สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 5)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ครั้งที่ 5)
อาจารย์ตุล เมฆยงค์
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568
**********
1. วันนี้เป็นการบรรยายกฎหมายเครื่องหมายการค้าครั้งสุดท้าย นักศึกษาต้องทำความเข้าใจ กฎหมายเครื่องหมายการค้าคุ้มครองอะไร คุ้มครองสิทธิ สิทธิเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดโดยการจดทะเบียนกับไม่จดทะเบียน แต่ระดับของสิทธิแตกต่างกัน เครื่องหมายการค้าใดจดทะเบียนได้ ภายใต้เงื่อนไขใด
2. สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
-เป็นการจดทะเบียนในประเทศไทย ถ้าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ต่างประเทศ ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย แม้จะมีสินค้าขายในประเทศไทย ก็ไม่ได้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในประเทศไทย
2.1) มีสิทธิแต่ผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนนั้นสำหรับสินค้าที่จดทะเบียนไว้ ม.44 หากมีสินค้าเพิ่มขึ้นหรือขยายแบรนด์ แต่สินค้าใหม่ไม่ได้จดทะเบียน ก็ไม่อยู่ในฐานะเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
-สิทธิแต่ผู้เดียวนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะตัวเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันถึงขนาดที่เมื่อนำไปใช้แล้วอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเข้าของหรือแหล่างกำเนิดของสินค้าด้วย
2.2) สิทธิในการคัดค้านการขอจดทะเบียนตามม.35 , สิทธิร้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนตามม.61 , และสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนตามม.67 (ม.67 เคยมีการเสนอออกข้อสอบเนติ แต่ไม่ได้รับเลือก)
3. ข้อยกเว้นสิทธิแต่ผู้เดียวของเจ้าของเครื่องหมายการค้า
3.1) กรณีเป็นเครื่องหมายการค้าซึ่งต่างเจ้าของต่างได้ใช้มาแล้วด้วยกันโดยสุจริต หรือมีพฤติการณ์พิเศษ ม.27
-ฎ.4052/2555 การใช้เครื่องหมายการค้าอันจะถือว่าต่างเจ้าของต่างได้ใช้มาแล้วโดยสุจริต ที่จะถือว่าเป็นเหตุให้ควรรับจดทะเบียนได้ตามนัยม.27 ต้องเป็นการใช้เครื่องหมายการค้าโดยสุจริต โดยมีการขายหรือโฆษณาสินค้าภายในดินแดนประเทศไทย ตามหลักการที่กฎหมายย่อมใช้บังคับเฉพาะในเขตดินแดนแห่งรัฐที่ออกกฎหมายเท่านั้น
3.2) กรณีเจ้าของเครื่องหมายการค้าทำสัญญาอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้าของตน ม.68
-ม.68 "เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วจะทำสัญญาอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้าของตน สำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ทั้งหมดหรือบางอย่างก็ได้
สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่ง ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน
การขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตดังกล่าวตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่คำขอจดทะเบียนนั้นอย่างน้อยต้องแสดงรายการดังต่อไปนี้
(1) เงื่อนไขหรือข้อกำหนดระหว่างเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น และผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาต ที่จะทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นสามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าของผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตได้อย่างแท้จริง
(2) สินค้าที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้านั้น"
สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าตามวรรคหนึ่ง ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน
การขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตดังกล่าวตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่คำขอจดทะเบียนนั้นอย่างน้อยต้องแสดงรายการดังต่อไปนี้
(1) เงื่อนไขหรือข้อกำหนดระหว่างเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น และผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาต ที่จะทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นสามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าของผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตได้อย่างแท้จริง
(2) สินค้าที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้านั้น"
3.3) บุคคลอื่นมีสิทธิในการใช้โดยสุจริตซึ่งชื่อตัว ชื่อสกุล หรือชื่อสำนักงานการค้าของตนหรือของเจ้าของเดิมของกิจการของตน ม.47
3.4) บุคคลบุคคลมีสิทธิในการใช้คำบรรยายโดยสุจริตลักษณะหรือคุณสมบัติแห่งสินค้าของตน
4. เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน
-เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้มาโดยการใช้ ยังไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย
-ผู้ที่จดทะเบียนสำหรับสินค้าใดก็เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเฉพาะสินค้านั้น สำหรับสินค้าอื่นก็ถือเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จดทะเบียน
5. สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่จดทะเบียน
-ม.46 "บุคคลใดจะฟ้องคดี เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าว ไม่ได้
บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน ในอันที่จะฟ้องคดีบุคคลอื่นซึ่งเอาสินค้าของตนไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น"
บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน ในอันที่จะฟ้องคดีบุคคลอื่นซึ่งเอาสินค้าของตนไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น"
-ข้อสอบเนติ/ผู้ช่วยฯ ถ้าออกสอบเรื่องการละเมิดเครื่องหมายการค้าฯ ก็จะออกม.46
-นำป.พ.พ.ม.420 , 421 มาใช้ประกอบกับบทบัญญัติที่รับรองสิทธิของเจ้าของสิทธิในเครื่องหมายการค้า
-การลวงขาย (passing off) โดยหลักเป็นเรื่องการละเมิดอย่างหนึ่ง ที่โดยหลักไม่ได้เกี่ยวกับสิทธิในเครื่องหมายการค้าโดยตรง แต่การลวงขายที่มีพฤติการณ์ที่ใช้เครื่องหมายการค้าคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่มีการใช้แล้ว ไม่ว่าจะจดทะเบียนแล้วหรือไม่จดทะเบียนก็ตาม จึงเป็นกรณีตามม.46 วรรคสอง
-ในการฟ้องคดีต่อผู้ละเมิดสิทธิด้วยการลวงขาย มีสิทธิฟ้องเพื่อห้ามผู้กระทำละเมิดกระทำการลวงขายต่อไป และยังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ด้วย แต่จะห้ามถึงขนาดห้ามใช้เครื่องหมายการค้านั้นทุกกรณีไม่ได้ (ผู้อื่นถ้าใช้อย่างไม่ลวงขายย่อมใช้ได้ เพราะเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จดทะเบียนไม่มีสิทธิแต่ผู้เดียว)
-การฟ้องต้องบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำการลวงขายอย่างไร อันจะถือเป็นการละเมิดสิ?ธิโดยการลวงขาย มิฉะนั้น จะไม่มีประเด็นให้ศาลพิจารณาพิพากษาในเรื่องการลวงขาย
5.1) มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าเพื่อแสดงความเกี่ยวพันระหว่างสินค้ากับเจ้าของเครื่องหมายการค้า แต่ไม่มีสิทธิใช้แต่ผู้เดียว
5.2) สิทธิคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าม.35 , สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าม.67
ไม่มีสิทธิห้ามผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกัน เว้นแต่กรณีลวงขาย
6. การระงับไปซึ่งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (exhaustio of ip rights)
-เมื่อเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาได้จำหน่ายหรือยินยอมให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือสำเนางานหรือสินค้าซึ่งอยู่ภายใต้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาย่อมระงับลงในประการที่เจ้าของสิทธิไม่อาจหวงห้ามการจำหน่ายจ่ายโอนตัวผลิตภัณฑ์หรือสำเนางานหรือสินค้าภายใต้ทรัพย์สินทางปัญญานั้นอีกต่อไปไม่ได้
-ฎ.2817/2543 เมื่อผู้ผลิตสินค้าที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า ได้จำหน่ายสินค้าของตนในครั้งแรก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้านั้นจากราคาสินค้าที่จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าซึ่งประกอบการค้าปกตินำสินค้านั้นออกจำหน่ายอีกต่อไป โจทก์ที่ 1 ผู้ผลิตสินค้าปัตตะเลี่ยน ไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้จำเลยนำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงที่จำเลยซื้อจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ที่ 1 ในประเทศสิงคโปร์มาจำหน่ายในประเทศไทยได้ โจทก์ที่ 2 เป็นผู้นำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าคำว่า "WAHL" ของโจทก์ที่ 1 จากประเทศสหรัฐอเมริกามาจำหน่ายในประเทศไทย โจทก์ที่ 1 ไม่ได้ตั้งให้โจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์ที่ 1 ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว โจทก์ที่ 2 จึงเป็นเพียงผู้นำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจากโจทก์ที่ 1 มาจำหน่ายในประเทศไทยผู้หนึ่งเท่านั้น การที่จำเลยนำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าคำว่า "WAHL" เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 2 ตามป.พ.พ. ม.421
7. การเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหายการค้า 4 กรณี
7.1) เพิกถอนโดยผลของกฎหมาย
-เจ้าของเครื่องหมายการค้าต้องยื่นคำขอต่อการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและชำระค่าธรรมเนียมภายใน 3 เดือน ก่อนสิ้นอายุ ตามม.54 วรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ดำเนินการภายในกำหนดดังกล่าว ยังสามารถดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียน แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกร้อยละ 20 ตามม.54 วรรคสอง
-ม.54 เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้ยื่นคำขอต่ออายุและชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุ ภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียน (10 ปี นับแต่วันยื่นคำขอจดทะเบียน ม.53 , 42) ให้ถือว่าเครื่องหมายการค้านั้นได้ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนแล้ว ม.56 , 54 วรรคสอง
7.2) เพิกถอนโดยคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า
7.3) เพิกถอนโดยคำสั่งของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
7.4) เพิกถอนโดยคำพิพากษาของศาล
-ม.66 "ผู้มีส่วนได้เสียหรือนายทะเบียนอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดได้ หากแสดงได้ว่าในขณะที่ร้องขอนั้นเครื่องหมายการค้านั้นได้กลายเป็นสิ่งที่ใช้กันสามัญในการค้าขายสำหรับสินค้าบางอย่างหรือบางจำพวก จนกระทั่งในวงการค้าหรือในสายตาของสาธารณชน เครื่องหมายการค้านั้นได้สูญเสียความหมายของการเป็นเครื่องหมายการค้าไปแล้ว"
-กรณีที่ได้ความว่าขณะร้องขอ เครื่องหมายการค้านั้นได้กลายเป็นสิ่งที่ใช้กันสามัญในการค้าขายสำหรับสินค้าบางอย่างหรือบางจำพวก จนกระทั่งในวงการค้าหรือในสายตาของสาธารณชน เครื่องหมายการค้านั้นได้สูญเสียความหมายของการเป็นเครื่องหมายการค้าไปแล้ว ม.66 เช่น Hula Hoop , Aspirin , Dry Ice
-ผู้มีสิทธิร้องขอ คือ ผู้มีส่วนได้เสียหรือนายทะเบียน
-ม.67 "ภายในห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดตามมาตรา 40 ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ หากแสดงได้ว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าผู้ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
ถ้าผู้ร้องแสดงได้แต่เพียงว่า ตนมีสิทธิดีกว่าเฉพาะสินค้าบางอย่างในจำพวกของสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ให้ศาลมีคำสั่งจำกัดสิทธิแห่งการจดทะเบียนให้อยู่เฉพาะสินค้าที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงว่าตนมีสิทธิดีกว่า"
ถ้าผู้ร้องแสดงได้แต่เพียงว่า ตนมีสิทธิดีกว่าเฉพาะสินค้าบางอย่างในจำพวกของสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ให้ศาลมีคำสั่งจำกัดสิทธิแห่งการจดทะเบียนให้อยู่เฉพาะสินค้าที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงว่าตนมีสิทธิดีกว่า"
-ม.67 มีคดีเยอะ
-ผู้มีสิทธิขอต่อศาล คือ ผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่าผู้ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้
-เหตุที่ขอเพิกถอน คือ ผู้ร้องมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่าผู้ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้ (ปกติผู้ที่ใช้มาก่อนถือว่ามีสิทธิดีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาถึงความสุจริตด้วย , อาจเป็นกรณีตามม.27 ก็ได้)
-ต้องฟ้องต่อศาลภายใน 5 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งรับจดทะเบียนตามม.40 เป็นเรื่องระยะเวลา ไม่ใช่อายุความ
8. สรุปสิ่งที่นักศึกษาต้องรู้***
-ม.6 เงื่อนไขการจดทะเบียน ม.6(1)+7 , ม.6(2)+8 , ม.6(3)+13
-ม.27 จดทะเบียน
-ม.44 สิทธิแต่ผู้เดียว (กรณีมีการจดทะเบียน)
-ม.46 สิทธิ (กรณีไม่มีการจดทะเบียน) และดูว่าลวงขายหรือไม่
-ม.61 , 63 (ยังไม่เคยออกข้อสอบเนติ) , 67
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น