สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 6)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 6)
อาจารย์วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร
วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568
**********

1. กรณีไม่ตั้งผู้จัดการห้างหุ้นส่วน
1.1) ถ้าหุ้นส่วนมิได้ตกลงตั้งผู้จัดการกันไว้ หุ้นส่วนทุกคนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ และถือว่าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทุกคน แต่หุ้นส่วนคนใดจะเข้าทำสัญญาซึ่งหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งทักท้วงไม่ได้ ม.1033
-หุ้นส่วนผู้จัดการแต่ละคนจึงจัดกิจการต่าง ๆ ได้โดยลำพัง เว้นแต่ 
  --มีการทักท้วงเรื่องสัญญา 
  --เป็นเรื่องสำคัญซึ่งมีบทบัญญัติเฉพาะให้หุ้นส่วนทุกคนต้องยินยอม เช่น การให้หุ้นส่วนออกจากห้าง เพราะไม่ส่งส่วนลงหุ้น ม.1031 , การเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาจัดตั้งห้าง ม.1032 , การชักนำบุคคลอื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ม.1040
-ฎ.9948/2555 โจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนกับบริษัท อ. เพื่อดำเนินกิจการของโรงเรียน อันมีโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 เป็นหุ้นส่วน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันไว้ในกระบวนการห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ทุกคนตามม.1033 วรรคหนึ่ง โจทก์ร่วมในฐานะหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญยังมิได้จดทะเบียน ย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการดำเนินคดีจำเลยที่ยักยอกเงินของโรงเรียนได้
-ฎ.4264/2547 โจทก์และ ส. ตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนทำกิจการบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ แม้ในการทำสัญญาขายที่ดินพร้อมอาคารแก่จำเลย จะได้มอบอำนาจให้ ว. เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทน อันมีผลทำให้โจทก์และ ส. ผูกพันตามสัญญาที่ ว. ทำไว้กับจำเลย ซึ่งโจทก์หรือ ส. ผู้เป็นหุ้นส่วนมีสิทธิฟ้องจำเลยได้โดยลำพังก็ตาม แต่การฟ้องคดีก็จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผุ้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เมื่อโจทก์และ ส. ยังเป็นหุ้นส่วนกันอยู่ การที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เฉพาะส่วนของตนกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการฟ้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนสามัญในฐานะส่วนตัว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องได้ (เริ่มต้นคำฟ้องเกี่ยวกับห้าง แต่คำขอท้ายฟ้องเพื่อส่วนตัว) 
1.2) ถ้าหุ้นส่วนมิได้ตกลงตั้งผู้จัดการกันไว้ แต่มีข้อตกลงให้จัดการร่วมกัน
-ถ้าได้ตกลงกันไว้ว่าการงานของห้างหุ้นส่วนนั้น ให้เป็นไปตามเสียงข้างมากแห่งผู้เป็นหุ้นส่วน ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีเสียงเป็นคะแนนหนึ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ลงหุ้นด้วยมากหรือน้อย
1.3) การจัดการในเรื่องสำคัญ ไม่ว่าหุ้นส่วนมีการตกลงตั้งผู้จัดการกันไว้หรือไม่ก็ตาม หุ้นส่วนทุกคนจะต้องหารือเพื่อออกเสียงลงมติในเรื่องสำคัญ ดังนี้
-การให้หุ้นส่วนออกจากห้าง เพราะไม่ส่งส่วนลงหุ้นเลย ด้วยมติเอกฉันท์หรือเสียงข้างมากตามข้อสัญญาระบุไว้ ม.1031 
-การเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาจัดตั้งห้าง ด้วยมติเอกฉันท์ เว้นแต่มีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ม.1032
-การชักนำบุคคลอื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วยมติเอกฉันท์ เว้นแต่มีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ม.1040

2. มาตรฐานการจัดการห้างหุ้นส่วน
2.1) กรณีเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วนจำต้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนด้วยความระมัดระวังให้มากเสมือนกับจัดการงานของตนเอง ม.1039
2.2) กรณีไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้เป็นผู้จัดการเข้ามาจัดการงานของห้างหุ้นส่วน หรือหุ้นส่วนผู้จัดการกระทำการล่วงขอบอำนาจของตน ให้บังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยจัดการงานนอกสั่ง ม.1043 คือ จะต้องจัดการงานไปในทางสมประโยชน์ตามความประสงค์ของห้างตัวการ มิฉะนั้น ต้องใช้ค่าสินไหมสดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่ที่ได้จัดการนั้น ม.395 , 396 ถ้าจัดการสมประโยชน์ของห้าง ก็มีสิทธิเรียกเงินทดรองจ่ายคืนได้ หรือเรียกให้ห้างชำระหนี้แทนตนได้ ม.401 , 816 วรรคสอง

3. ผลของการจัดการห้างหุ้นส่วน
3.1) บำเหน็จ ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จเพื่อที่ได้จัดการงานของห้างหุ้นส่วน เว้นแต่จะได้มีความตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ม.1046
3.2) ความรับผิด ความเกี่ยวพันระหว่างหุ้นส่วนผู้จัดการกับผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นนั้น ให้บังคับด้วยบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทน ม.1042 เช่น ต้องจัดการภายในขอบอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ ม.820 , แต่แม้เกินขอบอำนาจ หุ้นส่วนอื่นอาจร่วมรับผิดต่อบุคคลภายนอกได้ เพราะมีการให้สัตยาบันแก่การนั้น ม.823 , หรือฐานตัวแทนเชิด ม.821 , หรือเพราะทางปฏิบัติมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอยู่ภายในขอบอำนาจ ม.822
-หุ้นส่วนที่มิใช่หุ้นส่วนผู้จัดการ จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้าง ม.1050
-ฎ.1521/2566 นิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทจำเลยกับนางสาว ส. และนาย ส. จำเลยร่วมทั้งสอง โดยบริษัทจำเลยเป็นผู้ออกเงิน จำเลยร่วมทั้งสองเป็นผู้ลงแรงสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ไปขายต่อแก่บุคคลอื่น นำกำไรที่ได้มาแบ่งปันกัน อันมีลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญตามม.1012 และม.1025 เมื่อนางสาว ส. จำเลยร่วมที่ 1 สั่งซื้อและรับสินค้าไปจากโจทก์ตามทางการค้าของห้างหุ้นส่วนเป็นปกติที่เคยปฏิบัติ ถือว่าได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้อันได้ก่อขึ้น เพราะจัดการไปเช่นนั้นตามม.1050 บริษัทจำเลยจึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าไม่ได้สั่งซื้อสินค้าและไม่ได้รับสินค้าตามฟ้องขึ้นต่อสู้เพื่อไม่ชำระราคาแก่โจทก์ตามหลักกฎหมายดังกล่าวได้

4. การประกอบกิจการค้าขายแข่งห้างหุ้นส่วน
4.1) กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ม.1038 ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนแม้ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ประกอบกิจการซึ่งมีสภาพดุจเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้น โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ
-หากฝ่าฝืน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรซึ่งผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ห้างหุ้นส่วนได้รับความเสียหายเพราะเหตุนั้น แต่ห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันทำการฝ่าฝืน
4.2) กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน นอกจากห้ามมิให้หุ้นส่วนประกอบกิจการสภาพดุจเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับห้างหุ้นส่วนแล้ว ก็ห้ามมิให้หุ้นส่วนเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่นที่ประกอบกิจการแข่งกับกิจการของห้างด้วย เว้นแต่จะได้รับความยินยอมหรือหุ้นส่วนอื่นรู้อยู่แล้วในเวลาลงทะเบียนห้างและสัญญาเข้าหุ้นส่วนก็ไม่ได้บังคับให้ถอนตัว ม.1066 (แต่เข้าไปเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดได้) 
-หากฝ่าฝืน ห้างมีสิทธิเรียกเอาผลกำไรหรือค่าสินไหมทดแทน และหุ้นส่วนอื่นมีสิทธิเรียกให้เลิกห้างได้ตามม.1067 หรือขอให้กำจัดหุ้นส่วนดังกล่าวแทนการเลิกห้างตามม.1058
4.3) กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดประกอบกิจการค้าขายแข่งกับห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ตามม.1090 
4.4) กรณีบริษัทจำกัด ไม่ห้ามผู้ถือหุ้น ห้ามเฉพาะกรรมการ ม.1168
-ฎ.8532/2559 โจทก์ทั้งห้ากับผู้อื่นอีก 2 คน เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ประกอบกิจการค้าปุ๋ยทุกชนิด โดยมีจำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ต่อมาจำเลยทั้งสองกับผู้อื่นอีก 5 คน รวม 7 คน เป็นผู้ถือหุ้นและจำเลยทั้งสองเป็นกรรมการในบริษัท ท. ที่ประกอบกิจการมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งม.1066 และ 1067 วรรคหนึ่งและวรรคสาม บัญญัติให้ห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนจะเรียกเอาผลกำไรทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนซึ่งห้างได้รับเพราะเหตุนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจฟ้องบังคับผู้ฝ่าฝืนให้หยุดประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนนั้นได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้บุคคลภายนอกผู้สุจริตได้รับความเสียหาย จึงให้ยกคำขอของโจทก์ทั้งห้าที่ขอให้จำเลยทั้งสองหยุดประกอขกิจการในบริษัท ท.

5. ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกับบุคคลภายนอก
5.1) ระหว่างหุ้นส่วนด้วยกันเอง ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะเรียกเอาส่วนของตนจากหุ้นส่วนอื่น ๆ แม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้ ม.1048
-เมื่อห้างได้รับผลกำไรจากกิจการค้าแล้ว ย่อมเป็นประโยชน์แก่หุ้นส่วนทุกคนตามส่วนลงหุ้น แม้ไม่ปรากฏชื่อหุ้นส่วนผู้เรียกเอาส่วนนั้นในสัญญาก็ตาม
5.2) ความเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก ผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนนั้นหาได้ไม่ ม.1049 เพราะห้างไม่จดทะเบียนนิติบุคคล ไม่มีรายการจดทะเบียนที่ถือว่าทุกคนทราบตามม.1022 และหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งอาจทำสัญญากับบุคคลภายนอกโดยมิได้ทำในนามห้างก็ได้
-ฎ.2578/2535 หุ้นส่วนที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญา ฟ้องคดีเองไม่ได้ 
5.3) กรณีชื่อทางการค้าปรากฏชื่อของหุ้นส่วนด้วย ก็ฟ้องคดีได้ แม้หุ้นส่วนไม่ได้เป็นคู่สัญญา
-ห้างมิใช่นิติบุคคล จึงฟ้องในนามห้างไม่ได้ (ฎ.769/2479 , 259/2526)
-กรณีมูลแห่งหนี้เป็นนิติเหตุ เช่น ห้างถูกกระทำละเมิด หุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ฟ้องผู้กระทำละเมิดได้ (ฎ.1771/2499)
5.4) กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจถือประโยชน์แก่บุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิอันห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้นได้มา แม้ในกิจการซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตน ม.1065 เพราะรายการจดทะเบียนจะปรากฏรายชื่อหุ้นส่วนทุกคนให้คู่สัญญาตรวจสอบได้ และเมื่อพิมพ์โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ถือว่ารู้แก่บุคคลทั้งปวง ม.1022 , 1021 แต่เป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด คู่ความนำสืบหักล้างได้ (ฎ.8106/2560) ไม่นำไปใช้กับความรับผิดทางละเมิด (ฎ.569/2483)
5.5) กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้นำม.1065 มาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเช่นกันตามม.1080
-ฎ.8106/2560 ตามม.1021 และ 1022 หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ระบุว่าจำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการนั้นเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งป.วิ.พ.ม.127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เมื่อจำเลยที่ 3 อ้างว่ามิได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 3 ต้องนำสืบถึงความไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร แต่พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 3 นำสืบไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าว คดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ต่อกรมสรรพากรโจทก์โดยไม่จำกัดจำนวนตามม.1077(2)
5.6) ข้อจำกัดอำนาจ 
  --กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียน แม้มีข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนในการที่จะผูกพันผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ข้อจำกัดนั้นหามีผลถึงบุคคลภายนอก ม.1053
  --กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการที่ลงโฆษณาไว้แล้ว ถือว่ามีผลผูกพันบุคคลภายนอก ม.1065(6) , 1022
  --กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ มีผลผูกพันบุคคลภายนอกเมื่อลงโฆษณาไว้แล้ว ม.1078(7) , 1022

ครั้งหน้าเป็นเรื่องความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ต่อ)

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (44 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

การฎีกาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของพนักงานอัยการโจทก์กับจำเลยที่แตกต่างกัน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 22/2565)