สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 12)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 12)
อาจารย์ประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568
**********
1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ ที่กฎหมายยกตัวอย่างไว้ จะอยู่ในม.1007 วรรคสาม นอกจากนี้มีคำพิพากษาในเรื่องการแก้ไขชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงิน ถือเป็นข้อสำคัญเช่นกัน
2. ม.1007 วรรคหนึ่ง "มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ ท่านว่าตั๋วเงินนั้นก็เป็นอันเสีย" ตีความกลับกัน ถ้าลูกหนี้ในตั๋วเงินทุกคนยินยอมให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อสำคัญในตั๋วเงิน ตั๋วเงินนั้นก็ไม่เสีย (ตั๋วเงินเป็นเรื่องทางแพ่ง ลูกหนี้ทุกคนยินยอมให้แก้ไข ก็สมัครใจผูกพันตามที่แก้ไข ตั๋วเงินก็ไม่เสีย)
-ถ้าลูกหนี้แห่งตั๋วเงินบางคนไม่ได้ยินยอมให้แก้ไข ตั๋วเงินนั้นก็เสีย โดยเสียสำหรับคู่สัญญาซึ่งไม่ได้ตกลงยินยอมด้วยคนนั้นเท่านั้น แต่ตั๋วเงินนั้นยังคงใช้ได้กับลูกหนี้ที่ยินยอมให้แก้ไข รวมทั้งผู้สลักหลังภายหลังด้วยเพราะรู้ถึงข้อความขณะสลักหลังแล้ว ตามม.1007 วรรคหนึ่ง ตอนท้าย "เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง"
3. ผลของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ คือ ตั๋วเงินเสีย ตามม.1007 วรรคหนึ่ง แต่มีข้อยกเว้นตามม.1007 วรรคสอง หากตั๋วเงินมีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ทรงจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่ามิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความเดิมแห่งตั๋วนั้นก็ได้
-ถ้าข้อสอบ ให้ข้อเท็จจริงว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเห็นประจักษ์ หลักกฎหมายก็จบที่ม.1007 วรรคหนึ่ง , แต่ถ้าให้ข้อเท็จจริงว่าไม่ประจักษ์ ก็ต้องตอบตามม.1007 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง คู่กัน
4. ตัวอย่าง (การแก้ไขจำนวนเงิน)*** ก. ออกเช็ค 5,000 บาท ระบุชื่อ ข. เป็นผู้รับเงิน ข.ได้แก้ไขจำนวนเงินในเช็คเป็น 15,000 บาท ได้อย่างแนบเนียม มองด้วยตาเปล่าไม่รู้ว่ามีการแก้ไข และสลักหลังโอนเช็คให้ ค. ต่อมา ค. สลักหลังโอนเช็คให้ ง. ปรากฏว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็ค เช่นนี้ ง. จะฟ้อง ก.ผู้สั่งจ่าย ข.ผู้ทำการแก้ไข ค.ผู้สลักหลังภายหลังการแก้ไข ได้หรือไม่
*ถ้าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ประจักษ์ จะใช้หลักกฎหมายม.1007 ทั้งวรรคหนึ่ง และวรรคสอง
-ข.ผู้ทำการแก้ไข และ ค.ผู้สลักหลังในภายหลังการแก้ไข ต้องรับผิดม.1007 วรรคหนึ่ง
-ก.ผู้สั่งจ่าย เมื่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ประจักษ์ แม้ ก. ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ง. ผู้ทรงจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้ เสมือนดังว่ามิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลย และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความเดิมแห่งตั๋วนั้นก็ได้ ตามม.1007 วรรคสอง ง.จึงต้องรับผิด 5,000 บาท (แต่ถ้าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเห็นประจักษ์ ก.ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิดเลย เพราะเช็คเสียตามม.1007 วรรคหนึ่ง)
5. ตัวอย่าง (การแก้ไขวันที่) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ประจักษ์ ผู้ทรงฟ้องผู้สั่งจ่ายซึ่งไม่รู้เห็นยินยอมในการแก้ไขวันที่ออกเช็คได้ เสมือนดังว่าไม่มีการแก้ไขเลย และจะฟ้องได้ตามเนื้อความเดิมแห่งเช็คตามม.1007 วรรคสอง อย่างไรก็ตาม เนื้อความเดิมแห่งเช็คเป็นวันที่ออกเช็คเดิมซึ่งขาดอายุความ ผู้ทรงก็ฟ้องผู้สั่งจ่ายไม่ได้ตามม.1002 "ในคดีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันที่ได้ลงในคำคัดค้านซึ่งได้ทำขึ้นภายในเวลาอันถูกต้องตามกำหนด หรือนับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนด ในกรณีที่มีข้อกำหนดไว้ว่า "ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน""
-ฎ.1077/2507 , 1316/2536
6. ตัวอย่าง (คำถามที่มีข้อเท็จจริงว่าธนาคารได้ใช้เงินตามเช็คซึ่งมีการแก้ไขไม่ประจักษ์) มีการแก้ไขจำนวนเงินจาก 5,000 บาท เป็น 15,000 บาท อย่างแนบเนียม การแก้ไขข้อความไม่ประจักษ์ ทำให้ธนาคารใช้เงิน 15,000 บาท เช่นนี้ธนาคารจะหักเงินในบัญชีผู้สั่งจ่าย 5,000 บาท หรือ 15,000 บาท
-เคยมีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อมีการแก้ไขไม่ประจักษ์ ผู้ทรงมีสิทธิบังคับได้ตามเนื้อความเดิม เพราะฉะนั้นธนาคารย่อมมีสิทธิบังคับได้ตามเนื้อความเดิมเช่นกัน มีสิทธิหักเงินในบัญชีผู้สั่งจ่ายได้ตามจำนวนเงินที่ผู้สั่งจ่ายได้สั่งจ่ายจริง (5,000 บาท) ส่วนเงินที่เหลืออีก 10,000 บาท ธนาคารมีสิทธิฟ้องจากผู้ทรงฐานลาภมิควรได้ (อาจารย์เห็นว่าเป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้จะพูดอีกครั้งเมื่อถึงม.1009)
7. การลงลายมือชื่อปลอมหรือลงโดยปราศจากอำนาจ (ปลอมลายมือชื่อ แต่ข้อความไม่ปลอม)
-ม.1008 "ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้ เมื่อใดลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอมก็ดี เป็นลายมือชื่อลงไว้โดยที่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของลายมือชื่อนั้นมิได้มอบอำนาจให้ลงก็ดี ท่านว่าลายมือชื่อปลอมหรือลงปราศจากอำนาจเช่นนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้เลย ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี ท่านว่าไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วงหรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม หรือข้อลงลายมือชื่อปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้"
7.1) ถ้ามีบทบัญญัติในกฎหมายตั๋วเงินเกี่ยวกับลายมือชื่อปลอมหรือลงลายมือชื่อโดยปราศจากอำนาจ บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ไม่เหมือนกับที่ม.1008 บัญญัติไว้ ก็ให้บังคับตามกฎหมายมาตรานั้น ๆ จะไม่ใช้ม.1008
7.2) ม.1008 บัญญัติผลของลายมือชื่อปลอมไว้ ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี ไม่อาจทำได้เป็นอันขาด
7.3) ถ้าอ่านม.1008 อาจเข้าใจว่าผู้ใช้เงินตามตั๋วเงินที่ลงลายมือชื่อปลอม จะอ้างว่าหลุดพ้น หรือจะบังคับหักเงินจากบัญชีผู้สั่งจ่าย ไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด ซึ่งอาจเข้าใจผิดต้องระวัง เนื่องจากผู้มีหน้าที่ใช้เงินตามตั๋วเงินแต่ละประเภท จะมีกฎหมายคุ้มครองไว้โดยเฉพาะ
-ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงิน , ผู้ออกตั๋วตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ม.949 ประกอบม.985
-ธนาคารตามเช็ค ม.1009
(ม.949 , ม.1009 เป็นข้อยกเว้นของม.1008)
7.4) ม.949 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 1009 บุคคลผู้ใช้เงินในเวลาถึงกำหนด ย่อมเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด เว้นแต่ตนจะได้ทำการฉ้อฉลหรือมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อนึ่ง บุคคลซึ่งกล่าวนี้จำต้องพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าได้มีการสลักหลังติดต่อกันเรียบร้อยไม่ขาดสาย แต่ไม่จำต้องพิสูจน์ลายมือชื่อของเหล่าผู้สลักหลัง (ใช้กับตั๋วสัญญาใช้เงินด้วย)
7.5) ม.1009 ถ้ามีผู้นำตั๋วเงินชนิดจะพึงใช้เงินตามเขาสั่งเมื่อทวงถามมาเบิกต่อธนาคารใด และธนาคารนั้นได้ใช้เงินให้ไปตามทางค้าปกติโดยสุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อไซร้ ท่านว่าธนาคารไม่มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่าการสลักหลังของผู้รับเงิน หรือการสลักหลังในภายหลังรายใด ๆ ได้ทำไปด้วยอาศัยรับมอบอำนาจแต่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของคำสลักหลังนั้น และถึงแม้ว่ารายการสลักหลังนั้นจะเป็นสลักหลังปลอมหรือปราศจากอำนาจก็ตาม ท่านให้ถือว่าธนาคารได้ใช้เงินไปถูกระเบียบ (ธนาคารมีตัวอย่างลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย ไม่มีลายมือชื่อผู้สลักหลัง กฎหมายจึงคุ้มครองม.1009 , แต่ถ้าเป็นการปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย ต้องปรับด้วยม.1008)
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น