สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 3)
สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิต 1/78 ภาคค่ำ
กฎหมายตัวแทน ประกันภัย ตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด (ครั้งที่ 3)
อาจารย์ประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568
**********
1. คราวที่แล้ว อาจารย์พูดเรื่อง บุคคลที่อยู่ในฐานะลูกหนี้ในตั๋วเงิน มีหลักง่าย ๆ คือผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงิน ซึ่งจะมีความรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงิน ส่วนจะรับผิดในฐานะใด ก็ดูว่าลงลายมือชื่อในฐานะใด ก็รับผิดในฐานะนั้น และจะรับผิดเพียงใด ก็รับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงิน เว้นแต่จะมีการเขียนข้อจำกัดความรับผิดไว้
-ม.900 วรรคสอง การลงลายมือชื่อในตั๋วเงิน ต้องลงลายมือชื่อที่แท้จริงเท่านั้น จะใช้หลักทั่วไปตาม ม.9 การลงลายมือชื่อโดยใช้แกงได ลายพิมพ์นิ้วมือฯ ไม่ได้ หากมีการใช้แกงไดฯ เท่ากับตั๋วเงินไม่มีการลงลายมือชื่อของบุคคลนั้น ๆ
2. ม.901 ตัวแทนลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินแทนตัวการ ถ้าไม่อยากรับผิดตามตั๋วเงิน ก็ต้องระบุให้ชัดเจน เช่น นาย ก. ลงลายมือชื่อในฐานะตัวแทน/กระทำการแทนนาย ข. คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตั๋วเงินก็ทราบว่าเป็นตัวแทน นาย ก. ก็จะไม่มีความรับผิดในเรื่องตั๋วเงิน
-ถ้าไม่ได้เขียนว่าทำการแทนคนอื่น ผู้ที่ลงลายมือชื่อย่อมรับผิดตามความในตั๋วเงินนั้น (กฎหมายปิดปากไม่ให้ยกข้อต่อสู้ว่าเป็นตัวแทนขึ้นปฏิเสธความรับผิด)
-ม.901 ไม่นำมาใช้กับเช็คที่ลงลายมือชื่อโดยผู้แทนนิติบุคคล (ปัจจุบันเช็คของนิติบุคคล ไม่ต้องเขียนว่าเป็นผู้แทนบริษัทและไม่ต้องประทับตราบริษัท)
3. ม.902 ความบกพร่องของบุคคลผู้ลงลายมือชื่อ
ตั๋วเงินลงลายมือชื่อของบุคคลหลายคน โดยบางคนไม่อาจเป็นคู่สัญญาแห่งตั๋วเงินได้เลย หรือเป็นคู่สัญญาได้แต่ไม่เต็มผล จึงเกิดปัญหาว่า ถ้าไม่มีการใช้เงิน จะมีผลถึงคนที่ลงลายมือชื่อคนอื่น ๆ ด้วยไหม หรือเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคลนั้น
*ในเรื่องตั๋วเงิน ให้จำหลักว่า ตัวใครตัวมัน นั่นคือ เจ้าของลายมือชื่อในตั๋วเงินคนใดที่มีความบกพร่องในเรื่องความสามารถในการเป็นคู่สัญญา ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลนั้นที่จะยกขึ้นต่อสู้ , ส่วนเจ้าของลายมือชื่อที่มีความสามารถสมบูรณ์ก็ต้องรับผิดตามตั๋วเงิน จะยกข้อต่อสู้ว่าผู้ลงลายมือชื่อบางคนมีความบกพร่องในเรื่องความสามารถในการเป็นคู่สัญญา ตนเองจึงไม่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินไม่ได้ ตามที่กฎหมายเขียนว่า "..ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงความรับผิดของบุคคลอื่น ๆ นอกนั้นซึ่งคงต้องรับผิดตามตั๋วเงิน" (ใครที่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินก็รับผิดไป ใครไม่ต้องรับผิดก็ไม่ต้องรับผิด)
-บุคคลที่ไม่อาจเป็นคู่สัญญาแห่งตั๋วเงินได้เลย เช่น บุคคลล้มละลายจะสั่งจ่ายตั๋วไม่ได้ , นิติบุคคลจดทะเบียนข้อบังคับไว้ไม่ให้ผู้แทนนิติบุคคลออก/สลักหลัง/รับรอง/รับอาวัลตั๋วเงิน
-บุคคลที่เป็นคู่สัญญาได้แต่ไม่เต็มผล เช่น ผู้เยาว์ ม.21
4. ม.900-902 ล้วนเป็นการลงลายมือชื่อที่แท้จริง
5. ม.903 ในการใช้เงินตามตั๋วเงิน มิให้ให้วันผ่อน
-บุคคลที่ใช้เงินตามตั๋วแลกเงิน คือ ผู้จ่ายหรือผู้รับรอง
-บุคคลที่ใช้เงินตามตั๋วสัญญาเงิน คือ ผู้ออกตั๋ว
-บุคคลที่ใช้เงินตามเช็ค คือ ธนาคาร
1) เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ไม่ให้ผัดผ่อนวันใช้เงินออกไปอีก เพราะบางกรณีมีผลเสมือนเจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ หรือหากมีการผัดผ่อนวันใช้เงินออกไปอีก จะมีผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นลูกหนี้ในตั๋วเงินทุกคน
2) ถ้ามีการผัดผ่อนวันใช้เงิน กฎหมายมีบทลงโทษเพียงกรณีเดียว คือ ม.948 ถ้าผู้ทรงตั๋วแลกเงินยอมผ่อนเวลาให้แก่ผู้จ่าย ผู้ทรงสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้เป็นคู่สัญญาคนก่อน ๆ ซึ่งไม่ได้ตกลงในการผ่อนเวลานั้น (ถ้าไม่เข้ากรณีตาม ม.948 ถึงแม้จะมีการผัดผ่อนวันใช้เงิน ก็ไม่มีผล ลูกหนี้ตามตั๋วเงินทุกคนยังมีความรับผิดตามตั๋วเงินเหมือนปกติทุกประการ)
-"คู่สัญญาคนก่อน ๆ" ม.906 รวมทั้งผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋วเงิน และผู้สลักหลังคนก่อน ๆ ด้วย
-คำถาม ก. ออกตั๋วแลกเงินสั่ง ข. จ่ายเงินแก่ ค. ค. สลักหลังโอนตั๋วแลกเงินให้ ง. เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนดใช้เงิน ง. ผู้ทรงไปตกลงกับ ข. ผู้จ่าย ยินยอมให้มีการผัดผ่อนกำหนดวันใช้เงินออกไปอีก 1 เดือน ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันที่ผัดผ่อน ง. เอาตั๋วแลกเงินไปยื่น ข. ให้ใช้เงิน ข. ไม่จ่าย ถามว่า ง. จะฟ้องบุคคลใดให้รับผิดตามตั๋วแลกเงินฉบับนี้
ตอบ
ฟ้อง ข. ผู้จ่าย ไม่ได้ เพราะผู้จ่ายไม่ได้ลงลายมือชื่อในตั๋วแลกเงิน
ฟ้อง ก. ผู้ออก และ ค. ผู้สลักหลัง ไม่ได้ เพราะ ก. และ ค. ไม่ได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลา ตาม ม.948
-ม.948 น่าจะมีฎีกาเดียว ฎ.921/2501
-ม.948 ไม่นำไปใช้กับเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็ค (ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน/เช็คผ่อนเวลาใช้เงิน ก็ไม่มีผลอะไร ลูกหนี้ทุกคนมีความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน/เช็คดังเช่นปกติ)
ฎ.422/2521 , 1595/2509 , 1034/2507
6. เจ้าหนี้ในตั๋วเงิน คือ ผู้ทรงเช็ค/ผู้ทรงตั๋วแลกเงิน/ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน
1) ม.904 ผู้ทรงคือบุคคลที่มีตั๋วเงินในครอบครอง โดยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ (มีเจตนายึดถือเพื่อตน) เมื่อถึงกำหนดใช้เงิน ผู้ทรงจะยื่นตั๋วให้ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินใช้เงิน , ผู้ทรงยื่นตั๋วให้ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินใช้เงิน , ผู้ทรงยื่นเช็คให้ธนาคารใช้เงินตามเช็ค
-ถ้าตั๋วเงินหายหรือถูกลัก ม.1010 , ม.1011 ผู้ทรงขอให้ผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋วให้ตั๋วเงินเป็นเนื้อความเดียวกันแก่ตนใหม่อีกฉบับหนึ่ง
2) การครอบครอง อาจครอบครองในฐานใดฐานหนึ่ง คือ
-ฐานเป็นผู้รับเงิน
-ฐานเป็นผู้รับสลักหลัง (ม.917 วรรคหนึ่ง + ม.919)
-ฐานเป็นผู้ถือในตั๋วเงินชนิดสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ (มีเฉพาะตั๋วแลกเงินและเช็คเท่านั้น ตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดผู้ถือไม่มี)
3) ผู้ถือ
*เช็คระบุชื่อผู้รับเงิน และไม่ได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก เป็นเช็คผู้ถือ ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นแนวไว้ว่า ผู้สั่งจ่ายเช็คมิได้เจตนาสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลที่ระบุชื่อไว้เท่านั้น หากแต่ให้ธนาคารใช้เงินแก่ผู้ถือด้วย และเมื่อเป็นเช็คผู้ถือ ก็จะมีวิธีการโอนตาม ม.918 โอนเพียงส่งมอบให้กัน ไม่ต้องไปสลักหลัง (ถ้าตอนโอนไปสลักหลัง ก็ถือว่าเป็นผู้รับอาวัลตาม ม.921)
-เช็คเขียนว่า จ่าย...สด... และขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออก เช็คฉบับนี้จึงไม่สมบูรณ์เป็นเช็ค เพราะขาดรายการตาม ม.988(4) ไม่มีชื่อผู้รับเงิน ไม่มีคำจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ใครลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ลงลายมือชื่อสลักหลัง ไม่มีความรับผิดตามตั๋วเงิน เพราะไม่สมบูรณ์เป็นตั๋วเงิน
4) ผู้รับสลักหลัง
-ผู้รับโอนตั๋วเงินมาอีกทอดหนึ่ง จะถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ตาม ม.905 วรรคหนึ่ง ด้วย
-ม.905 อยู่ในบังคับ ม.1008 ซึ่ง ม.1008 เป็นเรื่องลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอม/ลงลายมือชื่อโดยปราศจากอำนาจ ในทางกลับกัน ม.905 เป็นลายมือชื่อที่แท้จริง/ลงลายมือชื่อโดยเจ้าของลายมือชื่อมอบอำนาจให้ลงลายมือชื่อ บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครอบ ถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย..ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย (ผู้ทรงโดยฐานเป็นผู้รับสลักหลัง จะเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จะต้องพิสูจน์ว่าตั๋วเงินนั้นมีการสลักหลังไม่ขาดสาย คือ มีการโอนต่อมาเป็นทอด ๆ มาจนถึงตนมีการสลักหลังไม่ขาดสาย)
เช่น ก. ผู้ทรงเช็ค ต่อมาได้สลักหลังโอนเช็คให้ ข. ข. สลักหลังโอนเช็คให้ ค. ค. มีเช็คไว้ในครอบครองฐานเป็นผู้รับสลักหลัง ค. ต้องพิสูจน์ว่าเช็คในครอบครองมีการสลักหลังไม่ขาดสาย ตั้งแต่ ก. ผู้สลักหลังคนแรก ข. ผู้สลักหลังคนที่สอง ค. จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย
-จาก ม.905 วรรคหนึ่ง "..แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักหลังลอยก็ตาม ท่านให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย" การสลักหลังโอนเช็คชนิดระบุชื่อหรือยี่ห้อของผู้รับเงิน สามารถทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือการสลักหลังเฉพาะ โดยสลักหลังระบุชื่อผู้รับประโยชน์คนที่รับโอนเช็ค วิธีที่สองการสลักหลังลอย ม.919 วรรคสอง (ลงลายมือชื่อสลักหลัง ไม่ระบุข้อความอื่น)
***จบการบรรยาย***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น