สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 6-7)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 6-7)
อาจารย์ชัชชม อรรฆภิญญ์
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568
**********
1. วันนี้เป็นการบรรยายกฎหมายสิทธิบัตรครั้งแรกจากทั้งหมด 5 ครั้ง
2. สิทธิบัตร (patent) คือ หนังสือสำคัญที่ (รัฐ-กรมทรัพย์สินทางปัญญา) ออกให้ เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ (ตามที่กำหนดในหมวด 2 และหมวด 3 แห่งพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522
-ขอบข่ายของสิทธิบัตรมีอยู่ 2 เรื่อง คือ การประดิษฐ์ กับการออกแบบผลิตภัณฑ์
-เครื่องหมายการค้า (trademark) กับลิขสิทธิ์ (copyright) มีสิทธิได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน , แต่สิทธิบัตร (patent) ต้องจดทะเบียนจึงจะได้รับสิทธิได้รับความคุ้มครอง
3. สิทธิบัตร แบ่งออก 3 ประเภทใหญ่ ๆ
3.1) สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ 20 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร (อันนี้แปลก ต้องจำ) ตามม.35
-ลักษณะของสิทธิบัตรการประดิษฐ์ 3 ประการ ตามม.5 คือ เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ (ม.6) มีขั้นประดิษฐ์ที่สูงขึ้น สามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้
3.2) อนุสิทธิบัตร มีกำหนด 6 ปี ต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 2 ปี ตามม.65 สัตต
-ไม่จำเป็นต้องมีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น
3.3) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ตามม.62
4. การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ม.6
-ได้แก่ การประดิษฐ์ที่ไม่เป็น "งานที่ปรากฏอยู่แล้ว" งานที่ปรากฏอยู่แล้ว คือ สิ่งที่มีอยู่ในเวลานั้น หรือเป็นการประดิษฐ์ที่มีอยู่แล้วในขณะนั้น คือในขณะที่ขอรับสิทธิบัตร ***โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ประดิษฐ์จะรู้หรือไม่รู้ ถ้ามีมาก่อน ถือว่าไม่ใหม่ (เวลาตรวจสอบสิทธิบัตร สามารถตรวจสอบได้ทั่วโลก , ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ออกสิทธิบัตรโดยผิดหลง เมื่อพิสูจน์กันได้ว่าเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้วในต่างประเทศ ก็เพิกถอนได้)
-ฎ.872/2538 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยร่วมกันทำเทียมและเลียนแบบผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์ เมื่อได้มีการออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาแบบยืดและพับได้ไว้ในต่างประเทศก่อนโจทก์ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร มิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ที่โจทก์จะขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ได้ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522 มาตรา 5 ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะรู้หรือไม่รู้ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์จึงเป็นสิทธิบัตรที่ได้ออกโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 5 ดังกล่าวซึ่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์ การประดิษฐ์ตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์ จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522 แต่ประการใด แม้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ก็ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ (ก่อนที่จะดำเนินคดีกับใคร ต้องมั่นใจว่าของตัวเองใหม่จริง ๆ โจทก์ฟ้องจำเลย แต่เมื่อเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว สิทธิบัตรจึงออกโดยไม่ชอบ ย่อมถูกเพิกถอน)
-ฎ.2703/2546 การประดิษฐ์ที่จะขอรับสิทธิบัตรได้ ต้องประกอบด้วยลักษณะตามม.5 ทั้งสามประการ จะขาดข้อใดไปไม่ได้ เมื่อการประดิษฐ์วัสดุรองรับแรงกระแทกบนหัวเสาเข็มตามสิทธิบัตรของจำเลย ไม่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่แล้ว การประดิษฐ์ของจำเลยจึงไม่อาจขอรับสิทธิบัตรได้ ดังนั้น สิทธิบัตรของจำเลยที่ได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยม.5 จึงเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์และย่อมถูกเพิกถอนได้ตามม.54
-ฎ.5003/2563 ข้อถือสิทธิตามอนุสิทธิบัตรที่มิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 (คำว่า "ข้อถือสิทธิ" จะได้พูดในชั่วโมงต่อไป "ข้อถือสิทธิ" คือ สิ่งที่ผู้ขอรับสิทธิบัตรบอกว่าตนขอมีสิทธิเรื่องใด ได้รับความคุ้มครองเรื่องใด ส่วนอื่น ๆ ไม่ได้ขอความคุ้มครอง เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ ขอความคุ้มครองที่กลไกให้รถแล่นไปได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีคนขับ ส่วนเบาะ เกียร์ พวงมาลัย ไม่ขอความคุ้มครอง เพราะมีมานานแล้ว ขอก็ไม่ได้)
5. ม.6 วรรคสอง งานที่ปรากฏอยู่แล้ว ให้หมายความรวมถึงการประดิษฐ์ดังต่อไปนี้ด้วย
5.1) การประดิษฐ์ที่มีหรือใช้แพร่หลายอยู่แล้วในราชอาณาจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร
-แพร่หลายไม่จำต้องเป็นจำนวนมาก แต่ต้องเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนในประเทศไทย
-ฎ.4518/2550
-ฎ.2448/2554
5.2) การประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดในเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ที่ได้เผยแพร่อยู่แล้ว ไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร ก่อนวันขอรับสิทธิบัตร และไม่ว่าการเปิดเผยนั้นจะกระทำโดยเอกสาร สิ่งพิมพ์ การนำออกแสดง หรือการเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยประการใด
-การเปิดเผยทั่ว ๆ ไป แต่ต้องมีลักษณะการเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ และไม่ว่าจะเปิดเผยในหรือนอกราชอาณาจักร หากมีการเปิดเผยแล้ว ถือว่าเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว
-ฎ.4783/2549
5.3) การประดิษฐ์ที่ได้รับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรแล้วไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร5.4) การประดิษฐ์ที่มีผู้ขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไว้แล้วนอกราชอาณาจักรเป็นเวลาเกินสิบแปดเดือนก่อนวันขอรับสิทธิบัตร แต่ยังมิได้มีการออกสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรให้
5.5) การประดิษฐ์ที่มีผู้ขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไว้แล้วไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร และได้ประกาศโฆษณาแล้วก่อนวันขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร
6. "วันขอรับสิทธิบัตร" มีข้อพิจารณา 3 กรณี
6.1) กรณีแรก คือ วันที่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรและเจ้าหน้าที่รับคำขอนั้น
6.2) กรณีที่สอง คือ ม.19 มีการนำเอาการประดิษฐ์ออกแสดงในงานแสดงต่อสาธารณชน ซึ่งหน่วยงานรัฐเป็นผู้จัดหรืออนุญาตให้มีขึ้นในราชอาณาจักร และยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์นั้นภายใน 12 เดือน นับแต่วันเปิดงานแสดง ให้ถือว่าได้ยื่นคำขอนั้นในวันเปิดงานแสดงนั้น เช่น รัฐจัดแสดงงานประดิษฐ์ ดำเอางานออกแสดง ผ่านไป 9 วัน แดงมายื่นขอรับสิทธิบัตร หลังจากนั้น 11 เดือน ดำมายื่นขอรับสิทธิบัตร ดำมีสิทธิได้เพราะอยู่ภายใน 12 เดือน
6.3) กรณีที่สาม คือ ม.19 ทวิ บุคคลตามม.14 ที่ได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ไว้นอกราชอาณาจักร ถ้ายื่นขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์นั้นในราชอาณาจักร ภายใน 12 เดือน นับแต่วันที่ได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก บุคคลนั้นจะขอให้ระบุว่าวันที่ได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรนอกราชอาณาจักรเป็นครั้งแรกเป็นวันที่ได้ยื่นคำขอในราชอาณาจักรก็ได้
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น