สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 11-12)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 11-12)
อาจารย์ดาราพร ถิระวัฒน์
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
**********

1. การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ 3 กรณี (เจ้าหนี้คนเดิมหมดสิทธิ เพราะมีบุคคลอื่นเข้ามาแทนที่)
1.1) การรับช่วงสิทธิ การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ในหนี้เดิมโดยผลของกฎหมาย
1.2) การโอนสิทธิเรียกร้อง การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ในหนี้เดิมโดยผลของการทำสัญญาโอน
1.3) การแปลงหนี้ใหม่ การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้โดยผลของการทำสัญญาระงับหนี้เดิมก่อหนี้ใหม่

2. การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้โดยการรับช่วงสิทธิ
-เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้โดยกฎหมาย
-เกิดขึ้นเฉพาะเท่าที่กฎหมายกำหนด
-เกิดขึ้นเมื่อมีการชำระหนี้ของผู้มีส่วนได้เสียตามที่กฎหมายระบุ เข้าใช้หนี้ให้เจ้าหนี้แล้ว
-รับช่วงสิทธิเท่าสิทธิที่เจ้าหนี้มีอยู่ในมูลหนี้ และเท่าจำนวนหนี้ที่มีการชำระหนี้
-หลักทั่วไป ม.227 , 229 , 230
-หลักเฉพาะ 
  --ลูกหนี้ร่วม ม.296
  --ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยในกรณีละเมิด ม.426 , 431 , 432
  --ผู้ค้ำประกัน ม.693-697
  --ผู้จำนอง ม.724-725 , 734
  --ประกันภัย ม.880

3. ม.227 "เมื่อเจ้าหนี้ได้รับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเต็มตามราคาทรัพย์หรือสิทธิซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นแล้ว ท่านว่าลูกหนี้ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้อันเกี่ยวกับทรัพย์หรือสิทธินั้น ๆ ด้วยอำนาจกฎหมาย"
-ลูกหนี้ เข้าชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้เต็มตามราคาทรัพย์หรือสิทธิซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้ ลูกหนี้ย่อมเข้าสู่ฐานะผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้
-เหตุที่ลูกหนี้ที่ต้องเข้าชำระค่าสินไหมทดแทน เพราะเป็นผู้มีความผูกพันต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ตามสัญญาหรือตามกฎหมายอยู่ด้วย 
-ถ้าไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ก็ไม่อาจรับช่วงสิทธิได้ ฎ.2766/2551

4. ม.229 "การรับช่วงสิทธิย่อมมีขึ้นด้วยอำนาจกฎหมาย และย่อมสำเร็จเป็นประโยชน์แก่บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
  (1) บุคคลซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่เอง และมาใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกคนหนึ่งผู้มีสิทธิจะได้รับใช้หนี้ก่อนตน เพราะเขามีบุริมสิทธิ หรือมีสิทธิจำนำจำนอง
  (2) บุคคลผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใด และเอาเงินราคาค่าซื้อใช้ให้แก่ผู้รับจำนองทรัพย์นั้นเสร็จไป
  (3) บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อื่น หรือเพื่อผู้อื่นในอันจะต้องใช้หนี้ มีส่วนได้เสียด้วยในการใช้หนี้นั้น และเข้าใช้หนี้นั้น"
4.1) การรับช่วงสิทธิ ม.229(1)-(3)
-เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในลำดับหลัง เข้าใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อน ม.229(1)
-ผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เข้าใช้หนี้แก่ผู้รับจำนอง ม.229(2) 
-ผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อื่นหรือเพื่อผู้อื่น เข้าใช้หนี้แก่เจ้าหนี้ ม.229(3)
-ม.296 , 432 ลูกหนี้ร่วม เข้ารับช่วงสิทธิ

5. ม.230 "ถ้าในการที่เจ้าหนี้นำบังคับยึดทรัพย์อันหนึ่งอันใดของลูกหนี้นั้น บุคคลผู้ใดจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในทรัพย์อันนั้นเพราะการบังคับยึดทรัพย์ไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้นั้นมีสิทธิจะเข้าใช้หนี้เสียแทนได้ อนึ่ง ผู้ครองทรัพย์อันหนึ่งอันใด ถ้าจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิครองทรัพย์นั้นไปเพราะการบังคับยึดทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิจะทำได้เช่นเดียวกับที่ว่ามานั้น
  ถ้าบุคคลภายนอกผู้ใดมาใช้หนี้แทนจนเป็นที่พอใจของเจ้าหนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมเข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ แต่สิทธิเรียกร้องอันนี้จะบังคับให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เจ้าหนี้หาได้ไม่"
5.1) ม.230 วรรคหนึ่ง
-ผู้ต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในทรัพย์เพราะการบังคับยึดทรัพย์ เข้าใช้หนี้แก่เจ้าหนี้
-ผู้ครองทรัพย์จะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิครองทรัพย์เพราะการบังคับยึดทรัพย์ เข้าใช้หนี้แก่เจ้าหนี้
5.2) ม.230 วรรคสอง เจ้าหนี้คนเดิมยอมรับชำระหนี้บางส่วนจากผู้มีส่วนได้เสีย แต่ได้รับชำระหนี้ไม่เต็ม ผู้รับช่วงสิทธิจะใช้สิทธิให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เจ้าหนี้คนเดิมไม่ได้ ม.226 วรรคหนึ่ง+230 วรรคสอง

6. ผลของการรับช่วงสิทธิ
6.1) รับช่วงสิทธิเต็มจำนวน ม.226 วรรคหนึ่ง คือ มีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เต็มจำนวนหนี้
-ผู้รับช่วงสิทธิเข้าสวมสิทธิทั้งหลายในบรรดาที่เจ้าหนี้เดิมมีอยู่โดยลูกหนี้
-ผู้รับช่วงสิทธิได้ทั้งประกันแห่งหนี้ในนามของตนเอง
6.2) รับช่วงสิทธิบางส่วน ม.230 วรรคสอง
-ผู้รับช่วงสิทธิได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เพียงบางส่วน ย่อมมีผลให้ได้รับช่วงสิทธิเฉพาะส่วนที่ชำระเท่านั้น
-ผู้รับช่วงสิทธิบางส่วน จะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้ให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เจ้าหนี้ที่ยังมีสิทธิเหลืออยู่ไม่ได้

7. การช่วงทรัพย์ (การเปลี่ยนตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งหนี้) (เรื่องช่วงทรัพย์ ไม่ค่อยมีฎีกา)
-ม.226 วรรคสอง ช่วงทรัพย์ ได้แก่เอาทรัพย์สินอันหนึ่งเข้าแทนที่ทรัพย์สินอีกอันหนึ่ง ในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
7.1) ม.228 วรรคหนึ่ง ถ้าพฤติการณ์ซึ่งทำให้การชำระหนี้เป็นอันพ้นวิสัยนั้น เป็นผลให้ลูกหนี้ได้มาซึ่งของแทนก็ดี หรือได้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อทรัพย์อันจะพึงได้แก่ตนนั้นก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ส่งมอบของแทนที่ได้รับไว้ หรือจะเข้าเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเสียเองก็ได้
-ม.228 วรรคหนึ่ง กฎหมายให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะเรียกให้ลูกหนี้ส่งมอบทรัพย์ที่รับไว้หรือเรียกบุคคลภายนอกซึ่งต้องชำระหนี้ให้ลูกหนี้ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เองโดยตรง
7.2) ม.228 วรรคสอง ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพราะการไม่ชำระหนี้ และถ้าใช้สิทธินั้นดังได้ระบุไว้ในวรรคต้นไซร้ ค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงใช้แก่เจ้าหนี้นั้นย่อมลดจำนวนลงเพียงเสมอราคาแห่งของแทนซึ่งลูกหนี้ได้รับไว้ หรือเสมอจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ลูกหนี้จะเรียกร้องได้นั้น
-ม.228 วรรคสอง เป็นกรณีที่ลูกหนี้ต้องรับผิดต่อการที่การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย (ตามม.217 , 218 , ตามสัญญา) และมีกรณีช่วงทรัพย์ได้ ม.228 เจ้าหนี้จึงมีสิทธิเรียกร้องต่อลูกหนี้ 2 ทาง (เจ้าหนี้ต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง) คือ เรียกค่าเสียหายตามม.217 , 218 หรือ ใช้สิทธิช่วงทรัพย์ตามม.228 วรรคสอง 
7.3) ม.231 กรณีที่ทรัพย์ที่จำนอง จำนำ หรืออยู่ในบังคับบุริมสิทธิ เป็นทรัพย์ที่ได้เอาประกันภัยไว้ สูญหายหรือเสียหาย กฎหมายให้สิทธิจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิครอบไปถึงสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยด้วย ทำให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนอง จำนำ หรือบุริมสิทธิยังมีสิทธิอยู่เช่นเดิม โดยมีสิทธิเรียกร้องเงินค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยได้
-การอนุโลมใช้หลักม.231 กับกรณีการชดใช้เงินในกรณีที่ทรัพย์สินที่จำนอง จำนำหรืออยู่ในบังคับบุริมสิทธิอย่างอื่น ถูกบังคับซื้อ (เวนคืน) หรือกรณีการชดใช้ค่าเสียหายที่ทรัพย์สินนั้นถูกทำลายหรือบุบสลาย

8. การเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้โดยการโอนสิทธิเรียกร้อง
-ต้องเกิดจากสัญญาระหว่างเจ้าหนี้ผู้โอนสิทธิเรียกร้อง กับผู้รับโอนสิทธิ 
-มีฎีกาจำนวนมาก กรณีผู้รับโอนสิทธิ ซื้อสิทธิมาต่ำกว่าหนี้ แล้วลูกหนี้อ้างว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เช่น หนี้ 10,000 บาท ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง ซื้อหนี้มา 9,000 บาท แต่มาเรียกร้องลูกหนี้ 10,000 บาท ลูกหนี้จึงต่อสู้ว่าใช้สิทธิไม่สุจริต , สิทธิเรียกร้องหนี้ เจ้าหนี้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ได้แล้ว เป็นสิทธิที่มีความเสี่ยงและมีภาระ ผู้รับโอนสิทธิอาจไม่ได้รับชำระหนี้ก็ได้ จึงไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฎ.7784/2554 , 527/2558 
8.1) สิทธิเรียกร้องที่โอนกันไม่ได้
-สิทธิที่โอนไม่ได้โดยสภาพ ม.303 วรรคหนึ่ง , สิทธิเฉพาะตัวของเจ้าหนี้เท่านั้นที่จะเรียกร้องได้ แบบนี้สภาพแห่งสิทธิไม่เปิดช่องให้โอนกันได้
-มีการแสดงเจตนาห้ามโอนไว้ ม.303 วรรคสอง , ฎ.2230/2558
-สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่ศาลจะสั่งยึดไม่ได้ ม.304
8.2) ม.306 การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ถ้าผู้โอนกับผู้รับโอนไม่ทำเป็นหนังสือ ไม่สมบูรณ์ คือ ไม่มีผลทางกฎหมาย ไม่เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ สิทธิเรียกร้องก็ยังอยู่กับเจ้าหนี้คนเดิม , ถ้าผู้รับโอนโดยไม่สมบูรณ์ไปเรียกให้ลูกหนี้ชำระ ลูกหนี้ชำระให้ ก็เป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ หนี้ไม่ระงับ
-ความเห็นของอาจารย์ ไม่เห็นด้วยในเรื่อง การนำหลักซื้อขายมาใช้กับการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะตรง ๆ ให้ทำตามแบบ ทำเป็นหนังสือ ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือเท่ากับไม่มีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ จึงไม่ควรนำหลักเรื่องซื้อขายมาใช้ ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือชำระหนี้บางส่วนก็ฟ้องคดีได้ เพราะเรื่องการซื้อขายดังกล่าว ควรเป็นซื้อขายสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ แต่สิทธิเรียกร้องหนี้นั้นพูดถึงเรื่องทรัพย์สิน
-การยกการโอนสิทธิเรียกร้อง ขึ้นยันต่อลูกหนี้ ม.306 วรรคสอง , 307 หรือบุคคลภายนอก ทำได้ต่อเมื่อ ได้มีการบอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้ได้ยินยอมด้วยในการโอน (การบอกกล่าวหรือความยินยอมต้องทำเป็นหนังสือ)

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)