สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 4)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 4)
อาจารย์วิรัตน์ วิศิษฏ์วงศกร
วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568
**********

1. หลักเกณฑ์การทำกิจการร่วมกัน การประกอบกิจการเดียวกัน โดยมีส่วนในการบริหารจัดการหรือดูแลครอบงำกิจการร่วมกัน อาจจะแบ่งหน้าที่กันทำก็ได้ 
-ระดับผู้ปฏิบัติการ เช่น ลูกจ้างแม้มีข้อตกลงให้มีส่วนได้ในเงินกำไร (เงินโบนัส) หรือผู้จัดการที่จ้างเข้ามาทำงาน เพื่อรับเงินเดือน ก็ไม่นับว่าเป็นหุ้นส่วน
-ม.1037 หุ้นส่วนหลายคนในห้างหุ้นส่วนสามัญอาจตกลงให้หุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการห้างฯ ก็ได้ หรือจะตกลงร่วมกันจัดการก็ได้ เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนรับผิดแบบไม่จำกัด , แต่กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด ม.1088 หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด แม้สอดเข้าไปจัดการงานของห้างฯ ไม่ได้ แต่ยังคงมีสิทธิออกความเห็นหรือแนะนำในการจัดการงานห้างฯ ได้ หรือถ้าสัญญากำหนดไว้ก็มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการตั้งและถอดถอนผู้จัดการได้

2. หลักเกณฑ์การทำกิจการร่วมกัน เป็นเจ้าของกิจการเดียวกัน
-หุ้นส่วนที่มีอำนาจจัดการงานของห้างฯ จะประกอบกิจการ หรือเข้าไปเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดในกิจการอื่นที่มีสภาพอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างฯ ไม่ได้ เว้นแต่เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด (ม.1038 , 1066 , 1067 , 1087 , 1090)

3. หลักเกณฑ์การทำกิจการร่วมกัน มีส่วนในกำไรและขาดทุนร่วมกัน
-ฎ.1674/2565 การที่พันตำรวจโท บ. โจทก์ ช. และกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น ตกลงเข้าหุ้นกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน เพื่อทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดยประสงค์จะนำกำไรที่ได้จากการลงทุนของแต่ละคนมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมของรุ่น หากขาดทุนก็ขาดทุนร่วมกัน เข้าลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ตามม.1012 ต่อมา ช. ถึงแก่ความตาย ห้างหุ้นส่วนสามัญดังกล่าว จึงเลิกกันตามม.1055(5) และต้องจัดให้มีการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันตามม.1061 วรรคหนึ่ง
-ฎีกาส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันก็คือ ไม่ได้ชำระบัญชี 
-ฎ.12518/2553 แม้ชื่อสัญญาระบุว่าเป็นสัญญาร่วมหุ้นซื้อที่ดิน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนเสมอไป เพราะการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนนั้นจะต้องมีการกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการนั้น แต่ตามสัญญาพิพาทมีเนื้อหาสาระเพียงว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยร่วมลงทุนซื้อที่ดิน โดยตกลงกันให้ผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามอัตราส่วนของจำนวนเงินที่ลงหุ้นวางมัดจำไว้เท่านั้น อันเป็นสัญญารูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่เป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนแต่อย่างใด สัญญาร่วมหุ้นซื้อที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ใช่สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน แต่เป็นสัญญารูปแบบหนึ่ง ซึ่ง ป.พ.พ.หรือกฎหมายอื่นไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามม.193/30 (ร่วมกันซื้อที่ดิน กรรมสิทธิ์รวมทั่ว ๆ ไป มีตกลงแบ่งปันกำไรขาดทุน)
-ฎ.428/2522 สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ซึ่งกำหนดไว้ว่า จำเลยจะไปจดทะเบียนให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมภายใน 1 ปี เพียงแต่มีข้อตกลงกันเป็นพิเศษยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำที่ดินที่จะซื้อขายกันนี้ไปขายให้แก่บุคคลภายนอกได้โดยจะต้องนำเงินที่ขายได้มาแบ่งกันคนละครึ่งเท่านั้น การมีข้อตกลงเป็นพิเศษเพียงเท่านี้ หาทำให้สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกลายเป็นสัญญาหุ้นส่วนไปไม่

4. วัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการที่ทำนั้น
-ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งกำไรกันระหว่างหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น 
-มิใช่เพียงแค่แบ่งรายได้ ทรัพย์สิน หรือจ่ายเพราะเป็นค่าจ้าง สินจ้าง
-โดยกำไรต้องมาจากกิจการที่ทำนั้น และผลกำไรได้มาจากบุคคลภายนอก ถ้าค้ากำไรจากสมาชิกด้วยกันเอง อาจเข้าลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งสมาคม หรือสหกรณ์ มิใช่จัดตั้งหุ้นส่วน
-ฎ.33/2565 สัญญาการให้บริการระหว่างบริษัท เอ โจทก์ และบริษัท บี จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 ตกลงซื้อบริการในระบบ IPTV ของโจทก์ เพื่อการใช้งานในสมาร์ททีวี โจทก์ต้องให้บริการในส่วนเนื้อหา และบริการอื่นที่เกี่ยวข้องแก่จำเลยที่ 2 ในการเผยแพร่ไอพีทีวีในสมาร์ททีวี โดยจำเลยที่ 2 ตกลงชำระค่าธรรมเนียมบริการและส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกแก่โจทก์ เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความว่าโจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจ้างทำของมิใช่สัญญาหุ้นส่วน
-ฎ.1165/2521 สัญญาร่วมทุนการปลูกอ้อย ซึ่งโจทก์เป็นผู้ออกเงินทุนค่าใช้จ่ายในการปลูกอ้อย จำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน และตกลงให้อ้อยที่ปลูกเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน 3 ปี แต่จำเลยยอมให้โจทก์เป็นผู้ตัดอ้อยขายโรงเรียนแต่ผู้เดียว เงินขายอ้อยหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการตัดอ้อยแล้ว ให้ใช้คืนทุนที่โจทก์ออกไปก่อนจนกว่าจะครบ ถ้ามีเงินเหลือจากนั้นจึงจะนำไปแบ่งกันระหว่างโจทก์และจำเลยคนละครึ่งนั้น ไม่ใช่สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
-ฎ.7498/2540 ข้อตกลงโครงการจัดหาซื้อที่ดินเพื่อขายเอากำไร โดยมีโจทก์และจำเลยร่วมลงทุนเป็นเงิน ส่วนจำเลยเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อที่ดิน เมื่อขายที่ดินดังกล่าวได้แล้ว ให้จ่ายเงินคืนแก่ผู้ออกเงินพร้อมดอกเบี้ยและจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ หากมีเงินเหลือซึ่งเป็นกำไรก็จะจัดการแบ่งกันในระหว่างผู้ร่วมดำเนินการทุกคน ดังนี้ข้อตกลงระหว่างโจทก์ จำเลย และจำเลยที่ 2 จึงเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน หาใช่เป็นสัญญาร่วมลงทุนไม่ , เมื่อห้างหุ้นส่วนดังกล่าวยังไม่เลิกกันตามม.1055 , 1056 และ 1057 จึงยังไม่ได้จัดการชำระบัญชีตามม.1061 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ร่วมลงทุนในห้างหุ้นส่วนจากหุ้นส่วนคนอื่น ๆ

5. การเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมหรือประเภทแห่งกิจการ ม.1032
-โดยหลัก ห้ามเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิม (ข้อสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน) หรือประเภทแห่งกิจการ (วัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ เช่น จากประกอบกิจการค้าส่งเสื้อผ้า เป็นกิจการร้านอาหาร) นอกจากผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนยินยอม
-เว้นแต่ มีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
-ฎ.1982/2543 โจทก์กับบริษัท ร. จำเลย ตกลงทำสัญญาเข้าร่วมทุนในการตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ เพื่อดำเนินกิจการร้านอาหาร โดยโจทก์เป็นผู้ลงหุ้นเป็นเงิน ส่วนจำเลยลงหุ้นเป็นแรงงาน เมื่อตามสัญญากำหนดให้โจทก์เป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินของร้านอาหารเพียงผู้เดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญในการตกลงเข้าหุ้นทำกิจการร่วมกันในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ลงทุนเป็นเงินทั้งหมด ข้อสัญญาดังกล่าวนี้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเพียงคนเดียวจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เว้นแต่โจทก์หุ้นส่วนอีกคนหนึ่งจะยินยอมด้วย , การที่จำเลยห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้องในกิจการร้านอาหาร จำเลยจึงเป็นผู้เข้ารับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินในการจัดเก็บรายได้และรายจ่ายของร้านอาหารทั้งหมดแทนโจทก์ อันเป็นหน้าที่ของโจทก์ตามสัญญา จึงถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนแปลงข้อสัญญาที่ทำกันไว้โดยที่โจทก์ไม่ได้ยินยอมด้วย เป็นการขัดต่อม.1032 การกระทำของจำเลยดังกล่าวย่อมเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาเข้าหุ้นส่วนกัน

6. ลักษณะของห้างหุ้นส่วนสามัญ ม.1025 + ม.1050 
-ม.1025 ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจำกัด 
-ม.1050 การใด ๆ อันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั้น
6.1) หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน (นำหลักลูกหนี้ร่วมตามม.291 มาใช้บังคับ)
-เจ้าหนี้จะฟ้องเรียกชำระหนี้ทั้งหมดจากหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้ , แต่กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้ก่อน จึงจะฟ้องหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้ตามม.1070
6.2) เพื่อหนี้ทั้งปวงของห้าง (ไม่ว่าจะเป็นมูลหนี้ตามสัญญาหรือละเมิด)
-หุ้นส่วนคนใด หรือลูกจ้างของห้างฯ ขับรถไปในกิจการของห้างฯ หรือทางการที่จ้าง ชนคนได้รับบาดเจ็บ ห้างฯ ในฐานะตัวการตามม.1042 หรือในฐานะนายจ้าง ก็ต้องร่วมรับผิดกับหุ้นส่วนหรือลูกจ้างผู้กระทำละเมิดตามม.425
6.3) รับผิดโดยไม่จำกัดจำนวน
-แม้หนี้เกินจำนวนที่ลงหุ้น หรือเกินกว่าทุนทรัพย์ของห้างฯ หุ้นส่วนทุกคนก็ต้องร่วมรับผิดโดยไม่มีจำกัด

7. ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเอง
7.1) ส่วนลงหุ้น
-ม.1026 ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นส่วน สิ่งที่นำมาลงหุ้นด้วยนั้น จะเป็นเงินหรือทรัพย์สินสิ่งอื่นหรือลงแรงงานก็ได้
-กรณีตกลงเข้าหุ้น แต่ยังไม่ได้ส่งมอบส่วนลงหุ้น ฎ.2530/2538 ตามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างโจทก์และจำเลยมีข้อตกลงกันว่า ต่างฝ่ายต่างจะลงหุ้นโดยชำระเงินค่าที่ดินฝ่ายละครึ่ง ถือได้ว่าเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วนกัน ตามม.1026 แล้ว แม้โจทก์ผิดสัญญาจะไม่ส่งเงินหรือทรัพย์สินตามที่ตกลงก็หาทำให้สัญญาเข้าหุ้นส่วนดังกล่าวเสียไปไม่ เมื่อจำเลยยังไม่ได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์ สัญญาร่วมทุนระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่เลิกกัน โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีได้
7.2) ผลของการไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้น 
-ม.1031 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดละเลยไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนเสียเลย ต้องส่งคำบอกกล่าวไปยังผู้เป็นหุ้นส่วนให้ส่งมอบส่วนลงหุ้นภายในเวลาอันสมควร มิฉะนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จะลงเนื้อเห็นพร้อมกัน หรือโดยเสียงข้างมากด้วยกันสุดแต่ข้อสัญญา ให้เอาผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นออกเสียก็ได้
-เป็นกรณีหุ้นส่วนไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นเลย ถ้าส่งมอบแล้วบางส่วน จะให้ออกตามมาตรานี้ไม่ได้ โดยอาจถือเป็นการผิดข้อตกลงสำคัญตามสัญญาเข้าหุ้นส่วน ที่หุ้นส่วนอื่นอาจขอให้ศาลสั่งกำจัดหุ้นส่วนผู้นั้นซึ่งเป็นเหตุให้ห้างฯ เลิกกันได้ตามม.1058+ม.1057

ครั้งหน้าเป็นเรื่องการลงหุ้นด้วยทรัพย์สิน 2 ประเภท

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (44 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)