สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 9)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 9)
อาจารย์พรภัทร์ ตันติกุลานันท์
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
**********
1. ครั้งที่แล้ว ถึงเรื่องการจัดตั้งบริษัทจำกัด ในขั้นตอนการประชุมตั้งบริษัท และมอบการทั้งปวงให้กรรมการ
-ฎ.1952/2538 ขณะจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญากับโจทก์ ยังอยู่ในระยะเวลาดำเนินการก่อตั้ง
และขอจดทะเบียนจำเลยที่ 1 อยู่ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้เริ่มก่อการบริษัทจึงต้องรับผิดตามสัญญาที่ตนได้ทำขึ้นจนกว่าที่ประชุมตั้งบริษัทได้อนุมัติและได้จดทะเบียนบริษัทแล้วตามม.1113 เมื่อไม่ได้ความว่ามีการอนุมัติสัญญาดังกล่าวในการประชุมตั้งบริษัท
แม้จะจดทะเบียนตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 เข้าถือสิทธิตาม
สัญญาแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นจากความรับผิด
(ไม่ได้ขอให้สัตยาบันขณะประชุมตั้งบริษัท ต่อมาจดทะเบียนตั้งบริษัท และบริษัทถือเอาสิทธิตามสัญญาแล้ว ผู้เริ่มก่อการก็ต้องร่วมรับผิดในสัญญากับบริษัท)
2. การจัดตั้งบริษัทจำกัด ขั้นตอนกรรมการเรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นใช้ค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 พร้อมส่วนล้ำมูลค่า (ถ้ามี)
-ม.1110 วรรคสอง กรรมการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ใช้เงินในหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
-ม.1105 วรรคสอง การออกหุ้นโดยราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้ หากหนังสือบริคณห์สนธิให้อำนาจไว้ ก็ให้ออกได้ และในกรณีเช่นนั้นต้องส่งใช้จำนวนที่ล้ำมูลค่าพร้อมกันไปกับการส่งใช้เงินคราวแรก เช่น มูลค่าหุ้น 5 บาท ออกหุ้นละ 10 บาท โดยกำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ กรณีนี้ทำได้เพราะไม่เกิดความเสียหาย , เงินส่งใช้ค่าหุ้นคราวแรก ต้องมิให้น้อยกว่าร้อยละ 25 แห่งมูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้
3. การจัดตั้งบริษัทจำกัด ขั้นตอนกรรมการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด
-ม.1111 วรรคหนึ่ง เมื่อได้ใช้เงินค่าหุ้นเสร็จแล้ว กรรมการต้องไปขอจดทะเบียนบริษัท
-ม.1112 วรรคหนึ่ง ถ้าการจดทะเบียนมิได้ทำภายใน 3 เดือน นับแต่ประชุมตั้งบริษัท บริษัทนั้นเป็นอันไม่ได้ตั้งขึ้น และบรรดาเงินที่ได้รับไว้จากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นต้องใช้คืนเต็มจำนวนมิให้ลดเลย-ม.1104 จำนวนหุ้นทั้งหมดซึ่งบริษัทคิดจะจดทะเบียนนั้น ต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กันเสร็จก่อนการจดทะเบียนของบริษัท
4. ผลโดยทั่วไปของการจดทะเบียน
-บริษัทเป็นนิติบุคคล มีสิทธิหน้าที่ความรับผิดภายในขอบวัตถุประสงค์
-ม.1015 , 66 , 1020 , 1021 , 1022
5. ผลโดยเฉพาะของการจดทะเบียน
5.1) ผู้เริ่มก่อการหลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทอนุมัติ ม.1113
5.2) ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะยกเหตุบอกล้างโมฆียะกรรมบางเหตุไม่ได้ ต้องฟ้องผู้เริ่มก่อการเป็นละเมิดส่วนตัว ม.1114
6. ลักษณะของหุ้น
6.1) มูลค่าเท่ากันไม่ต่ำกว่า 5 บาท ราคาต่ำกว่ามูลค่าไม่ได้
-ม.1096 มูลค่าหุ้นเท่ากัน , ม.1117 หุ้นหนึ่งไม่ให้ต่ำกว่า 5 บาท (ขั้นสูงไม่มี) , ม.1105 ห้ามออกหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้ แต่ออกหุ้นราคาสูงกว่ามูลค่าที่ตั้งไว้ได้ถ้าหนังสือบริคณห์สนธิให้อำนาจไว้
6.2) แบ่งแยกไม่ได้
-ม.1118 หุ้นจะแบ่งแยกไม่ได้ , ถ้าคน 2 คนขึ้นไป ถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน ต้องตั้ง 1 คน เป็นผู้ใช้สิทธิในฐานะเป็นผู้ถือหุ้น และต้องรับผิดร่วมกันในการส่งใช้ค่าหุ้นต่อบริษัท
6.3) ชำระค่าหุ้นเป็นเงิน
-ม.1119 วรรคหนึ่ง โดยหลักจะต้องชำระค่าหุ้นเป็นเงิน เว้นแต่หุ้นที่ออกตามม.1108(5) ที่ประชุมตั้งบริษัทตกลงกันให้ใช้สิ่งอื่นแทนการชำระราคา , ม.1221 การออกหุ้นเพิ่มทุนโดยมติพิเศษให้ใช้อย่างอื่นนอกจากตัวเงิน
6.4) ชำระเงินค่าหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทไม่ได้
-ม.1119 วรรคสอง ในการใช้เงินค่าหุ้น ผู้ถือหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทไม่ได้
6.5) หุ้นมี 2 ชนิด คือ หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ
-หุ้นสามัญ คือ หุ้นทั่ว ๆ ไป มีสิทธิเข้าประชุมใหญ่ มีสิทธิออกเสียง มีสิทธิได้รับเงินปันผล และได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินคืนเมื่อบริษัทเลิก
-หุ้นบุริมสิทธิ ผู้ถือหุ้นมีสิทธิแตกต่างจากหุ้นสามัญ อาจดีกว่าหรือด้อยกว่าก็ได้ จะออกหุ้นบุริมสิทธิได้จะต้องมีการตกลงกันตั้งแต่ในชั้นจัดตั้งบริษัท ม.1108(4) , และถ้าได้ออกหุ้นบุริมสิทธิไปแล้ว ห้ามแก้ไขบุริมสิทธิ ม.1142
6.6) ใบหุ้น เพื่อเป็นหลักฐานการเป็นเจ้าของหุ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการโอนหุ้น
-บริษัทมีหน้าที่ออกใบหุ้นแก่ผู้ถือหุ้น ใบเดียวหรือหลายใบ ม.1127 , ใบหุ้นมีข้อความตามที่กำหนด ม.1128 เช่น ม.1128 วรรคสอง(2) หมายเลขหุ้น / ม.1128 วรรคสอง(5) ชื่อผู้ถือหุ้น (ใบหุ้นชนิดระบุชื่อ) หรือคำแถลงว่าได้ออกใบหุ้นให้แก่ผู้ถือ (ใบหุ้นชนิดผู้ถือ)
-ประเภทของใบหุ้น ได้แก่ ใบหุ้นชนิดผู้ถือ และใบหุ้นชนิดระบุชื่อ , ใบหุ้นชนิดผู้ถือจะออกได้ต่อเมื่อมีข้อบังคับของบริษัทอนุญาตให้ออกได้และได้ใช้ค่าหุ้นเต็มจำนวนแล้ว ม.1134 , ม.1136
7. การเรียกเก็บเงินค่าหุ้น (ส่วนที่เหลือ) (ที่ยังไม่ได้เก็บ สำหรับค่าหุ้นส่วนแรกเรียกเก็บไปแล้วตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนบริษัท)
7.1) เงินค่าหุ้นส่วนที่เหลือ
-ม.1110 , 1105 เรียกไปแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 จึงต้องเรียกเก็บในส่วนที่เหลือต่อไป
7.2) วิธีการเรียกเงินค่าหุ้นส่วนที่เหลือ
-ม.1120 , 1121 กรรมการจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เงินเมื่อใดก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องเข้าที่ประชุมใหญ่) แต่ต้องส่งคำบอกกล่าวเพื่อให้ผู้ถือหุ้น (ลูกหนี้) ทราบ เพราะเป็นหนี้ไม่มีกำหนดเวลา , ซึ่งคำบอกกล่าวต้องส่งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 21 วัน ไปรษณีย์ลงทะเบียน และมีข้อความว่าให้ใช้ค่าหุ้นแก่ใคร พร้อมสถานที่และเวลา
7.3) ผลของการไม่ชำระค่าหุ้นตามที่เรียกเก็บ 4 ประการ
-เสียดอกเบี้ย ม.1122 เสียดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดตามม.224 (โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเรื่องดอกเบี้ยไปในคำบอกกล่าวตามม.1123)
-หุ้นอาจถูกริบ ขายทอดตลาด ม.1123 บอกกล่าวให้ใช้เงินเป็นครั้งที่สอง กำหนดเวลาพอสมควร และจะแจ้งไปด้วยก็ได้ว่าถ้าไม่ใช้เงินหุ้นอาจจะถูกริบ , ม.1124 ถ้าคำบอกกล่าวได้บอกว่าอาจถูกริบหุ้นไว้แล้ว กรรมการจะบอกริบหุ้นเมื่อใดก็ได้ , ม.1125 หุ้นที่ริบแล้วให้เอาออกขายทอดตลาด ได้เงินแล้วเอาหักใช้ค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ย ถ้ามีเงินเหลือส่งให้ผู้ถือหุ้น (ถ้าขาด ผู้ถือหุ้นต้องรับผิดตามม.1106) , ม.1126 แม้วิธีการริบหุ้นขายหุ้นไม่ถูกต้องตามระเบียบ ผู้ที่ซื้อหุ้นไปก็ไม่เสื่อมเสียสิทธิ , ม.1143 ห้ามบริษัทเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองหรือรับจำนำหุ้นของตนเอง
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น