สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 8)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายหนี้ (ครั้งที่ 8)
อาจารย์ดาราพร ถิระวัฒน์
วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
**********

1. ความรับผิดของลูกหนี้ในดอกเบี้ยระหว่างการผิดนัด มี 2 มาตรา คือ ม.224 , 225

2. ม.224 ดอกเบี้ยของหนี้เงินระหว่างการผิดนัด
-ม.224 "หนี้เงินนั้น ให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละสองต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น
  ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
  การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกจากนั้น ให้พิสูจน์ได้"
-ม.7 "ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี
  อัตราตามวรรคหนึ่งอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปีให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์"
2.1) หลักม.224 คือ 
-ลูกหนี้มีหน้าที่ชำระหนี้เงิน ลูกหนี้ต้องชำระหนี้เงินตั้งแต่แรก เช่น สัญญากู้ยืมเงิน , ค่าเช่าซื้อ , ค่าจ้างทำของ , หนี้ชำระราคาซื้อขาย
-ลูกหนี้ผิดนัด 
-ลูกหนี้ต้องรับผิดชำระหนี้เงิน (ต้นเงิน) และดอกเบี้ยระหว่างผิดนัด
2.2) ผลทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นตามม.224
-เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในหนี้เงินในระหว่างผิดนัด 
  --อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายกรณีผิดนัด คือ อัตราที่กำหนดตามม.7 บวกด้วยอัตราเพิ่มอีกร้อยละ 2 ต่อปี (3+2 = ร้อยละ 5 ต่อปี) ตั้งแต่วันที่กฎหมายใหม่ใช้บังคับ (ตั้งแต่ 11 เมษายน 2564) 
  --ฎ.3599/2566 ลูกหนี้ต้องชำระดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และรับผิดในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และเมื่อกระทรวงการคลังตราพระราชกฤษฎีกาปรับเปลี่ยนอัตราเท่าใดก็ให้เป็นไปตามนั้น บวกด้วยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี แต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามที่โจทก์ขอ
  --เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าโดยอาศัยเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย
  --พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ห้ามเรียกดอกเบี้ยกู้ยืมเกินร้อยละ 15 ต่อปี ถ้าเรียกเกิน เฉพาะดอกเบี้ยเป็นโมฆะ ม.150+173 แต่ลูกหนี้ยังมีหนี้ต้องชำระคือต้นเงิน พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดม.224
  --ฎ.2143/2566 สัญญาจำนอง กำหนดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี แต่นำสืบได้ว่าคิดดอกเบี้ยจริงร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือร้อยละ 24 ต่อปี จึงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ดอกเบี้ยเป็นโมฆะ และศาลปรับใช้ม.224 ลูกหนี้ต้องรับผิดดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ 5 ต่อปี
  --ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยจากต้นเงินตลอดระยะเวลาที่ผิดนัด
-เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอย่างอื่นในกรณีที่สามารถพิสูจน์ว่ามีความเสียหายอื่นอีก เช่น ลูกหนี้ได้คาดเห็นว่าหากลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จะเสียหายอย่างไร

3. ม.225 ดอกเบี้ยของหนี้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาทรัพย์ที่เสียหายในระหว่างการผิดนัด
-ม.225 "ถ้าลูกหนี้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาวัตถุอันได้เสื่อมเสียไประหว่างผิดนัดก็ดี หรือวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกิดขึ้นระหว่างผิดนัดก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยในจำนวนที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนคิดตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคานั้นก็ได้ วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงการที่ลูกหนี้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ราคาวัตถุตกต่ำ เพราะวัตถุนั้นเสื่อมเสียลงในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วย"
3.1) หลักม.225
-ลูกหนี้มีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้ แต่ลูกหนี้ส่งมอบทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้ไม่ถูกต้อง เพราะทรัพย์นั้นเสื่อมเสีย เสียหาย หรือสูญหายไปในระหว่างผิดนัด 
-ลูกหนี้ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นในระหว่างผิดนัดนั้น
-ลูกหนี้รับผิดเพิ่ม ต้องชำระดอกเบี้ยตามกฎหมายในหนี้ค่าสินไหมทดแทน
3.2) ผลทางกฎหมาย
-สิทธิของเจ้าหนี้เรียกค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นในระหว่างผิดนัด + ดอกเบี้ย (ม.225 ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย)
  --อัตราดอกเบี้ยในหนี้เงินที่เป็นค่าสินไหมทดแทน (ราคาทรัพย์วัตถุแห่งหนี้ที่เสื่อมเสีย เสียหาย หรือสูญหายไป) อัตราดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียก ปรับใช้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ตามม.7 (ไม่ใช้ม.224 เพราะหนี้เงินไม่เหมือนกัน และม.7 บัญญัติว่า ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี) 
  --ฎ.4289/2564 ม.225 ศาลใช้อัตราดอกเบี้ยตามม.224 คือร้อยละ 5 ต่อปี (อาจารย์มีความเห็นว่าควรเป็นร้อยละ 3 ต่อปีตามม.7)
  --เวลาเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคา (เวลาที่ทรัพย์เกิดการเสื่อมเสีย เสียหาย หรือสูญหาย)

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (44 ข้อ)

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 5)