นว่ามานั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้โอนเมื่อพ้นสองปีนับแต่ได้จดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น"
(1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนึ่งอันใดของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังโอน
(2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้
ในข้อความรับผิดเช่นว่ามานั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้โอนเมื่อพ้นสองปีนับแต่ได้จดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น"
-ม.1133 เป็นความรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัท ไม่ใช่บริษัท เพราะโอนหุ้นไปแล้ว
ภายใต้หลักเกณฑ์ ดังนี้
(1) ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบ
(2) หนี้บริษัทเกิดขึ้นก่อนโอนหุ้น
(3) เจ้าหนี้ไม่สามารถเรียกให้บรรดาผู้ถือหุ้นปัจจุบันชำระค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่ได้ หากยังเรียกได้ ก็ต้องใช้สิทธิเรียกตามส่วนลงหุ้นที่ยังค้างอยู่ (ม.1096)
(4) ความรับผิดจำกัดเพียงค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบขณะถูกเรียกร้อง
(5) อายุความ 2 ปี นับแต่วันจดแจ้งการโอนในทะเบียน
-เช่น บริษัท มี ก ข ค เป็นผู้ถือหุ้น ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบคนละ 10,000 บาท บริษัทเป็นหนี้นายเอ 100,000 บาท ต่อมา ค โอนหุ้นให้ ง
ถ้านายเอ เจ้าหนี้บริษัท เรียกให้บริษัทชำระหนี้ แต่บริษัทไม่สามารถชำระ
หนี้ได้ รวมทั้ง ก ข และ ง ก็ไม่อาจชำระค่าหุ้นในส่วนที่ยังส่งใช้ไม่ครบ นายเอมีสิทธิเรียกให้ ค ผู้โอนหุ้นรับผิดชำระค่าหุ้นในส่วนที่ ง ผู้รับโอนยังค้างชำระอยู่ 10,000 บาท ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่จดแจ้งการโอนในสมุด
ทะเบียนผู้ถือหุ้น
ถ้าปรากฏว่า ง ผู้รับโอนส่งใช้เงินค่าหุ้นบางส่วนแล้วแก่บริษัทก่อนหน้านี้
เป็นเงิน 4,000 บาท นายเอจะเรียกให้ ค รับผิดได้เพียง 6,000 บาท
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น