สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 5)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 5)
อาจารย์ประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568
**********
1. ปกติแล้ว ตั๋วเงินเป็นตราสารเปลี่ยนมือ สามารถโอนต่อ ๆ กันไปได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของตั๋วเงินนั้น ถ้าเป็นตั๋วชนิดผู้ถือ วิธีการโอนเป็นไปตามม.918 โอนให้กันด้วยการส่งมอบ , ถ้าเป็นตั๋วชนิดระบุชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับเงิน วิธีการโอนเป็นไปตามม.917 สลักหลังและส่งมอบ ซึ่งอาจจะเป็นการสลักหลังเฉพาะหรือสลักหลังลอยก็ได้ตามม.919
2. แต่ตั๋วเงินอาจไม่สามารถโอนต่อไปด้วยหลักหลังและส่งมอบได้ เป็นไปตามม.917 วรรคสอง ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญอีกหัวข้อหนึ่ง ตั๋วเงินซึ่งเปลี่ยนมือไม่ได้ (***ปีที่แล้ว 1/77 มีการเสนอข้อสอบตามม.917 แต่กรรมการเลือกข้อสอบประกันภัย)
-ม.917 วรรคสอง นำไปใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็คด้วย
-ตั๋วชนิดผู้ถือ จะมีคำสั่งห้ามเปลี่ยนมือไม่ได้ ไม่มี เพราะขัดกับสภาพของตั๋วชนิดผู้ถือซึ่งโอนด้วยการส่งมอบเท่านั้น , ม.917 ใช้กับตั๋วชนิดระบุชื่อผู้รับเงิน ซึ่งกฎหมายให้อำนาจผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋ว สามารถเขียนข้อความว่า "เปลี่ยนมือไม่ได้" จึงมีผลให้ตั๋วเงินนั้นไม่สามารถโอนด้วยการสลักหลังและส่งมอบอีกต่อไป ผู้ทรงจึงมีได้คนเดียว ก็คือผู้ที่มีชื่อรับเงินตามตั๋วเงินเท่านั้น
-ม.917 วรรคสอง "เมื่อผู้สั่งจ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งตั๋วแลกเงินว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” ดังนี้ก็ดี หรือเขียนคำอื่นอันได้ความเป็นทำนองเช่นเดียวกันนั้นก็ดี ท่านว่าตั๋วเงินนั้นย่อมจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ"
-เฉพาะผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋วเงินเท่านั้น ที่สามารถเขียน "เปลี่ยนมือไม่ได้" (ผู้ให้กำเนิดตั๋วเงินเท่านั้นที่สามารถกำหนดสภาพของตั๋วเงิน)
-เขียนคำว่า "เปลี่ยนมือไม่ได้" หรือทำนองเดียวกับคำว่าเปลี่ยนมือไม่ได้ เช่น ห้ามเปลี่ยนมือ , ห้ามสลักหลังโอนต่อ , เฉพาะบัญชีผู้รับเงินเท่านั้น
-ฎ.4975/2533 และออกข้อสอบเนติ เขียนข้อความว่า "เฉพาะ" จึงมีปัญหาว่าเช็คนี้เปลี่ยนมือได้ไหม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่า "เฉพาะ" ยังถือไม่ได้ว่าเป็นถ้อยคำทำนองเดียวกับคำว่าเปลี่ยนมือไม่ได้ (ดังนั้นคำว่าเฉพาะจึงไม่มีผล)
-ในเช็คมักเขียนว่า “A/C. Payee Only” หมายถึงเฉพาะบัญชีผู้รับเงินเท่านั้น จึงสลักหลังและส่งมอบต่อไปไม่ได้แล้ว
-ต้องเขียนลงด้านหน้า , ถ้าเขียนด้านหลังไม่เป็นผลตามม.899
*กิจการในเรื่องตั๋วเงิน ต้องจำให้ดี บางเรื่องให้ทำลงด้านหน้าตั๋ว บางเรื่องให้ทำด้านหลัง บางเรื่องจะทำด้านหน้าหรือด้านหลังก็ได้
3. ม.917 วรรคสอง คำว่า "ท่านว่าตั๋วเงินนั้นย่อมจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ" หมายถึง จะโอนอย่างตั๋วเงินด้วยสลักหลังและส่งมอบไม่ได้ หากฝ่าฝืนม.917 วรรคสอง ผู้รับสลักหลังก็ไม่ใช่ผู้ทรง แต่สามารถโอนได้อย่างการโอนสามัญ คือ การโอนสิทธิเรียกร้องตามม.306 เจ้าหนี้สามารถโอนสิทธิเรียกร้องให้ผู้อื่นได้ ผู้รับโอนก็เข้ามาเป็นเจ้าหนี้คนใหม่ ลูกหนี้มีหน้าที่ชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้คนใหม่
"มาตรา 306 การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่ง การโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือถ้าลูกหนี้ทำให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่นเสียแต่ก่อนได้รับบอกกล่าว หรือก่อนได้ตกลงให้โอนไซร้ ลูกหนี้นั้นก็เป็นอันหลุดพ้นจากหนี้"
-หากผู้สั่งจ่ายเขียน "เปลี่ยนมือไม่ได้" การจะโอนตั๋ว ต้องทำตามม.306 คือ ผู้มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามตั๋วเงินทำหนังสือโอนให้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องตามตั๋วเงิน และทำเป็นหนังสือบอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้แห่งตั๋วเงิน หรือลูกหนี้ได้ยินยอมเป็นหนังสือด้วยแล้ว
-ฎ.3292/2536 นายหนึ่งออกตั๋วสัญญาใช้เงินและเขียนเปลี่ยนมือไม่ได้ ให้แก่นายสอง นายสองเป็นผู้ทรงโดยฐานเป็นผู้รับเงิน โดยมีนายเอเป็นผู้รับอาวัล นายสองโอนตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้ให้นายสาม โดยมีหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างนายสองกับนายสาม และนายหนึ่งซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ทำหนังสือให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องตามตั๋วฉบับนี้ การโอนตั๋วจึงสมบูรณ์ตามม.306 , 917 วรรคสอง ประกอบม.985 วรรคหนึ่ง นายสามจึงเป็นผู้รับโอนโดยชอบด้วยกฎหมาย (นายสามสามารถฟ้องนายหนึ่ง,นายเอได้)
4. ถ้าเป็นบุคคลอื่นเขียนห้ามเปลี่ยนมือ มี 2 กรณี ผู้สลักหลังตามม.923 หรือผู้ทรงเช็คขีดคร่อมตามม.995(3) เป็นผู้เขียนว่าห้ามเปลี่ยนมือ ผลคือตั๋วเงินนั้นสามารถโอนต่อไปได้เหมือนเช่นปกติ ไม่มีผลเป็นการห้ามโอน
4.1) ม.923 "ผู้สลักหลังคนใดระบุข้อความห้ามสลักหลังสืบไปลงไว้แล้ว ผู้สลักหลังคนนั้นย่อมไม่ต้องรับผิดต่อบุคคลอันเขาสลักหลังตั๋วแลกเงินนั้นให้ไปในภายหลัง"
-เช่น ก. มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามเช็ค สลักหลังส่งมอบเช็คให้ ข. โดย ก. เขียนข้อความ "ห้ามสลักหลัง" เช่นนี้ ข. จะสลักหลังส่งมอบเช็คต่อไปได้ไหม? ข. สามารถสลักหลังส่งมอบเช็คต่อไปได้ แต่มีผลคือ หากไม่มีการใช้เงินตามตั๋ว ก. จะรับผิดให้แก่ ข. ผู้รับสลักหลังคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนที่รับโอนตั๋วต่อไปอีก ก. ไม่ต้องรับผิด (เป็นการเขียนข้อความที่กฎหมายอนุญาต มีผลใช้บังคับได้)
4.2) ม.995(3) "เช็คขีดคร่อมทั่วไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะก็ดี ผู้ทรงจะเติมคำลงว่า "ห้ามเปลี่ยนมือ" ก็ได้" และมีผลตามม.999 "บุคคลใดได้เช็คขีดคร่อมของเขามาซึ่งมีคำว่า "ห้ามเปลี่ยนมือ" ท่านว่าบุคคลนั้นไม่มีสิทธิในเช็คนั้นยิ่งไปกว่า และไม่สามารถให้สิทธิในเช็คนั้นต่อไปได้ดีกว่าสิทธิของบุคคลอันตนได้เช็คของเขามา"
-เช่น ก. เป็นผู้ทรงเช็คขีดคร่อม ก. กลัวเช็คหาย จึงเขียนข้อความว่าห้ามเปลี่ยนมือ ข. ขู่ให้ ก. สลักหลังโอนเช็คให้ ก. กลัวจึงสลักหลังโอนเช็คให้ ข. ต่อมา ข. สลักหลังโอนเช็คให้ ค. เมื่อ ข. เป็นผู้ไม่มีสิทธิในเช็ค ผลตามกฎหมายคือ ค. ก็ไม่มีสิทธิในเช็คไปด้วย
5. ม.917 วรรคสาม "อนึ่ง ตั๋วเงินจะสลักหลังให้แก่ผู้จ่ายก็ได้ ไม่ว่าผู้จ่ายจะได้รับรองตั๋วนั้นหรือไม่ หรือจะสลักหลังให้แก่ผู้สั่งจ่าย หรือให้แก่คู่สัญญาฝ่ายอื่นใดแห่งตั๋วเงินนั้นก็ได้ ส่วนบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ก็ย่อมจะสลักหลังตั๋วเงินนั้นต่อไปอีกได้"
-การโอนตั๋วเงินชนิดระบุชื่อผู้รับเงิน ไม่จำเป็นต้องโอนให้แก่บุคคลภายนอก ผู้รับสลักหลังตั๋วเงินอาจมีฐานะเป็นคู่สัญญาในตั๋วเงินนั้นอยู่แล้วก็ได้ เป็นผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงิน เป็นผู้รับรองตั๋วแลกเงิน เป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินก็สามารถอยู่ในฐานะผู้รับสลักหลังอีกฐานะหนึ่งได้
-ก. ออกตั๋วแลกเงิน สั่ง ข. จ่ายเงินแก่ ค. ต่อมา ค. สลักหลังโอนตั๋วเงินให้ ง. ดังนี้ ง. อาจสลักหลังตั๋วเงินให้ ก. หรือ ข. ก็ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่า ข. ได้ทำการรับรองตั๋วแลกเงินแล้วหรือไม่
-กรณีมีการสลักหลังกลับมายังผู้สั่งจ่าย (เดิมผู้สั่งจ่ายเป็นลูกหนี้ในตั๋วเงิน แต่ตอนนี้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ตั๋วเงิน โดยหลักเมื่อเป็นบุคคลเดียวกัน หนี้เกลื่อนกลืนกัน หนี้ระงับ) ม.917 วรรคสาม เป็นข้อยกเว้น ไม่ทำให้หนี้ระงับ
"ม.353 ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้รายใดตกอยู่แก่บุคคลคนเดียวกัน ท่านว่าหนี้รายนั้นเป็นอันระงับสิ้นไป เว้นแต่เมื่อหนี้นั้นตกไปอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามความในมาตรา 917 วรรคสาม"6. ทบทวนเรื่องที่อาจสับสน ซึ่งอาจารย์เคยอธิบายแล้ว
6.1) กรณีเช็คชนิดผู้ถือ ในแบบพิมพ์เช็คหลังคำว่าจ่าย จะเป็นจุดไข่ปลา ปิดท้ายด้วยคำว่าหรือผู้ถือ "จ่าย................. หรือผู้ถือ"
-ถ้าหลังคำว่าจ่าย มีคำว่า สด ก็คือจ่ายเงินสด ("จ่าย สด หรือผู้ถือ") หรือไม่มีข้อความอะไรเลย มีเพียงข้อความตามแบบพิมพ์ว่าหรือผู้ถือ ("จ่าย....หรือผู้ถือ") จึงเป็นเช็คชนิดผู้ถือ
6.2) กรณีเช็คที่ระบุชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับเงิน เช่น จ่ายนายสมชาย แต่ไม่ได้ขีดข้อความตามแบบพิมพ์หรือผู้ถือออก ("จ่ายนายสมชาย หรือผู้ถือ") ศาลฎีกาวางบรรทัดฐานไว้ แสดงว่าผู้สั่งจ่ายเช็คมิได้ประสงค์จะให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คเฉพาะผู้มีชื่อเป็นผู้รับเงินเท่านั้น แต่หากให้ใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย จึงเป็นเช็คชนิดผู้ถือ ***แต่ถ้าด้านหน้าเช็คมีข้อความว่า "เปลี่ยนมือไม่ได้" ตามม.917 วรรคสอง เช็คฉบับนี้จะกลายเป็นเช็คระบุชื่อที่ห้ามเปลี่ยนมือทันที จะถือข้อความอันนี้เป็นใหญ่กว่า
-ฎ.2055/2536 จำเลยที่ 1 สั่งธนาคารจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 2 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ ("จ่ายจำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ") โดยขีดคร่อมและมีข้อความว่า “A/C. Payee Only” ซึ่งแปลว่าเฉพาะบัญชีผู้รับเงินเท่านั้น จึงได้ความเป็นทำนองเดียวกับคำว่าเปลี่ยนมือไม่ได้ที่ด้านหน้าเช็ค จำเลยที่ 2 จะโอนสลักหลังและส่งมอบเช็คให้แก่โจทก์ในฐานะผู้รับเงิน หรือจะโอนส่งมอบให้แก่โจทก์ในฐานะผู้ถือ หาได้ไม่ (เข้าม.917 วรรคสอง เปลี่ยนมือไม่ได้) ผู้ทรงเช็คฉบับนี้มีคนเดียวคือจำเลยที่ 2 และเมื่อเป็นเช็คขีดคร่อม จำเลยที่ 2 จะต้องนำเช็คเข้าบัญชีของตน หากจำเลยที่ 2 จะโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ ก็ทำได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตามม.917 วรรคสอง , 989 , 306 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยที่ 2 โอนเช็คพิพาทให้โจทก์ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบ การโอนจึงไม่สมบูรณ์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย
7. ต่อไปเป็นหัวข้อที่สำคัญเช่นกัน และยังไม่เคยถามเลย ซึ่งเคยพูดไปบ้างแล้ว ม.899 "ข้อความอันใดซึ่งมิได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะนี้ ถ้าเขียนลงในตั๋วเงิน ท่านว่าข้อความอันนั้นหาเป็นผลอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ตั๋วเงินนั้นไม่" การเขียนข้อความอะไรลงไปในตั๋วเงิน มีกฎหมายตั๋วเงินมาตราใดอนุญาตให้เขียนได้ไหม ถ้าอนุญาต ก็มีผลตามกฎหมาย ถ้าไม่ได้อนุญาตให้เขียน ข้อความที่เขียนก็ไม่มีผล
-ม.911 "ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณีเช่นนั้น ถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน" มาตรานี้นำไปใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงิน (แต่ไม่นำไปใช้กับเช็ค ดังนั้น ในเช็คจะไม่เห็นข้อความเกี่ยวกับดอกเบี้ย)
-ก. ออกตั๋วแลกเงิน สั่ง ข. จ่ายเงิน 1 ล้านให้แก่ ค. ในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 สามารถเขียนได้ว่า พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี หรือ ก. ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน สัญญาจะใช้เงิน 1 ล้านแก่ ข. พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี วันถึงกำหนดใช้เงิน 15 ธันวาคม 2568 เมื่อตั๋วถึงกำหนด ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินหรือผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ต้องใช้เงินตามตั๋ว ต้นเงิน 1 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ออกตั๋วแลกเงินหรือวันที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น