สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายครอบครัว (ครั้งที่ 3)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายครอบครัว (ครั้งที่ 3)
อาจารย์ชาติชาย อัครวิบูลย์
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568
**********

1. ผลของการหมั้น ไม่อาจร้องขอให้ศาลบังคับให้สมรส ม.1438 
-แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งใช้วิธีการอื่นใดบังคับให้สมรส ก็ต้องดูว่าต้องด้วยเหตุแห่งการข่มขู่ตาม ม.1507 อันมีผลให้การสมรสเป็นโมฆียะหรือไม่ (ถ้าตกเป็นโมฆียะ ก็ฟ้องเพิกถอนการสมรสและเรียกค่าทดแทนได้)
-การหมั้นจะมีข้อตกลงเรื่องเบี้ยปรับไม่ได้ ผลเป็นโมฆะ** 

2. ผลเกี่ยวกับของหมั้น
1) เรียกคืนของหมั้นไม่ได้ ได้แก่
-มีการสมรส ม.1471(4) เป็นไปตามความประสงค์ของของหมั้น จึงไม่มีเหตุต้องคืนของหมั้น ของหมั้นนั้นก็จะกลายเป็นสินส่วนตัว 
แต่ถ้าการสมรสเป็นโมฆะ แยกเป็น 2 กรณี
  1.1) ขณะหมั้นเป็นโมฆะ จึงไม่เรียกว่าของหมั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นสินส่วนตัว เพราะอีกฝ่ายมีสิทธิเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ ฎ.3072/2547
  1.2) ขณะหมั้น การหมั้นสมบูรณ์ แต่การสมรสเป็นโมฆะ ม.1437 วรรคสอง ก็ไม่ต้องคืนของหมั้น เพราะไม่ใช่สิทธิที่ได้มาเพราะการสมรส ม.1499 วรรคหนึ่งและวรรคสอง
-ผู้หมั้นผิดสัญญาหมั้น ผู้รับหมั้นไม่ต้องคืนของหมั้น ม.1439
-ผู้หมั้นหรือผู้รับหมั้นตายก่อนสมรส ไม่ต้องคืนของหมั้น ม.1441
-ผู้รับหมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้นโดยมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ฝ่ายผู้หมั้น หรือผู้หมั้นกระทำชั่วอย่างร้ายแรง ผู้รับหมั้นไม่ต้องคืนของหมั้น ม.1443 , ม.1444
2) เรียกคืนของหมั้นได้ ได้แก่
-ผู้รับหมั้นผิดสัญญาหมั้น ม.1439
-คู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้น เพราะ
  --มีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ผู้รับหมั้น ม.1442 , ม.1444 เพราะเหตุผู้หมั้นร่วมประเวณีกับผู้อื่นหรือมีผู้อื่นกระทำกับคู่หมั้นของตนเพื่อสนองความใคร่

3. ข้อเหมือนและข้อแตกต่างระหว่าง "เหตุสำคัญ" ม.1442 , ม.1443 กับ "การกระทำชั่วอย่างร้ายแรง"
1) ข้อเหมือน
-เป็นเหตุให้บอกเลิกสัญญาหมั้นได้
-เหตุดังกล่าวเกิดได้ทั้งผู้หมั้นและผู้รับหมั้น
-เหตุดังกล่าวไม่ต้องทำต่อคู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่ง
-กระทำชั่วอย่างร้ายแรงเป็นเหตุอย่างหนึ่งในเหตุสำคัญเท่านั้น
-ถ้าเหตุดังกล่าวเกิดแก่ฝ่ายผู้รับหมั้น นอกจากจะบอกเลิกสัญญาหมั้นได้แล้ว ยังมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนได้
2) ข้อแตกต่าง
-เหตุสำคัญเกิดก่อนหรือหลังการหมั้นก็ได้ แต่การกระทำชั่วอย่างร้ายแรงต้องเกิดขึ้นหลังการหมั้นแล้ว (ถ้ากระทำชั่วอย่างร้ายแรงก่อนหมั้น ก็เป็นเหตุสำคัญได้ แต่จะเรียกค่าทดแทนเพราะกระทำชั่วอย่างร้ายแรง ม.1444 ไม่ได้)
-เหตุสำคัญไม่จำต้องเป็นการกระทำ เช่น เป็นโรคพันธุกรรม , ประสบอุบัติเหตุพิการ แต่เหตุตาม ม.1444 ต้องเป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง
-เหตุสำคัญ ไม่มีผลให้ต้องรับผิดใช้ค่าทดแทน **แต่ผู้กระทำชั่วอย่างร้ายแรงต้องรับผิดใช้ค่าทดแทน (โดยต้องมีการบอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว ถ้าไม่ได้บอกเลิกสัญญาหมั้น จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้)

4. สิทธิเรียกค่าทดแทนระหว่างกัน มี 2 เหตุ
1) เหตุผิดสัญญาหมั้น ม.1439 + ม.1440 
-กรณีนี้จะต้องมีการหมั้น และการหมั้นสมบูรณ์ไม่ตกเป็นโมฆะ แล้วมีการผิดสัญญาหมั้น คือ มีการปฏิเสธการสมรสโดยไม่มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย ม.1442 , ม.1443 จึงเรียกค่าทดแทนระหว่างกันได้ เช่น ทำพิธีแต่งงานและส่งตัวเข้าเรือนหอแล้ว หญิงรับปากว่าจะจดทะเบียนสมรสกันในวันรุ่งขึ้น แต่กลับหลบหนีไม่ยอมจดทะเบียนสมรส (ฎ.5933/2533) หรือหญิงอ้างว่าชายสติไม่สมบูรณ์ คล้ายคนปัญญาอ่อน แต่ที่จริงไม่ใช่ (ฎ.483/2533)
-ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะไม่สมรส ก็เป็นการตกลงเลิกสัญญาหมั้น ไม่ใช่การผิดสัญญาหมั้น
-มีการหมั้น จึงผิดสัญญาหมั้นได้ ฎ.4905/2543
-หากมีการสมรสกันแล้ว แม้ต่อมาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็เรียกค่าทดแทนไม่ได้ ฎ.83/2542
-ถ้ามีเหตุที่จะปฏิเสธไม่ยอมสมรส เช่น ชายไม่ปลูกบ้านในที่ดินของมารดาหญิงตามที่ตกลงกันไว้ หญิงก็ไม่ผิดสัญญาหมั้น ฎ.1392/2542
-การมิได้จดทะเบียนสมรส เพราะต่างไม่ยึดถือการจดทะเบียนสมรสเป็นสำคัญ ฎ.1366/2552
-หญิงรบเร้าให้ชายไปจดทะเบียนสมรส ชายขอเลื่อน ในที่สุดชายโมโหไล่หญิงออกจากบ้าน หญิงต้องกลับไปอยู่กับบิดามารดา แสดงว่าชายไม่ยอมสมรส (ฎ.5777/2540)
-แต่งงานอยู่กินกันแล้ว หญิงชวนชายไปจดทะเบียนสมรสหลายครั้ง ต่อมาบิดามารดาของชายไล่หญิงออกจากบ้านโดยชายมิได้สนใจติดตามหญิงให้กลับมา (ฎ.2165/2538)
-กรณีไม่มีของหมั้น (ฎ.45/2532) หรือสู่ขอกันเฉย ๆ (ฎ.1034/2535) หรือไม่มีเจตนาที่จะจดทะเบียนสมรสเป็นสำคัญ (ฎ.592/2540 , 8954/2549) เหล่านี้ถือว่ายังไม่มีการหมั้น จึงไม่อาจเรียกค่าทดแทนต่อกันได้ รวมทั้งการหมั้นเป็นโมฆะด้วย
-ไม่มีของหมั้น ถ้าตกลงกันว่าจะไปจดทะเบียนสมรสหากผิดสัญญาจะชดใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อตกลงนี้ใช้บังคับได้ จึงฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ แม้มิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้น (ฎ.449/2531)

ค่าทดแทนที่จะเรียกได้ ม.1440 (ค่าทดแทนนี้ ไม่ได้คำนึงถึงหลักเรื่องละเมิด) 
โดยหลักบุคคลผู้มีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้คือคู่หมั้น คู่หมั้นมีสิทธิเรียกเอาจากคู่หมั้นอีกฝ่ายหรือจากคู่สัญญาหมั้น ยกเว้น ม.1440(2) ให้สิทธิแก่คู่หมั้น บิดามารดา หรือผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดาด้วย โดยเรียกค่าทดแทนได้เฉพาะค่าใช้จ่ายหรือหนี้โดยสุจริตที่ต้องเตรียมการสมรสตามสมควร
-ม.1447 วรรคสอง ให้สิทธิตาม ม.1440 (2) เป็นมรดกตกทอดได้ (เคยออกข้อสอบเนติ) แต่สิทธิตาม ม.1440(1) (3) ไม่เป็นมรดก เว้นแต่รับสภาพหรือฟ้องคดีไว้แล้ว
-"ผู้ต้องรับผิด" ยังครอบคลุมถึงบุคคลที่เป็นฝ่ายที่ผิดสัญญาหมั้นด้วย ม.1439 หากบิดามารดามิได้ขัดขวางมิให้หญิงไปจดทะเบียนสมรส จะฟ้องเรียกค่าทดแทนไม่ได้ ฎ.761/2495
-ค่าทดแทนที่เรียกได้ตาม ม.1440 มี 3 กรณี
1.1) ความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียง (ไม่ใช่หลักละเมิด)
เช่น หญิงเป็นดารา หมั้นแล้ว ชายผิดสัญญาหมั้น จะเรียกค่าทดแทนที่ทำให้เรตติ้งลดลง งานแสดงน้อยลง ไม่ได้รับบทดี ๆ เป็นต้น
-เมื่อมีการผิดสัญญาหมั้น หาเป็นผลก่อให้เกิดความเสียหายแก่กายหรือชื่อเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไป จึงต้องนำสืบว่าได้รับความเสียหายอย่างไร
-การกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่เพียงพอให้ศาลฟังว่าเสียหายอย่างไร (ฎ.1305/2514 ,3868/2531)
-แต่เมื่อบรรยายฟ้องว่าผิดสัญญาหมั้นแล้ว ไม่ต้องบรรยายว่ากระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายตาม ม.420 (ฎ.1092/2539)
-การอยู่กินร่วมกันจนมีบุตร ทำให้หญิงต้องรับความอับอายเสียชื่อเสียง (ฎ.3366/2525)
-หญิงตั้งครรภ์และต้องทำแท้งตามคำแนะนำของชาย จากนั้นหญิงป่วยหนักต้องเสียเงินรักษาตัว (ฎ.1223/2519)
-ระหว่างอยู่กินกัน ชายทำร้ายร่างกายหญิงได้รับบาดเจ็บ
-แม้ชายจะให้เงินของหมั้นหรือส่งเสียเลี้ยงดูหญิงระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา ก็เป็นคนละส่วนกับความเสียหายต่อชื่อเสียง (ฎ.13672/2557)
1.2) ความเสียหายเนื่องจากการได้ใช้จ่ายหรือตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรส โดยสมควรด้วยคาดหมายว่าจะได้สมรส
-บุคคลผู้มีสิทธิเรียกได้ ไม่จำกัดเฉพาะคู่หมั้น แต่รวมถึงบิดามารดาหรือผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดา
-ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการหมั้น ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส เป็นคนละส่วนกัน
-ต้องเป็นการใช้จ่ายหรือตกเป็นหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรส เช่น ซื้อที่นอนหมอนมุ้ง เครื่องครัว เครื่องใช้ประจำบ้าน (ฎ.1217/2497) ชุดแต่งงานเมื่อเข้าพิธีสมรส (ฎ.2165/2538) ค่าตกแต่งเรือนหอ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อมาสมรส เช่น ค่าเช่ารถ การเสียค่าเช่าล่วงหน้าเกี่ยวกับห้องในอพาร์ตเม้นเพื่อเป็นเรือนหอ เป็นต้น
-การถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง (pre wedding) ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมรสที่จำเป็นสำหรับคู่บ่าวสาว เพื่อให้งานสมรสเป็นไปอย่างสมบูรณ์ การถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ทั้งปัจจุบันมีการติดต่อทำธุรกิจวางแผนจัดงานแต่งงาน ให้คำปรึกษา ประสานงานในการทำพิธีต่าง ๆ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในพรีเวดดิ้ง ค่าช่างภาพ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าสถานที่ถ่ายภาพ ค่าชุดสำหรับถ่ายภาพ จึงเหมาะสม เรียกได้ (ฎ.3296/2566)
-เงินที่ชายให้หญิงเพื่อไปซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส แต่เป็นเงินกองทุนเพื่อใช้เป็นที่อยู่ เมื่อไม่มีการจดทะเบียนสมรส ฝ่ายหญิงต้องคืน (ฎ.3868/2531)
1.3) ความเสียหายเนื่องจากการจัดการทรัพย์สินหรือการอื่นเกี่ยวแก่อาชีพทางทำมาหาได้โดยสมควร ด้วยการคาดหมายว่าจะได้สมรส
-จำกัดเฉพาะการจัดการทรัพย์สินหรือการอื่นเกี่ยวแก่อาชีพ , การทำมาหาได้ของคู่หมั้นเท่านั้น ไม่รวมถึงบุคคลอื่น
-ต้องเป็นการจัดการตามสมควรด้วยคาดหมายว่าจะมีการสมรส ถ้าคู่หมั้นอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะสมรสอันเป็นการผิดสัญญาหมั้นแล้ว การกระทำภายหลังจากนั้น ถือว่าคาดหมายได้ว่าไม่มีการสมรส จึงฟ้องเรียกไม่ได้ (ฎ.3366/2535)

2) เหตุการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงของคู่หมั้นอีกฝ่ายภายหลังการหมั้น ม.1444 (โดยต้องมีการบอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว)
-ไม่ใช่การผิดสัญญาหมั้น ยังมีความประสงค์จะสมรสอยู่ แต่มีการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้คู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้น และเรียกค่าทำแทน
-กระทำชั่วอย่างร้ายแรงก่อนการหมั้น ก็เรียกค่าทดแทนไม่ได้

5. สิทธิเรียกค่าทดแทนต่อบุคคลอื่น มี 2 เหตุ
1) เรียกจากผู้ที่ร่วมประเวณีหรือผู้ที่กระทำกับคู่หมั้นของตน เพื่อสนองความใคร่ของผู้นั้นหรือคู่หมั้นของตน ม.1445
-ผู้กระทำไม่มีสิทธิตามกฎหมาย
-คู่หมั้นสมัครใจหรือยินยอมให้ร่วมประเวณีหรือถูกกระทำ
-หากคู่หมั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ การหมั้นเป็นโมฆะ ไม่อาจเรียนค่าทดแทนได้
-ผู้อื่นนั้น ต้องรู้หรือควรรู้ถึงการหมั้นนั้น คือ รู้ว่ามีการหมั้นแล้วและหมั้นกับผู้ใด จึงเรียกค่าทดแทนจากผู้นั้นได้ มีลักษณะเช่นเดียวกับจงใจหรือประมาทเลินเล่อในทางละเมิด
-ต้องมีการบอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว ตาม ม.1442 หรือ ม.1443 แล้วแต่กรณี หากไม่บอกเลิกสัญญาหมั้น ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทน
-หากคู่หมั้นยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจ ก็บอกเลิกสัญญาหมั้นไม่ได้
-หากคู่หมั้นให้อภัย ก็บอกเลิกสัญญาหมั้นไม่ได้ (เทียบ ม.1518)
-ม.1447 วรรคสอง สิทธิเรียกค่าทดแทนเป็นสิทธิเฉพาะตัว ถ้าตายไปก่อน บิดามารดาใช้สิทธิเรียกร้องไม่ได้ , จะโอนสิทธิแก่ผู้อื่นก็ไม่ได้
-คู่หมั้นต้องรับผิดใช้ค่าทดแทน ตาม ม.1444
-คู่หมั้นมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากผู้อื่นที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับคู่หมั้นซึ่งเป็นเพศเดียวกัน
2) เรียกจากผู้ซึ่งข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราคู่หมั้นของตน ม.1446
-คู่หมั้นไม่ต้องบอกเลิกสัญญาหมั้น
-คู่หมั้นเรียกค่าทดแทนจากอีกฝ่ายหนึ่งโดยอ้าง ม.1444 ไม่ได้
-คู่หมั้นมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่กระทำการละเมิดตนได้
-หากคู่หมั้นรู้เห็นเป็นใจ นอกจากไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว คู่หมั้นอีกฝ่ายอาจบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าทดแทนจากคู่หมั้นของตนได้ตาม ม.1444 (เทียบ ม.1517 วรรคหนึ่ง)
-คู่หมั้นมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงหรือชายอื่นที่ข่มขืนหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราหญิงหรือชายคู่หมั้นของตนได้ กรณีตัวการที่ร่วมกระทำความผิดได้ร่วมข่มขืนด้วย ก็ต้องรับผิด แต่ถ้ามิได้ข่มขืน เช่น แบ่งหน้าที่กันทำ ช่วยจับแขนขา แม้ผิดทางอาญาก็ไม่ต้องรับผิด เป็นบทเฉพาะ ไม่ใช้ ม.432

6. การกำหนดค่าทดแทน
-การกำหนดค่าทดแทนโดยทั่วไป ม.1447 วรรคหนึ่ง , ตกลงเรื่องเบี้ยปรับไม่ได้ ม.1438
-การกำหนดค่าทดแทนให้แก่ผู้รับหมั้น ม.1440 วรรคท้าย

สรุป การสิ้นสุดของการหมั้น
โดยผลของกฎหมาย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ม.1441 (ตายโดยธรรมชาติ ไม่รวมถึงกรณีศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ)
โดยการบอกเลิกสัญญา 
--บอกเลิกเพราะมีเหตุสำคัญเกิดแก่ผู้รับหมั้น ม.1442
--บอกเลิกเพราะมีเหตุสำคัญเกิดแก่ผู้หมั้น ม.1443
-เหตุสำคัญที่ทำให้บอกเลิก หากเป็นเพราะการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงของคู่หมั้น ฝ่ายที่บอกเลิกมีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้ ม.1444
--บอกเลิกโดยคู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้น
การบอกล้างสัญญาหมั้น เช่น หมั้นโดยปราศจากความยินยอม ม.1436 ผลของการบอกล้างเป็นไปตาม ม.176 แต่การเรียกคืนของหมั้น, สินสอด เป็นไปตาม ม.1437 วรรคท้าย ในลักษณะลาภมิควรได้

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ สารบรรณ (ชุดที่ 3)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.สถิติ พ.ศ. 2550 (ฉบับเตรียมสอบ)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายยืม ค้ำประกัน จำนอง จำนำ (ครั้งที่ 2-3)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ.2562