สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 10)

สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 10)
อาจารย์ชัชชม อรรฆภิญญ์
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568
**********

1. บุคคลที่มีสิทธิขอรับสิทธิบัตร
1.1) ผู้ประดิษฐ์หรือผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ ม.10 , 15 , 65
-ม.10 "ผู้ประดิษฐ์เป็นผู้มีสิทธิขอรับสิทธิบัตร และมีสิทธิที่จะได้รับการระบุชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ในสิทธิบัตร
  สิทธิขอรับสิทธิบัตรย่อมโอนและรับมรดกกันได้
  การโอนสิทธิขอรับสิทธิบัตร ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน"

-ม.15 "ถ้ามีบุคคลหลายคนทำการประดิษฐ์ร่วมกัน บุคคลเหล่านั้นมีสิทธิขอรับสิทธิบัตรร่วมกัน
  ในกรณีผู้ประดิษฐ์ร่วมคนใด ไม่ยอมร่วมขอรับสิทธิบัตร หรือติดต่อไม่ได้ หรือไม่มีสิทธิขอรับสิทธิบัตร ผู้ประดิษฐ์คนอื่นจะขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ที่ได้ทำร่วมกันนั้น ในนามของตนเองก็ได้
  ผู้ประดิษฐ์ร่วมซึ่งไม่ได้ร่วมขอรับสิทธิบัตรจะขอเข้าเป็นผู้ร่วมขอรับสิทธิบัตรเมื่อใดก็ได้ก่อนมีการออกสิทธิบัตร เมื่อได้รับคำขอแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งกำหนดวันสอบสวนไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรและผู้ร่วมขอรับสิทธิบัตร ในการนี้ให้ส่งสำเนาคำขอไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรและผู้ร่วมขอสิทธิบัตรคนอื่นด้วย
  ในการสอบสวนตามวรรคสาม พนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้ขอรับสิทธิบัตร และผู้ร่วมขอรับสิทธิบัตร มาให้ถ้อยคำชี้แจงหรือให้ส่งเอกสารหรือสิ่งใดเพิ่มเติมก็ได้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนและอธิบดีได้วินิจฉัยแล้ว ให้แจ้งคำวินิจฉัยไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรและผู้ร่วมขอรับสิทธิบัตร"
-ม.65 "ให้นำบทบัญญัติมาตรา 10 ... มาตรา 15 ..ในหมวด 2 ว่าด้วยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ มาใช้บังคับในหมวด 3 ว่าด้วยสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยอนุโลม"
1.2) นายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง ม.11 , 12 , 13
-ม.11 "สิทธิขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ซึ่งลูกจ้างได้ประดิษฐ์ขึ้น โดยการทำงานตามสัญญาจ้างหรือโดยสัญญาจ้างที่มีวัตถุประสงค์ให้ทำการประดิษฐ์ย่อมตกได้แก่นายจ้าง เว้นแต่สัญญาจ้างจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น
  ความในวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ลูกจ้างที่ทำการประดิษฐ์สิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยการใช้ วิธีการ สถิติหรือรายงานซึ่งลูกจ้างสามารถใช้หรือล่วงรู้ได้เพราะการเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างนั้น แม้ว่าสัญญาจ้างจะมิได้เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์"
-ม.12 "เพื่อส่งเสริมให้มีการประดิษฐ์และเพื่อความเป็นธรรมแก่ลูกจ้างในกรณีที่การประดิษฐ์ของลูกจ้างตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง ถ้านายจ้างได้รับประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือนำสิ่งประดิษฐ์นั้นไปใช้ ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษจากนายจ้างนอกเหนือจากค่าจ้างตามปกติได้
  ให้ลูกจ้างที่ทำการประดิษฐ์ตามมาตรา 11 วรรคสอง มีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษจากนายจ้าง
  สิทธิที่จะได้รับบำเหน็จพิเศษจะถูกตัดโดยสัญญาจ้างหาได้ไม่
  การขอรับสิทธิตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ยื่นต่ออธิบดีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดบำเหน็จพิเศษให้แก่ลูกจ้างตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงค่าจ้างความสำคัญในการประดิษฐ์ ประโยชน์ที่นายจ้างได้รับหรือจะได้รับจากการประดิษฐ์ดังกล่าว และเงื่อนไขอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง"
-ม.13 "เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการประดิษฐ์ของข้าราชการ หรือพนักงานองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ให้ถือว่าข้าราชการ หรือพนักงานองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ มีสิทธิเช่นเดียวกับลูกจ้างตามความในมาตรา 12 เว้นแต่ระเบียบของทางราชการหรือองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจนั้น จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น"
1.3) ผู้รับโอนสิทธิ ม.10 วรรคสองและวรรคสาม 

2. หลักเกณฑ์การยื่นคำขอรับสิทธิบัตร
-ผู้ยื่นคำขอก่อน ย่อมมีสิทธิก่อน ม.16 
-เป็นการประดิษฐ์หรือออกแบบขึ้นใหม่ ม.6 , 57 

3. คำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ต้องมีรายการดังนี้ (ม.17)
3.1) ชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์
3.2) ลักษณะและความมุ่งหมายของการประดิษฐ์
3.3) รายละเอียดการประดิษฐ์*
-ต้องมีข้อความสมบูรณ์รัดกุม
-ชัดแจ้งพอที่จะให้ผู้มีความชำนาญในระดับสามัญในศิลปะหรือวิทยาการที่เกี่ยวข้อง สามารถทำและปฏิบัติการตามการประดิษฐ์นั้นได้
-ระบุวิธีการประดิษฐ์ที่ดีที่สุดที่ผู้ประดิษฐ์จะพึงทราบได้
3.4) ข้อถือสิทธิโดยชัดแจ้ง***
-แสดงถึงเจตนาหรือความประสงค์ที่จะกำหนดถึงลักษณะและขอบเขตของสิ่งที่ต้องการได้รับสิทธิแต่ผู้เดียว 
-หลักเกณฑ์ในการเขียนข้อถือสิทธิ ต้องชัดแจ้งในสิ่งที่ต้องการได้รับความคุ้มครอง ต้องชัดแจ้งถึงความใหม่
-ฎ.872/2538 เรื่องใบม่านเหล็กบังประตูเหล็กยึด โจทก์ระบุในข้อถือสิทธิทำนองว่า ลักษณะการม้วนเป็นรูปก้นหอย ต่อมาจำเลยทำใบม่านเหล็กเหมือนของโจทก์ แต่ต่างตรงที่ของจำเลยม้วนเป็นรูปครึ่งวงกลม เห็นได้ว่า โจทก์เขียนข้อถือสิทธิไม่รัดกุม เพราะก้นหอยที่เป็นรูปวงรีก็มี วงกลมก็มี รวมทั้งครึ่งวงกลมก็มี 
-ฎ.5003/2563 ข้อถือสิทธิตามอนุสิทธิบัตรที่มิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522
3.5) รายการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

4. คำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ม.59
-ม.59 "การขอรับสิทธิบัตร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
  คำขอรับสิทธิบัตรให้มีรายการดังต่อไปนี้
  (1) ภาพแสดงแบบผลิตภัณฑ์
  (2) ข้อความระบุผลิตภัณฑ์ที่จะใช้กับแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตร
  (3) ข้อถือสิทธิโดยชัดแจ้ง
  (4) รายการอื่นตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง"

5. สิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตร
5.1) สิทธิตามม.36 แยกเป็น 2 ประเภทของการประดิษฐ์
  --สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ product patent ม.36 วรรคหนึ่ง (1)
  --สิทธิบัตรกรรมวิธี process patent ม.36 วรรคหนึ่ง (2)
-สิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ม.63
-ฎ.3523/2537 สิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ได้รับความคุ้มครองมากกว่าสิทธิบัตรกรรมวิธี เนื่องจากผลิตภัณฑ์หนึ่งอาจได้มาโดยมีกรรมวิธีหลายอย่าง , สิทธิบัตรที่โจทก์ร่วมได้รับเป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ลูกตะกร้อพลาสติก ไม่ใช่การประดิษฐ์ที่ได้มาซึ่งกรรมวิธีใหม่ารวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ผลิตรายใดจะเป็นการละเมิดสิทธิบัตรของโจทก์ร่วมหรือไม่ จะต้องพิจารณาที่ผลิตภัณฑ์เป็นหลัก มิใช่พิจารณาที่กรรมวิธีการผลิต ดังนั้น ไม่ว่าผู้ผลิตรายใดซึ่งผลิตตะกร้อพลาสติกจะพัฒนาวิธีการสานตะกร้อพลาสติกให้ดีกว่าหรือต่างไปจากวิธีการสานของโจทก์ร่วมเพียงใดก็ตาม หากลูกตะกร้อพลาสติกที่ผลิตออกมามีรูปทรงรูปร่างลักษณะเหมือนกับของโจทก์ร่วมแล้ว ถือว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตโดยละเมิดข้อถือสิทธิตามสิทธิบัตรของโจทก์ร่วม
-ฎ.2079-2084/2553 โจทก์ทั้งสองเป็นผู้ทรงอนุสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ชื่อว่า "กรรมวิธีทำน้ำมันพืชเหลือใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล" ระบุข้อถือสิทธิว่า กรรมวิธีเตรียมส่วนผสมที่ใช้ได้อย่างน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ประกอบการทำให้ส่วนผสมต่อไปนี้ผสมเข้าด้วยกัน โดยการใช้เครื่องสูบผสมเวียนน้ำมันพืชที่เหลือใช้ ผ่านการทำให้สะอาด น้ำมันดีเซล และน้ำมันละหุ่ง ในอัตราส่วน 10:10:1 โดยปริมาตรตามลำดับ ก่อนปรับความหนืดเป็น 6-8 เซนติสโตกส์ด้วยน้ำมันดีเซล ดังนั้น โจทก์ทั้งสองจึงไม่ได้มีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล แต่โจทก์ทั้งสองเพียงมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการใช้กรรมวิธีตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าว ผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์โดยใช้กรรมวิธีตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองตามม.36(2) ประกอบม.65 ทศ บุคคลอื่นย่อมมีสิทธิที่จะผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์โดยใช้กรรมวิธีอื่น ๆ นอกจากกรรมวิธีตามอนุสิทธิบัตรดังกล่าวได้
-การผลิตตามข้อถือสิทธิ ไม่จำเป็นต้องตรงกันทุกลักษณะ ถ้ามีคุณสมบัติเหมือนกัน ประโยชน์เหมือนกัน ทำให้เกิดผลอย่างเดียวกัน ถือว่าเข้าข่ายละเมิด
5.2) สิทธิตามม.37 มีสิทธิใช้คำว่า "สิทธิบัตรไทย" หรืออักษร "สบท" หรือักษรต่างประเทศที่มีความหมายเดียวกัน ซึ่งการใช้คำหรืออักษรนั้นต้องระบุหมายเลขสิทธิบัตรไว้ด้วย
5.3) สิทธิตามม.38 
-อนุญาตให้บุคคลใดใช้สิทธิตามสิทธิบัตรของตนตามม.36
-โอนสิทธิบัตรให้แก่บุคคลอื่น

6. ข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ม.36 วรรคสอง (1)-(7)
-ม.36 วรรคสอง (7) เคยออกข้อสอบเนติ

7. การเพิกถอนสิทธิบัตร
-เนื่องจากความไม่ีสมบูรณ์ของสิทธิบัตร ม.54 , 64 
-กฎหมายกำหนดให้ผู้มีส่วนได้เสีย หรือพนักงานอัยการฟ้องศาลขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีการออกสิทธิบัตรโดยไม่ถูกต้องได้

***จบการบรรยาย***

ความคิดเห็น

10 บทความยอดนิยมประจำสัปดาห์

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (55 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ชุดที่ 1)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

แนวข้อสอบ พนักงานราชการ (ข้อ 1 - 10)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (30 ข้อ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (20 ข้อ)

แนวข้อสอบ ระเบียบฯ การลาของข้าราชการ (ชุดที่ 2)

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 (ฉบับเตรียมสอบ)

แนวข้อสอบ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 (ชุดที่ 1)