สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 15) ครั้งสุดท้าย
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหุ้นส่วน บริษัท (ครั้งที่ 15) ครั้งสุดท้าย
อาจารย์พรภัทร์ ตันติกุลานันท์
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568
**********
1. ผลของการเลิกบริษัท
-บริษัทไม่สิ้นสภาพบุคคลทันที เพียงแต่หยุดประกอบกิจการ กรรมการหมดอำนาจบริหาร ยังคงตั้งอยู่เพื่อการชำระบัญชี
-ม.1249 ห้างหุ้นส่วนก็ดี (ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน) บริษัทก็ดี แม้ว่าจะได้เลิกกันแล้ว ก็ให้พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี
2. การชำระบัญชี
2.1) มีการชำระบัญชีหลังเลิกบริษัทเสมอ
-บริษัทเลิก จดทะเบียนเลิก ม.1254 แต่ยังคงสภาพนิติบุคคลเพื่อให้มีการชำำระบัญชี ม.1249 (ต่างจากห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน เมื่อเลิกแล้วสิ้นสุดความเป็นหุ้นส่วน และอาจตกลงเลิกกันโดยไม่ชำระบัญชีได้ ม.1061)
-ชำระบัญชีเพื่อให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นได้รับชำระหนี้หรือคืนทรัพย์สิน
-เมื่อชำระบัญชีเสร็จ ต้องจดทะเบียนสิ้นสุดการชำระบัญชี ม.1270 บริษัทจึงสิ้นสภาพนิติบุคคล
2.2) ผู้ชำระบัญชี ม.1251
-ข้อบังคับของบริษัทกำหนดผู้ชำระบัญชี เช่น ให้ที่ประชุมใหญ่ตั้ง
-กรรมการเป็นผู้ชำระบัญชีเมื่อข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้ โดยมีอำนาจดังเดิม ม.1252 ภายใต้ม.1249 , 1250 คือไม่มีสิทธิจัดการงานใด ๆ ขึ้นใหม่ และชั่วคราว หลังทำงบดุล ต้องให้ที่ประชุมใหญ่รับรองว่ายังคงให้เป็นต่อไปหรือไม่ ม.1255 , 1256 วรรคหนึ่ง(1)
-ที่ประชุมใหญ่ตั้งแทนสืบเนื่องมาจากม.1256(1)
-ศาลตั้ง กรณีข้อบังคับไม่ได้กำหนด และไม่มีกรรมการทำหน้าที่ ม.1251 วรรคสอง
2.3) หน้าที่ของผู้ชำระบัญชี
-สะสางการงาน ใช้หนี้ และแจกจำหน่ายสินทรัพย์ ม.1250 ไม่รวมถึงการเริ่มงานใหม่ มีหลักเกณฑ์ตามม.1263 , 1264 , 1265 , 1269
-โฆษณาและบอกกล่าวว่าบริษัทเลิกไปยังเจ้าหนี้ เพื่อยื่นคำทวงหนี้ ม.1253
-จดทะเบียนเลิกบริษัทและจดทะเบียนชื่อผู้ชำระบัญชีทุกครั้งที่เปลี่ยน ม.1254
-ทำงบดุลแสดงฐานะทางการเงินส่งผู้สอบบัญชีตรวจ ม.1255
-จัดประชุมใหญ่ ครั้งแรกม.1255 , 1256 (ครั้งต่อ ๆ ไป ม.1268 ทุกสิ้นปี เพื่อแถลงความเป็นไป ถ้าชำระบัญชีนานกว่า 1 ปี)
-ทำรายงานการบัญชีทุก 3 เดือน ยื่นที่หอทะเบียน ม.1267
-ร้องต่อศาลให้สั่งบริษัทล้มละลาย ม.1266
-เมื่อชำระบัญชีเสร็จ เรียกประชุมใหญ่ เสนอรายงานการบัญชีอนุมัติ ม.1270 วรรคหนึ่ง , จดทะเบียนสิ้นสุดการชำระบัญชี ม.1270 วรรคสอง , มอบสมุดบัญชีและเอกสารแก่นายทะเบียน ม.1271
2.4) อำนาจของผู้ชำระบัญชี ม.1259
3. ทบทวนประเด็นที่น่าสนใจ
3.1) การประชุมใหญ่
-การเรียกประชุม ม.1175
-ให้บอกกล่าวโดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ระยะเวลาคือ ส่งก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน ไม่ใช่ไปถึงไม่น้อยกว่า 7 วัน แม้อยู่ต่างประเทศ (ฎ.8592/2559)
-ถ้ามีหุ้นชนิดใบหุ้นออกแก่ผู้ถือ ต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งครั้ง หรือในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน
-องค์ประชุม ม.1178
-ผู้เข้าประชุม ม.1176
-แม้ยังใช้เงินค่าหุ้นไม่ครบ หรือมีส่วนได้เสียพิเศษก็เข้าประชุมได้
-โอนหุ้นตามใบหุ้นชนิดระบุชื่อ
-ม.1129
-การโอนที่ถูกต้องตามแบบ ม.1129 วรรคสอง ใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา แต่ยังใช้ยันบริษัทไม่ได้ จนกว่าจดแจ้งการโอนในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ดังนั้น ถ้ายังไม่จดแจ้งการโอน ผู้รับโอนไม่มีสิทธิเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นตามม.1176
-ม.1130
-ม.1120
-ม.1105
-หุ้นที่ยังใช้เงินค่าหุ้นไม่ครบ หากมีการโอนต่อไป บริษัทไม่รับจดทะเบียนโอนได้ตามม.1130 จึงใช้ยันบริษัทไม่ได้ตามม.1129 วรรคสาม ผู้รับโอนก็ไม่มีสิทธิเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นตามม.1176
-ผู้มีสิทธิลงคะแนน ม.1184
-การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ ม.1195
3.2) แปรสภาพเป็นบริษัทจำกัด
-ม.1246/1
-ม.1246/5
-ม.1246/6
-ม.1246/7*
-ฎ.1399/2566 ขณะห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสามนั้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดแล้ว ห้างย่อมหมดสภาพการเป็นห้างตามม.1246/5 และเกิดบริษัทใหม่ คือจำเลยที่ 1 ซึ่งรับไปทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ และความรับผิดของห้างเดิม เมื่อฟังได้ว่าห้าง ช. กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม จึงมีหนี้และความรับผิดในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ และส่งมอบที่ดินคืน ชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับไปซึ่งหนี้และความรับผิดตามม.1246/6 สำหรับความรับผิดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ม.1246/7 กำหนดให้หากบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ที่รับมาได้ ให้บังคับชำระหนี้เอาจากหุ้นส่วนในห้างที่แปรสภาพได้ตามที่จะต้องรับผิดในหนี้ของห้าง จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด ต้องรับผิดในหนี้ของห้างโดยไม่จำกัดจำนวน เมื่อห้างทำละเมิด ถือว่าห้างผิดนัดชำระหนี้นับแต่เวลาละเมิด โจทก์ทั้งสามชอบที่จะเรียกให้ชำระหนี้เอาจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดได้ตามม.1070 ประกอบม.1080 เมื่อต่อมามีการจดทะเบียนแปรสภาพห้างเป็นบริษัท คือจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระหนี้ที่รับมาได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิให้บังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้เป็นหุ้นส่วนเดิมในห้างได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่ทั้งนี้จะรับผิดก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระหนี้ที่รับมาจากห้างได้
3.3 หุ้นส่วน
-ฎ.6068/2557 พฤติการณ์ที่โจทก์ จำเลยที่ 2 และ พ. ร่วมกันยื่นคำร้องขอจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ถือว่าบุคคลดังกล่าวยอมผุกพันกันตามกฎหมายเพื่อทำกิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำในฐานะผุ้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดตามม.1012 แล้ว ต่างจากที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนโดยไม่จดทะเบียนซึ่งต้องพิจารณาด้วยว่าการตกลงนั้นมีลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือไม่ การแบ่งเงินปันผลกำไรให้ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ต้องเป้นไปตามม.1084 ส่วนจะมีการแบ่งกันเมื่อใด อย่างไร ย่อมเป้นไปตามสัญญาห้างหุ้นส่วน หากสัญญาห้างหุ้นส่วนไม่กำหนดไว้ก็ย่อมเป็นไปตามที่หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจเห็นสมควร และถ้าหากผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันไม่ได้ในเรื่องการจ่ายเงินปันผล และมีเหตุให้เลิกห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีต่อไป เงินส่วนกำไรของห้างหุ้นส่วนจะยังไม่เป็นเงินปันผลจนกว่าจะมีการตกลงให้จ่ายเงินกำไรนั้นเป็นเงินปันผล
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น