สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายครอบครัว (ครั้งที่ 7)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายครอบครัว (ครั้งที่ 7)
อาจารย์ชาติชาย อัครวิบูลย์
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2568
**********

1. แบบของสัญญาก่อนสมรส 2 แบบ
-ม.1466 "สัญญาก่อนสมรสเป็นโมฆะ ถ้ามิได้จดแจ้งข้อตกลงกันเป็นสัญญาก่อนสมรสนั้นไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือมิได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้"
1.1) จดแจ้งข้อตกลงกันไว้ในทะเบียนสมรส พร้อมกับการจดทะเบียนสมรส
1.2) ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและมีพยานอย่างน้อย 2 คน แนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และจดไว้ในทะเบียนสมรสว่ามีสัญญาก่อนสมรสแนบไว้
-ถ้าไม่ได้ทำตามแบบใดแบบหนึ่ง ผลเป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้
-ฎ.2497/2552 ขณะจดทะเบียนสมรส ตกลงกันว่าไม่ประสงค์ให้บันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สิน แต่ภายหลังในวันเดียวกันทั้งสองฝ่ายจะมาขอบันทึกเพิ่มเติมท้ายทะเบียนสมรสว่า จำเลยประสงค์จะยกที่ดินให้แก่โจทก์ บันทึกดังกล่าว มิใช่สัญญาก่อนสมรส หากแต่เป็นสัญญาระหว่างสมรสตามม.1469
-ฎ.3346/2532 ทำข้อตกลงให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนสมรสเป็นสินสมรส 

2. การเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรส
-ม.1467 "เมื่อสมรสแล้วจะเปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสนั้นไม่ได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากศาล
  เมื่อได้มีคำสั่งของศาลถึงที่สุดให้เปลี่ยนแปลงเพิกถอนสัญญาก่อนสมรสแล้ว ให้ศาลแจ้งไปยังนายทะเบียนสมรสเพื่อจดแจ้งไว้ในทะเบียนสมรส"

-โดยหลักจะ "เปลี่ยนแปลง" หรือ "เพิกถอน" สัญญาก่อนสมรสไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล 
-ถ้าตกลงกันเอง จะถือว่าเป็น "สัญญาระหว่างสมรส" ไม่ได้ เพราะตกเป็นโมฆะ 
-เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตและถึงที่สุด ต้องแจ้งนายทะเบียนสมรส เพื่อจดแจ้งไว้ในทะเบียนสมรส
-บุคคลภายนอกจะสามารถรู้ถึงข้อตกลงในสัญญาก่อนสมรสได้ยาก กฎหมายจึงคุ้มครองบุคคลภายนอกผู้สุจริต ตามม.1468 "ข้อความในสัญญาก่อนสมรสไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ว่าจะได้เปลี่ยนแปลงเพิกถอนโดยคำสั่งของศาลหรือไม่ก็ตาม"

3. ความระงับของสัญญาก่อนสมรส 2 ประการ
3.1) ศาลอนุญาตให้เพิกถอน ม.1467
3.2) การสมรสสิ้นสุดลง ม.1501 "การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน" เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง สัญญาก่อนสมรสจึงระงับลง ไม่มีสินสมรสหรือสินส่วนตัวที่จะต้องพิจารณา

4. สัญญาระหว่างสมรส
-ม.1469 "สัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินใดที่คู่สมรสได้ทำไว้ต่อกันในระหว่างเป็นคู่สมรสกันนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกล้างเสียในเวลาใดที่เป็นคู่สมรสกันอยู่ หรือภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ขาดจากการเป็นคู่สมรสกันก็ได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต"
4.1) ต้องเป็นสัญญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน มีวัตถุแห่งหนี้เป็นทรัพย์สิน ไม่ใช่หนี้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการ เช่น ข้อตกลงให้ภริยาหาสมาชิกมาเล่นแชร์โดยให้ค่าตอบแทน
-ไม่ใช้กับอำนาจจัดการสินสมรส (อำนาจจัดการสินสมรส ไม่ใช่สัญญาระหว่างสมรส)
-เป็นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงสิทธิในตัวทรัพย์ระหว่างคู่สมรส
-ตัวอย่างคดีที่ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางทรัพย์สิน ไม่อยู่ในบังคับม.1469
  --ฎ.1356/2522 ค่าเลี้ยงชีพ (เป็นข้อตกลงก่อหนี้แก่ฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่ข้อตกลงที่เปลี่ยนแปลงสิทธิในทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส)
  --ฎ.4211/2531 สามีทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวร่างกายภริยา สามียอมรับผิดและตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
  --ฎ.3666/2535 สามีทำร้ายภริยาและตกลงหย่ากัน โดยจะแบ่งทรัพย์สินตามบันทึกที่ให้ตำรวจทำไว้ ต่อมาจะบอกล้างสัญญา ไม่อาจบอกล้างสัญญาได้ (ไม่ใช่สัญญาระหว่างสมรส จึงบอกล้างไม่ได้ , ถ้าเป็นสัญญาระหว่างสมรส บอกล้างสัญญาได้)
4.2) ต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างสมรสและระหว่างกันเอง
-ฎ.2497/2552 ทำบันทึกในทะเบียนสมรสในวันเดียวกันหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว เป็นสัญญาระหว่างสมรส
-สามีเป็นกรรมการบริษัท ทำสัญญาเช่าที่ดินส่วนตัวของภริยา ทำในนามบริษัท ไม่ใช่สัญญาระหว่างสมรส
-ฎ.11692/2555 สามีภริยาตกลงแลกเปลี่ยนทรัพย์สินกัน ภริยาเอารถยนต์ให้สามี สามีจะจดทะเบียนโอนที่ดินให้มารดาภริยา ต่อมาสามีได้จดทะเบียนโอนที่ดินให้มารดาของภริยาแล้ว เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกตามม.374 มารดาของภริยาได้ถือเอาประโยชน์แล้ว บอกล้างสัญญาไม่ได้ 
-ฎ.2236/2562 ภริยาลงชื่อยินยอมในใบสมัครสมาชิกของสามี ให้สามีทำนิติกรรมเกี่ยวกับสินสมรสได้ เป็นสัญญาระหว่างสมรส (อาจารย์มีความเห็นว่าไม่เป็นสัญญาระหว่างสมรส เพราะเป็นการให้ความยินยอมตามม.1476หรือไม่ ก็ได้ สัญญาดังกล่าวไม่ได้ทำขึ้นระหว่างคู่สมรส แต่เป็นการแสดงต่อคู่สัญญาของคู่สมรส และขณะตกลงมิได้มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สิน เพียงแต่เป็นความผูกพันที่บังคับได้จากการให้ความยินยอม)
-กรณีการสมรสเป็นโมฆะ ไม่ใช่คู่สมรส ไม่เป็นสัญญาระหว่างสมรส ไม่เกิดความสัมพันธ์ในทางทรัพย์สินตามม.1498 วรรคหนึ่ง (แต่ข้อตกลงประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินที่หามาร่วมกันในระหว่างอยู่กินกันนั้น ใช้บังคับกันได้ ฎ.2496/2544)
-ถ้าทำต่อบุคคลภายนอก ไม่ใช่สัญญาระหว่างสมรส ม.1476 , 1480
-เป็นหนี้ร่วมหรือหนี้ที่ถือเป็นหนี้ร่วมระหว่างสมรส ม.1490 เช่น สามีค้ำประกันหนี้ภริยา ไม่ใช่สัญญาระหว่างสมรส 
-สัญญาระหว่างสมรสเป็นโมฆะ ถ้าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
4.3) แบบของสัญญาระหว่างสมรส 
-ไม่มีแบบ เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดแบบของสัญญานั้น ๆ ไว้
-ฎ.319/2530 สามีสละสิทธิในทรัพย์สินทั้งปวง รวมทั้งที่ดินที่มีชื่อภริยาอยู่ในโฉนด กรรมสิทธิ์ตกเป็นของภริยาโดยไม่ต้องจดทะเบียนโอน
4.4) สิทธิบอกล้าง มี 2 ระยะเวลา คือ ในเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างสมรส แม้ทำสัญญาไว้เป็นเวลาเกิน 10 ปี หรือ ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากการสมรส
-สิทธิบอกล้าง เป็นสิทธิเฉพาะตัว 
-หน้าที่รับการบอกล้าง ไม่เป็นการเฉพาะตัว
-ฎ.2236/2562 กรณีคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย คู่สมรสที่มีชีวิตอยู่จึงบอกล้างไม่ได้ (อาจารย์มีความเห็นว่า บอกล้างได้)
-ฎ.2039/2544 การบอกล้างก็ไม่มีแบบ จึงใช้ได้ทั้งในรูปการบอกกล่าว ฟ้องคดี ต่อสูคดี
-ฎ.2497/2552 ยื่นคำให้การและฟ้องแย้งบอกเลิกสัญญาให้ที่ดิน ถือเป็นการแสดงเจตนาบอกล้าง
-ฎ.7978/2542 ฟ้องต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจ ก็ถือเป็นการบอกล้างแล้ว
-ฎ.4744/2539 , 818/2546 การบอกล้างตามม.1469 ไม่ใช่การเพิกถอนการให้ ไม่ต้องมีเหตุประพฤติเนรคุณตามม.531
-ฎ.3714/2548 กรณีการให้ ไม่ต้องพิจารณาว่ามีเหตุบอกล้างเพราะนิติกรรมเป็นโมฆียะหรือไม่ ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
-ฎ.5974/2538 ข้อตกลงไม่ให้บอกล้าง ฝ่าฝืนม.1469 ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้
-ฎ.8739/2551 , 3185/2552 ข้อตกลงกำหนดระยะเวลาห้ามบอกล้างเป็นเวลา 20 ปี เป็นโมฆะ
-ฎ.674/2543 ตกลงทำสัญญาระหว่างสมรสไว้เดิม ต่อมามีการตกลงใหม่ เท่ากับยกเลิกสัญญาฉบับเดิม ผูกพันฉบับใหม่ ถือว่าเป็นสัญญาระหว่างสมรสเช่นกัน จึงบอกล้างได้ 
-ฎ.277/2558 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลมีคำพิพากษาตามยอม โดยคู่ความดำเนินการตามข้อตกลงแล้ว จึงไม่อาจบอกล้างได้
4.5) ผลของการบอกล้าง สัญญาสิ้นผลผูกพัน คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม
-ถ้าให้สินส่วนตัวหรือสินสมรส ก็กลับเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายที่ให้ หรือกลับมาเป็นสินสมรส
-ฎ.7978/2542 ฟ้องหย่าและแบ่งสินสมรสต่อศาลที่ไม่อยู่ในอำนาจ เป็นการบอกล้างสัญญาระหว่างสมรสที่ตกลงแบ่งทรัพย์สิน เมื่อต่อมาฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจภายในกำหนดตามม.193/17 วรรคสอง ย่อมทำให้ข้อตกลงสิ้นผล กลับมาเป็นสินสมรส
-ฎ.277/2558 ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ เกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินในการหย่า แม้ยังมิได้จดทะเบียนหย่า แต่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 จึงโอนให้จำเลยที่ 2 ได้ โจทก์ไม่อาจบอกล้างได้
-ม.1469 ไม่ทำให้บุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตต้องเสื่อมเสียสิทธิ (บุคคลภายนอกเพียงสุจริต ไม่จำต้องเสียค่าตอบแทน)

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (44 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)