สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 13-14)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 13-14)
อาจารย์พรภัทร์ ตันติกุลานันท์
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568
**********
1. หลักเกณฑ์การประชุม
1.1) การเรียกประชุม ม.1175* (บรรยายในครั้งที่แล้ว)
-กรณีประชุมใหญ่เพื่อลงมติพิเศษ ให้บอกกล่าวโดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ โดยส่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน
-ถ้ามีหุ้นชนิดใบหุ้นออกแก่ผู้ถือ ต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อย 1 ครั้ง หรือในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน
-เนื้อหาคำบอกกล่าว นอกจากสถานที่ วัน เวลา และสภาพแห่งกิจการ ต้องมีข้อความที่จะนำเสนอให้ลงมติเพื่อผู้ถือหุ้นจะได้เตรียมสอบถามหรือแสดงความเห็น เช่น ระบุไว้ชัดเจน วาระที่... แก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อที่ ... ชื่อของบริษัท จาก...เป็น... หรือระบุโดยใช้เอกสารแนบ แก้หนังสือบริคณห์สนธิข้อที่ ... วัตถุประสงค์ของบริษัท ตามเอกสารแนบ (ฎ.3075/2560)
1.2) ผู้เข้าประชุม
-ม.1176 ผู้ถือหุ้นทุกคน มีสิทธิจะเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุมชนิดใดคราวใด
-แม้ยังใช้เงินค่าหุ้นไม่ครบหรือมีส่วนได้เสียพิเศษ ก็เข้าประชุมได้
-ถ้ามีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นและไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรง (กรรมการ) เข้าประชุม การประชุมไม่ชอบ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิกถอนมติต่อไป , แต่ถ้าผู้ถือหุ้นตาย ผู้จัดการมรดกเข้าประชุมแทนเจ้ามรดกได้
1.3) วิธีการประชุม
-องค์ประชุม ม.1178 การประชุมใหญ่ต้องมีผู้ถือหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมกันไม่น้อยกว่าสองคน และมีจำนวนหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัท จึงจะสามารถลงมติในเรื่องใด ๆ ได้
-ผู้เข้าประชุมรวมกันไม่น้อยกว่า 2 คน คนเดียวไม่ได้ จำนวนองค์ประชุมถ้าข้อบังคับกำหนดไว้ก็เป็นไปตามนั้น แต่รวมจำนวนหุ้นต้องไม่น้อยกว่า 1 ใน 4
-ประธานในที่ประชุม ม.1180 , 1181 , 1193
-ถ้ามีประธานกรรมการ ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุมใหญ่ , ถ้าไม่มี ให้เลือกผู้ถือหุ้นขึ้นเป็นประธาน (ไม่รวมถึงผู้รับมอบฉันทะหรือกรรมการที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น)
-ประธานในที่ประชุมมีคะแนนเสียงอีกคะแนน เพื่อชี้ขาดกรณีคะแนนเสียงเท่ากัน และมีสิทธิเลื่อนการประชุม
-ผู้มีสิทธิลงคะแนน หลักคือผู้ถือหุ้นทุกคน ม.1183 , 1184 , 1185
-ส่วนได้เสียต้องเป็นพิเศษไม่ใช่ตามธรรมดา คือ ผู้ถือหุ้นมีส่วนได้เสียโดยตรง เช่น ซื้อที่ดิน กู้ยืมเงิน แต่ไม่รวมถึงการตั้งกรรมการ ให้บริษัทชำระหนี้แก่ตน
-ฎ.6454/2561 การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการบริษัท เป็นเรื่องปกติของการบริหารจัดการบริษัท ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การควบคุมหรือครอบงำของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น ผู้ถือหุ้นย่อมมีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการบริษัทได้ โดยถือตามคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รับรองสิทธิของผู้ถือหุ้นในการควบคุมดูแลการจัดการงานของบริษัท การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ใช้สิทธิออกเสียงปลดโจทก์ทั้งสองออกจากกรรมการและปลดโจทก์ที่ 1 ออกจากประธานกรรมการ และแต่งตั้งจำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของจำเลยที่ 1แทน จึงเป็นปกติธรรมดาของวิธีการจัดการบริษัทจำกัด
-การลงคะแนน มี 2 วิธี ชูมือและลงคะแนนลับ ม.1182 , 1190 , 1192 , 1193
-หลักคือออกเสียงโดยวิธีชูมือ เว้นแต่ผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน ขอให้ลงคะแนนลับ อาจร้องขอก่อนวันประชุม แต่ไม่มาในวันประชุมก็ได้
-ลงคะแนนลับคือนับจำนวนหุ้น , ส่วนลงคะแนนโดยวิธีชูมือ ผู้ถือหุ้น 1 คน มี 1 เสียง
-วิธีในการลงคะแนนลับ ตามแต่ประธานสั่ง เช่น เขียนใส่กระดาษปิดซอง
-ถ้าประธานในที่ประชุมเป็นผู้ถือหุ้นด้วย ก็มีสิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้น และมีสิทธิออกเสียงชี้ขาดกรณีคะแนนเสียงเท่ากัน
2. มติธรรมดาและมติพิเศษ*
2.1) มติธรรมดา ถือตามเสียงข้างมาก ของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม เฉพาะที่ได้ออกเสียง (ไม่รวมงดออกเสียง/ไม่เข้าประชุม)
-กิจการที่ใช้มติธรรมดา เข่น เลือกตั้งกรรมการ ถอดถอนกรรมการ อนุมัติบำเหน็จกรรมการ
2.2) มติพิเศษ ถือตามคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน (กรณีงดออกเสียงก็ถือว่าคัดค้านมติพิเศษ) ม.1194 + ม.1183 , 1184 , 1185
-กิจการที่ใช้มติพิเศษ เช่น เปลี่ยนแปลงข้อบังคับ แก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ เพิ่มทุนโดยออกหุ้นใหม่ เลิกบริษัท
3. การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่***
-ม.1195 การประชุมใหญ่นั้น ถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกัน หรือได้ลงมติฝ่าฝืนบทบัญญัติในลักษณะนี้ก็ดี หรือฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทก็ดี เมื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องขึ้นแล้ว ให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมตินั้น
-เพิกถอนมติเป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ใช่เพิกถอนการประชุม
-ถ้าไม่มีคำสั่งศาลเพิกถอนมติ มตินั้นก็สมบูรณ์
3.1) เหตุขอให้เพิกถอน
-นัดเรียกประชุมไม่ชอบ เช่น คณะกรรมการต้องเป็นผู้เรียกประชุมวิสามัญ ม.1172 วรรคหนึ่ง , ถ้าผู้ถือหุ้นร้องขอต้องไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของหุ้น ม.1173 , ส่งคำบอกกล่าวเรียกประชุมไม่ชอบ น้อยกว่า 7 วัน หรือ 14 วัน หรือไม่มีสภาพแห่งกิจการ ไม่ระบุข้อความ ม.1175
-ประชุมไม่ชอบ เช่น บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเข้าประชุม ม.1176 , ประชุมคนเดียว ม.1178
-ลงมติไม่ชอบ เช่น ไม่ให้ลงคะแนนลับเมื่อผู้ถือหุ้นสองคนร้อยขอ ม.1190 , บางกิจการต้องลงมติพิเศษ แต่กลับลงมติธรรมดา
3.2) ผู้มีสิทธิขอให้เพิกถอน เฉพาะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น รวมถึงทายาทผู้รับมรดกผู้ถือหุ้นที่ตาย แม้ยังไม่จดทะเบียนในสมุดทะเบียน
3.3) กำหนดเวลาร้องขอต่อศาล ภายใน 1 เดือน นับแต่วันลงมติ ไม่ใช่อายุความ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
3.4) กรณีที่ไม่ใช่เรื่องการเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ม.1195
-ไม่เข้าม.1195 จึงไม่ต้องร้องขอภายใน 1 เดือน
-ทำรายงานประชุมเท็จ ไม่มีการประชุมเลย ฎ.7926/2557
-เรียกประชุมโดยผู้ถือหุ้นที่ไม่มีสิทธิ ฎ.1310/2517
-ผู้เข้าประชุมและลงมติไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ไม่ถือว่าเป็นการประชุมใหญ่
3.5) ผลของการเพิกถอนมติ
-ถ้าไม่มีการเพิกถอน มติยังคงสมบูรณ์
-เมื่อเพิกถอนแล้ว ไม่มีผลย้อนหลัง
3.6) ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ไม่ได้มีสิทธิฟ้องเพิกถอนนิติกรรมที่บริษัทกระทำลง ฎ.4605/2561
4. เงินปันผล ม.1200 , 1201
-เงินปันผล เป็นเงินจากผลกำไรของบริษัท ที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนซึ่งชำระราคาแล้วของแต่ละหุ้น แบ่งเป็น 2 ประเภท 1) เงินปันผลประจำปี ม.1201 วรรคหนึ่ง ใช้มติที่ประชุมใหญ่ธรรมดา และ 2) เงินปันผลระหว่างกาล ม.1201 วรรคสอง มติที่ประชุมคณะกรรมการ เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการโดยแท้
-เงินปันผลต้องจ่ายจากกำไรสะสมของบริษัท ไม่ใช่กำไรเฉพาะปีนั้น และต้องไม่มีขาดทุนสะสม ม.1201 วรรคสาม
5. เงินทุนสำรอง ม.1202
-นอกจากทุนโดยแท้ (ทุนจดทะเบียน) บริษัทต้องธำรง "ทุนสำรอง" ไว้ เพราะทุนเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เมื่อเลิกกิจการ
-ก่อนจ่ายเงินปันผลแต่ละครั้ง ต้องกันกำไรไว้เป็นทุนสำรอง อย่างน้อยร้อยละ 5 ของผลกำไรที่จะจ่าย จนกว่าจะถึงร้อยละ 10 ของจำนวนทุนบริษัท ม.1202 วรรคหนึ่ง
-ส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ถ้าออกหุ้นราคาสูงกว่ามูลค่าหุ้น ต้องใช้ส่วนล้ำพร้อมเงินค่าหุ้นคราวแรก ม.1105 วรรคสอง และส่วนล้ำนี้ต้องเก็บไว้เป็นทุนสำรอง ม.1202 วรรคสอง
6. การเพิ่มทุน (ม.1220 , 1221 , 1222 ออกข้อสอบปีที่แล้ว) และการลดทุน (ม.1224 , 1225)
7. การเลิกบริษัท
7.1) โดยผลของกฎหมาย ม.1236 เมื่อเกิดเหตุ มีผลเลิกกันทันที ไม่ต้องฟ้องศาล มี 5 กรณี
-ม.1236 อันบริษัทจำกัดย่อมเลิกกันด้วยเหตุดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าในข้อบังคับของบริษัทมีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกันเมื่อมีกรณีนั้น
(2) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใด เมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
(3) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้น
(4) เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
(5) เมื่อบริษัทล้มละลาย (ไม่ใช่แค่พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด)
(1) ถ้าในข้อบังคับของบริษัทมีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกันเมื่อมีกรณีนั้น
(2) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใด เมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
(3) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้น
(4) เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
(5) เมื่อบริษัทล้มละลาย (ไม่ใช่แค่พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด)
-เปรียบเทียบกับห้างหุ้นส่วนสามัญ ม.1055 คล้ายกัน
7.2) โดยคำสั่งศาล ม.1237
-ม.1237 นอกจากนี้ศาลอาจสั่งให้เลิกบริษัทจำกัดด้วยเหตุต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท (เช่น ผู้เริ่มก่อการออกเสียงลงคะแนน ฝ่าฝืนม.1109 วรรคหนึ่ง + ม.1237 วรรคสอง)
(2) ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายในปีหนึ่งนับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการถึงปีหนึ่งเต็ม (กรรมการตัดสินใจหยุดทำการ รวมถึงกรรมการขัดแย้งกัน ฟ้องร้องกัน จนหยุดดำเนินการ ต้องไม่ใช่เพราะมีเหตุแทรกแซง เช่น น้ำท่วม)
(3) ถ้าการค้าของบริษัททำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้
(4) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือเพียงคนเดียว (ขัดกับม.1097)
(5) เมื่อมีเหตุอื่นใดทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้
แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท ศาลจะสั่งให้ยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือให้มีการประชุมตั้งบริษัทแทนสั่งให้เลิกบริษัทก็ได้ แล้วแต่จะเห็นควร
(1) ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท (เช่น ผู้เริ่มก่อการออกเสียงลงคะแนน ฝ่าฝืนม.1109 วรรคหนึ่ง + ม.1237 วรรคสอง)
(2) ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายในปีหนึ่งนับแต่วันจดทะเบียน หรือหยุดทำการถึงปีหนึ่งเต็ม (กรรมการตัดสินใจหยุดทำการ รวมถึงกรรมการขัดแย้งกัน ฟ้องร้องกัน จนหยุดดำเนินการ ต้องไม่ใช่เพราะมีเหตุแทรกแซง เช่น น้ำท่วม)
(3) ถ้าการค้าของบริษัททำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีทางหวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้
(4) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือเพียงคนเดียว (ขัดกับม.1097)
(5) เมื่อมีเหตุอื่นใดทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถที่จะดำรงคงอยู่ต่อไปได้
แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท ศาลจะสั่งให้ยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือให้มีการประชุมตั้งบริษัทแทนสั่งให้เลิกบริษัทก็ได้ แล้วแต่จะเห็นควร
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น